ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่ 157 ด้วยความยินดี
ตอนที่157 ด้วยความยินดี
จ้าวเฉียนเพียงกังวลว่าฟู่เทียนกับฟู่เอ๋อร์จะลงมือกลั่นแกล้งบริษัทฟางนี่ เหมือนกับหยางหมิงที่คอยหาเรื่อง เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนหนึ่งเป็นพ่อ ส่วนอีกคนเป็นลูก พวกเขาอาจรวมหัวกันแก้แค้นจ้าวเฉียนก็เป็นได้
จ้าวเฉียนขับรถไปที่โรงแรมตงไห่ และเดินขึ้นไปยังห้องอาหารในชั้นที่เจ็ด นั่งรอเหลียวเซียวหยุนมาถึง
ประมาณสิบนาทีต่อมาเห็นจะได้ เหลียวเซียวหยุนก็ผลักประตูเข้ามา แต่จ้าวเฉียนถึงกับประหบาดใจอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นเธอ เพราะวันนี้เธอช่างสวยเหลือเกิน
เหลียวเซียวหยุนที่เห็นจ้าวเฉียนเบิกตาโตตะลึงอยู่ จึงยิ้มถามอย่างมีความสุขว่า
“นี่นายกำลังมองอะไรมิทราบ? ไม่เคยเห็นฉันแต่งตัวจัดเต็มแบบนี้มาก่อนใช่ไหม? เป็นยังไง…ฉันสวยไหม?”
จ้าวเฉียนเพียงยิ้มและตอบกลับไปว่า
“ฉันเคยเห็นผู้หญิงสวยผ่านตามาก็มากนะ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้แบบคุณ ฉันมีญาตผู้พี่อยู่หนึ่ง สนใจไหม? เดี๋ยวฉันแนะนำให้รู้จัก จะได้สร้างครอบครัวแล้วมีลูกหน้าตาน่ารักสักคนนึง?”
“ฮ่าฮ่า…ตาบ้า!”
เหลียวเซียวหยุนหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะมือปัดใส่จ้าวเฉียนเล็กน้อยเชิงเย้าหยอก
ทั้งสองคุยกันอยู่สักหนึ่ง และเป็นจ้าวเฉียนที่เรียกพนักงานเสิร์ฟเข้ามา
ยังคงเหมือนกับเมื่อคืน จ้าวเฉียนบอกเหลียวเซียวหยุนว่าสั่งอาหารมาได้เต็มที่ แต่สิ่งเดียวที่แตกต่างไปคือ ครั้งนี้เธอสั่งอาหารมาพอประมาณเท่านั้นไม่กี่จาน
“อย่าเที่ยวพูดแบบนี้กับใครเข้าใจไหม? นายต้องรู้จักประหยัด เก็บเงินเพื่อสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง จะให้ฉันสั่งแบบเมื่อคืนล่ะก็ กินก็ไม่หมด แถมเปลืองเงินโดยใช่เหตุ”
เหลียวเซียวหยุนกล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวตอบไปว่า
“เธอแค่สั่งเฉพาะที่กินไหวก็พอ แค่นี้ก็ช่วยฉันได้เยอะแล้ว”
พนักงานเข้ามาเสิร์ฟอาหารอย่างรวดเร็ว และทั้งคู่ก็เริ่มนั่งสนทนากันระหว่างมื้ออาหาร
เหลียวเซียวหยุนเอ่ยถามขึ้นว่า
“นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานของฉันเลยนะ เวลานายจะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ ขาดทุนไม่ได้เด็ดขาดแม้แต่หยวนเดียว”
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวตอบไปว่า
“ตราบเท่าที่เธอจริงจังและเอาใจใส่งานมากพอ ไม่เพียงจะไม่ขาดทุนเท่านั้น ไม่สิ…ต้องบอกว่าเธอตั้งเป้ากำไรไว้ที่เท่าไหร่?”
เหลียวเซียวหยุนพยักหน้าพร้อมเอ่ยถามต่อไปว่า
“แล้วนายคิดไว้รึยังว่าจะผลิตเกมแนวไหนออกมา? สามารถเลียนแบบ League of Honorได้ไหม? เกมแนวนี้กำลังเป็นกระแสเลยไม่ใช่เหรอ?”
จ้าวเฉียนส่ายหน้าทันทีและตอบกลับไปว่า
“ไม่แน่นอน เจ้าของที่ถือครองลิขสิทธิ์เกมนี้คือซิงหยวน ถ้าคุณกล้าเลียนแบบจะต้องถูกฟ้องร้องแน่นอน เกมที่ประสบความสำเร็จไม่ได้มีอยู่ประเภทเดียว บางเกมเป็นแนวเก็บเลเวล ค่อยๆใช้เงินพัฒนา เกมแนวนี้ก็ค่อนข้างฮิตเช่นกันในปัจจุบัน วิธีทำให้เข้าถึงผู้คนได้ง่ายที่สุดคือการแจกเกมฟรี”
เหลียวเซียวหยุนงุนงงอย่างมากเมื่อได้ยิน และเอ่ยถามต่อไปว่า
“ถ้าแจกเกมฟรี แล้วจะเก็บเงินหาผลกำไรจากใคร? หรือมีวิธีทำงานแบบอื่นด้วย?”
“ขายตั๋วสุ่มไอเทมในเกมไง! สิ่งนี้มีผลต่ออัตราการพัฒนาของตัวละครอย่างมาก แต่ก็อย่าทำให้สายฟรีกับสายเติมมีช่องว่างระยะห่างกันเกินไป บางทีเราอาจใช้ชุดแฟชั่นสวยๆเข้ามาล่อใจให้เติมเงินสุ่มไอเทมเหล่านั้น หรือไอเทมที่มีค่าสถานะแตกต่างจากของที่หาดรอปได้จากในเกมเพียงเล็กน้อย ตามที่คำนวณดูแล้ว เกมประเภทนี้น่าจะทำเงินได้100ล้านหยวนต่อวัน คุณคิดว่าโอเคไหม?”
เหลียวเซียวหยุนอุทานลั่นในทันใด
“100ล้านต่อวัน?! สุดยอด! ถ้าสรุปยอดรวมมันไม่แซงกำไรสุทธิต่อปีของบริษัทฉันเลยงั้นเหรอ? นี่แหละคือเกมที่ฉันต้องการ แต่นายต้องช่วยฉันวางแผนนะ!”
จ้าวเฉียนยิ้มและตอบกลับไปว่า
“ไม่ต้องกังวล ฉันกำลังวางแผนอยู่ ถึงแบบนั้นก็ยังต้องการความคิกดเห็นจากคุณ แต่ไม่ใช่ว่าผมจะทำโดยเปล่าประโยชน์หรอกนะ ทำงานมันต้องมีค่าตอบแทนน่ะ”
เหลียวเซียวหยุนหยักหน้าและตอบกลับไปว่า
“นั้นมันแน่อยู่แล้ว นายต้องการเท่าไหร่ล่ะ?”
“ผมไม่ต้องการเงิน ขอเป็นจูบของคุณได้ไหม? ที่เดิมพันกันเมื่อคืน ผมยังไม่ได้จูบคุณเลยนะ”
จ้าวเฉียนกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อกล่าวจบ ทางด้านเหลียวเซียวหยุนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันใด และทุบอกจ้าวเฉียนไปทีหนึ่ง ก่อนกล่าวตอบว่า
“ถ้านายต้องการจริงๆก็ทำโปรเจคนี้ให้สำเร็จก่อน! เดี๋ยว…เดี๋ยวฉันให้แน่นอนในอนาคต…”
สำหรับจ้าวเฉียนแล้ว นี่ก็แค่เรื่องหยอกเล่นแก้เครียดเท่านั้น ตัวเขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน เพราะไม่มีอะไรที่เขาต้องการแล้วจึงขอจูบแบบขำๆเท่านั้น
เหลียวเซียวหยุนเหมือนจะคิดอะไรออก จึงเอ่ยถามขึ้นว่า
“นายเคยบอกว่า นายเป็นแค่พนักงานออฟฟิศทั่วไปไม่ใช่เหรอ? แล้วนายไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ พ่อของฉันบอกว่า ค่าอาหารมื้อเมื่อคืนอย่างต่ำก็หกถึงเจ็ดแสนหยวนแล้ว แต่นายกลับจ่ายได้โดยไม่เป็นกังวลอะไรเลย แถมตอนที่ฉันถามว่าอยากได้เท่าไหร่ นายยังไม่สนใจเงินสักแดง ที่จริงแล้ว…ครอบครัวของนายมีภูมิหลังยังไงกันแน่? เงินไม่สำคัญสำหรับนายเป็นเพราะนายมีเยอะแล้ว?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเสียงดังทันทีที่ได้ยินการสันนิษฐานของเธอ เขาตอบกลับไปว่า
“เรื่องนี้มันยาวน่ะ ไว้วันไหนมีเวลา เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง”
เหลียวเซียวหยุนส่ายหัวและตอบกลับทันทีว่า
“ไม่! นายต้องพูดตอนนี้! ฉันสัญญาจะไม่ปากโป้งแน่นอน”
ได้ยินแบบนั้น จ้าวเฉียนจึงพยักหน้าอย่างจนใจ แต่เขาเบี่ยงประเด็นเล่าถึงประสบการณ์ที่โดยเจียงเสี่ยวปิงทิ้ง แน่นอนนี่ไม่ต่างอะไรกับการเติมเชื้อเพลิง ราดน้ำมันใส่บนกองไฟของเหลียวเซียวหยุนเข้าไปอีก
เหลียวเซียวหยุนกกระทืบเท้าอย่างแรงด้วยความโกรธจัด เธอสบถด่าขึ้นทันทีว่า
“แฟนเก่าของนายมันเฮงซวยชะมัด! เห็นแก่ตัวยังไม่พอ แถมยังเห็นแก่เงินอีก! ตอนนี้เธอยังทำงานอยู่ในบริษัทนายรึเปล่า?”
จ้าวฉัยนพยักหน้าเล็กน้อย
“หึ! งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปบริษัทนายด้วย! ฉันจะไปสั่งสอนนังนั้นสักรอบ!”
เหลียวเซียวหยุนเอ่ยกล่าวด้วยความโกรธจัด
จ้าวเฉียนที่ได้ยินเช่นนั้นระเบิดหัวเราะในทันใดและตอบกลับไปว่า
“ฮ่าฮ่า…ไม่จำเป็นหรอก ผมไม่ได้สนใจเธออีกแล้ว แถมเธอเองก็คงได้รับบทเรียนมากเพียงพอ ไม่ต้องไปยุ่งกับเธอหรอก”
“ไม่! ฉันโกรธมาก! ถ้าไม่ได้สั่งสอนนังนั้นสักที ฉันนอนไม่หลับแน่นอน! ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ทำให้นายต้องอับอายแน่นอน งั้นไปตอนนี้เลยดีไหม? ไปกัน!”
เหลียวเซียวหยุนพยายามกล่าวกระตุ้นจ้าวเฉียนให้ออกไปหาเธอตั้งแต่ตอนนี้เลย
จ้าวเฉียนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และกล่าวน้ำเสียงเด็ดขาดตอบไปทันทีว่า
“ไม่ ผมไม่อนุญาตให้คุณไปที่นั่นในตอนนี้ เพิ่งบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ทำให้ผมอับอาย แต่สิ่งที่กำลังจะทำอยู่ มันจะทำให้ผมอับอายนะ”
เหลียวเซียวหยุนเบะปากหน้าบึ้งตึง เธอตอบกลับไปว่า
“โอเค ฉันจะพยายามลืมๆมันไปแล้วกัน กินข้าวกันเสร็จ ไปเดินห้างเลือกซื้อเสื้อผ้ากับฉันหน่อยสิ”
ก่อนที่จะลงนามในสัญญาความร่วมมือ เท่ากับว่าเหลียวเซียวหยุนถือไพ่เหนือกว่า และจ้าวเฉียนจำต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองทานอาหารกันจนอิ่ม เอนหลังนั่งพิงเก้าอี้กันครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินทางไปห้างเพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าต่อ
แต่อย่างไร การช็อปปิ้งของผู้หญิงถือเป็นงานหินของผู้ชาย เหลียวเซียวหยุนไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เธอตะเวนเดินไปทั่วห้าง แต่ก็ยังไม่เจอชุดที่ถูกใจเลยสักตัว
ขาทั้งสองข้างจองจ้าวเฉียนระบมไปหมดแล้ว เขาไม่อยากเดินไปไหนต่อแล้วจริงๆ จึงเอ่ยขึ้นว่า
“ผมขอพักก่อนได้ไหม ตอนนี้แทบจะเดินไม่ไหวแล้ว”
แต่เหลียวเซียวหยุนยังไม่เจอเสื้อผ้าที่ชอบเลยสักตัว ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมแพ้ และไม่ยอมหยุดพักแค่นี้แน่นอน
จ้าวเฉียนเดินตามเธอต่ออย่างช่วยไม่ได้ แต่ในระหว่างนั้นเอง ก็มีคนสองคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดีเดินเข้ามา นั้นคือรองผู้จัดการทั่วไปของห้างแห่งนี้และเซียวลี่
เมื่อเห็นว่าเป็นจ้าวเฉียน ทั้งสองจึงมุ่งหน่าเดินไปหาด้วยความโกรธเคือง
“โลกมันกลมดีจริงโว้ย ฉันไม่คิดเลยว่าแกยังจะมาที่นี่อีก! รีบไสหัวไปซะก่อนที่ฉันจะรีบรปภ.มาเตะแกส่งออกไป”
เซียวลี่กล่าวขึ้นด้วยความโกรธ
จ้าวเฉียนหัวเราะเยาะลั่น เขาไม่ได้สบตากับอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำและกล่าวว่า
“เดิมทีผมก็ไม่ค่อยอยากจะสนใจพวกคุณเท่าไหร่ ตราบใดที่ไม่ก่อปัญหาให้ แต่ดูเหมือนว่า มาทีท่าแบบนี้จะหาเรื่องกันแล้ว?”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบน้ำเสียงจริงจังอย่างยิ่ง
รองผู้จัดการทั่วไปอย่างหวันเจียนต้องทำอะไรสักอย่างเช่นกันในเวลานี้ ไม่อย่างนั้นยังจะเหลือ‘ศักดิ์ศรี’ต่อหน้าเลขาได้อย่างไร?
“ไอ้หนุ่ม นายนี่มันพูดจาได้แย่มาก! มาคุยกับฉันที่ออฟฟิศหน่อยเป็นไง?”
หวันเจียนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบไปว่า
“ได้ แต่ผมขอตัวไปโทรศัพท์ก่อนแปปหนึ่ง”
จ้าวเฉียนเดินมาหลบมุมด้านหนึ่งเพื่อโทรหาพ่อของเขา ทันทีที่สายต่อติดก็เอ่ยขึ้นว่า
“พ่อ ผมอยู่ที่ห้างตงไห่ อินเตอร์เนชั่น เซ็นเตอร์ รองผู้จัดการทั่วไปของห้างนี้มีปัญหากับผม ช่วยหาใครสักคนมาจัดการเขาทีได้ไหม?”
จ้าวฟู่ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งและตอบไปว่า
“ห้างตงไห่ เซ็นเตอร์? รู้สึกจะเป็นห้างที่ทำให้แม่แกโกรธจัดเป็นฝืนเป็นไฟใช่ไหม? ฉันส่งคนไปซื้อห้างนั้นมาแล้ว ทันทีที่แม่แกกลับมา ก็สั่งให้ฉันซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทห้างที่ว่านี้เรียบร้อย โอนเงินจ่ายไปหมดแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนการโอนใบกรรมสิทธิ์ ดังนั้นลูกสามารถจัดการได้ตามต้องการเลย”
จ้าวเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นก็กล่าวชื่นชมพ่อทันทีด้วยใจจริง
“พ่อ…ใจพ่อมันหล่อมมาก!”
“ฮ่าฮ่าๆ…นอกจากปู่กับแกแล้ว ก็ไม่มีใครชมฉันแบบนี้เลย ฮ่าฮ่า…จะทำยังไงได้ แม่แกโกรธอย่างมากตอนที่กลับมาถึง ฉันก็เลยต้องซื้อห้างนี้ขึ้นมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้แม่แกหายโกรธ”
“ง่ายดีจังพ่อ แล้วถ้าแบบนี้ จะให้ใครเข้ามาบริหารห้างแห่งนี้ล่ะ?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“กำลังคิดอยู่ แกจะเอาไหม?”
จ้าวฟู่เอ่ยถามขึ้น
จ้าวเฉียนตอบปฏิเสธกลับไปทันที
“ผมไม่เอาหรอก ตอนนี้กำลังบริหารธุรกิจของตัวเองอยู่ ไม่มีเวลาว่างมาดูแลห้างหรอก”
“งั้นก็ตามใจ รอสักแปปแล้วกัน ฉันจะรีบโทรหาผู้รับผิดชอบของห้างนั้นให้มาจัดการเอง”
จ้าวฟู่กล่าวน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“ขอบคุณครับพ่อ ทำงานอย่าลืมพักบ้างนะครับ ดูแลสุภาพด้วย”
“ก็รอแกมารับช่วงต่อนี่แหละ ถึงจะเกษียณตัวเองได้อย่างหมดห่วง แล้วอย่าลืมเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักนะ เห็นแม่แกบอกมา”
“ไม่ต้องห่วงครับ ไม่มีใครรู้จักตัวตนของผม คงไม่มีใครจับตัวพนักงานบริษัทธรรมดาไปเรียกค่าไถ่แน่นอนจริงไหม?”
จ้าวฟู่ระเบิดหัวเราะคำโตก่อนจะวางสายไป
จ้าวเฉียนยิ้มแย้มพลางเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง เพื่อรอข้อความตอบกลับจากพ่อ