ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่101 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส
ตอนที่101 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส
จ้าวเฉียนอธิบายแผนการให้หวงฉิงฟังโดยละเอียดว่าควรแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไร
เมื่อเห็นว่าทั้งสองออกมาจากหลังร้าน ทุกคนต่างเอ่ยถามทันทีว่า ไปคุยอะไรกันเพื่อให้แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
หวงฉิงปรบมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ และป่าวประกาศเสียงดังฟังชัดว่า
“อย่างที่น้อยชายท่านนี้กล่าวไป ทางเราบริษัท หัวซางหยานไห่ คอนดักชั่นของเรา มีนโยบานที่ชัดเจนมากในด้านการต่อต้านสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ภายใต้กฎหมายและข้อบังคับทั้งหมดบนเกาะแห่งนี้ นักท่องเที่ยวทุกท่านสบายใจได้ สิ่งของทุกชิ้นในนี้ได้รับการตรวจสอบหมดแล้ว ทั้งหมดเป็นของแท้ แต่บางร้านทางเราอาจจะมีการตรวจสอบตกล้นไปบ้าง ทางลูกค้ายืนเรื่องดำเนินการต่อไปกับทางเราหลังจากนี้นะครับ”
เมื่อได้ยินหวงเฉิงประกาศไปแบบนั้น บรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลายก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่
“ว้าว! พูดแบบนี้คิดจะผลักภาระให้พวกเรางั้นเหรอ?”
“คิดจะทุบหม้อแกงตัวเองไง? ตรวจสอบบ้าบออะไรล่ะ? ก็เห็นอยู่ว่ามันเป็นของปลอม! พูดยังกับเป็นความผิดเรา?”
“อย่ามาพูดไร้สาระ บอกมาก็พอว่าจะจัดการยังไงกับปัญหานี้ยังไง คืนเงินมาก่อน แล้วก็ค่าชดใช้จำนวนหนึ่งในสามของราคาสินค้า!”
หวงฉิงรีบอธิบายให้ทุกคนฟังทันทีว่าตนไม่ได้พยายามที่จะปัดคาวมรับผิดชอบ แต่ขอความร่วมมือกับทุกคนให้ดำเนินการตามกฎหมาย สำหรับเรื่องขอรับเงินคืนและค่าชดเชย สามารถเรียกเก็บกับทางคู่กรณีได้แน่นอนหลังจากยื่นเรื่องแจ้งความแล้ว
พอได้ยินคำรับประกันแบบนี้ พวกนักท่องเที่ยวก็หาว่าอ้างไปเรื่อยและไม่เชื่อคำพูดของหวงฉิง
ทางหวงฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก ให้ตำรวจ ณ ที่นี้ทั้งหมดเป็นพยาน หากทุกคนไม่ได้ค่าชดเชยตามกำหนด สามารถดำเนินคดีไปทางเขาได้เลย
เนื่องด้วยคำมั่นสัญญาของหวงฉิง นักท่องเที่ยวทุกคนจึงค่อยสงบลง รอยื่นเรื่องดำเนินการต่อไป
ในขณะเดียวกัน เฉินกวงอวี่ก็ตะโกนลั่นสั่งการเหล่าบอดี้การ์ดกับรปภ.ขึ้นว่า
“ไล่คนพวกนี้ออกไปซะ! ออกไปจากร้านให้หมด! พวกแกไปไล่พวกมันซะ!”
รปภ.และบอดี้การ์ต้องทำตามคำสั่งทันที และเริ่มขับไล่ผู้คนออกจากร้านอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรน่ะ? กล้าใช้ความรุนแรงงั้นเหรอ!?”
“ตำรวจก็ยืนอยู่ทั้งคนยังกล้าลงมือกับพวกเราอีกเหรอ?!”
“นักเลงรึไงวะ!!”
“คุณตำรวจช่วยด้วย! คุณตำรวจช่วยด้วย! คุณตำรวจช่วยด้วยครับ…”
เหล่าผู้คนแหกปากตะโกนเสียงดังลั่น กลายมาเป็นจราจรอีกครั้งภายในร้าน กำลังตำรวจเร่งตรงเข้ามาปิดล้อมหยุดไม่ให้พวกบอดี้การ์ดและรปภ.ทำอะไรไปมากกว่านี้ ทั้งยังสั่งให้พวกเฉินกวงอวี่ทั้งหมดห้ามพูดจาหยาบคายกับลูกค้าเป็นอันขาด
เฉินกวงอวี่เอาแต่ใจจนเสียนิสัย และเนื่องจากเคยติดต่อตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาแล้ว เขาจึงไม่แม้แต่ให้ความสำคัญกับพวกตำรวจรากหญ้าเหล่านี้เลย
“พวกมึงเล่นด้วยผิดคนแล้ว! กล้าขวางกูเหรอ! มึงรู้ไหมว่ากูกับผู้อำนวยการของบริษัทมึงสนิทกันแค่ไหน? แม้แต่รัฐมนตรีเขตเหยเป่ยกูก็รู้จัก! รัฐมนตรีเขตตงไห่กูก็รู้จัก! กล้าหือกับกูจริงๆ ใช่ไหม? พวกตำรวจชั้นต่ำแบบพวกมึงไม่มีวันเจริญแน่!”
เหตุการณ์ในขณะนี้คงเรียกว่า ฟิวส์ขาด ไปแล้ว เฉินกวงอวี่ในตอนนี้คิดแค่ว่า เมื่อตัวเองตะโกนพ่นคำพูดเหล่านี้ออกมา แล้วจะสามารถขู่ให้ทุกคนกลัวได้ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด บรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลายแหล่ต่างหยิบมือถือถ่ายคลิปวีดีโอโพสต์ลงวอนทั่วอินเตอร์เน็ต ภาพลักษณ์ที่แสนหยิ่งยโสและทำตัวราวกับใหญ่โต ประดับคู่มาด้วยวาจาคำกล่าวแสนหยาบคายต่างๆ นาๆ จึงทำให้คลิปนี้กลายเป็นที่โด่งดังในทันทีชั่วพริบตา
สำนักงานเขตเมืองตงไห่และสำนักงานเขตเมืองเหยเป่ย ออกคำสั่งให้กำลังตำรวจที่อยู่ในพื้นที่นั้นเข้าจับกุมตัวเฉินกวงอวี่ทันที ข้อหาหลอกขายสินค้าละเมดลิขสิทธิ์ให้แก่ผู้บริโภค และแอบอ้างชื่อเจ้าหน้าที่ โทษที่เขาได้รับถือเป็นทางอาญา
เฉินกวงอวี่ผนักตำรวจนายหนึ่งที่พยายามมาจับกุมตัวเองอย่างแรง และตะโกนลั่นเป็นบ้าเป็นหลังว่า
“มึงจะจับใคร! บริษัทพ่อกูให้การสนับสนุนสำนักงานเขตตั้งกี่เมืองรู้เปล่า! กูสามารถสั่งปลดให้พวกมึงออกจากราชการได้แค่โทรกริ๊งเดียว!”
จ้าวเฉียนยืนมองเฉินกวงอวี่ที่กำลังโหวกเหวกโวยวายยิ่งกว่าเป็นบ้า ราวกับกำลังมองตัวเองเมื่อห้าปีก่อนไม่มีผิด เห็นแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจไม่น้อยเลย ต้องขอบคุณบทลงโทษอันแสนใจเด็ดของจ้าวฝู่ ที่ถึงขั้นตัดหางปล่อยวัด ขับไล่เขาออกจากบ้านเพื่อขัดเกลาตัวเองซะใหม่ ไม่อย่างนั้นชะตากรรมของตัวเขาเองคงลงเอยแบบเฉินกวงอวี่
ตำรวจรับสั่งจากเบื้องบนให้ลงมือจับกุมเฉินกวงอวี่ได้เลยไม่ต้องกลัว และคุมตัวไปยังโรงพักโดยตรง
จากเหตุการณ์ใหญ่ครั้งนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาะซ่งต้าวได้รับผลกระทบอย่างหนะก หวงฉิงจึงรีบเชิญตัวจ้าวเฉียนไปหารือกันที่ห้องทำงานของเขา
“คุณชายจ้าว ได้โปรดช่วยผมด้วยครับ ถ้าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวบนเกาะนี้มีปัญหา ผมคงถูกทางบริษัทใหญ่ลงโทษสถานหนักแน่นอน ผมมีทั้งพ่อแม่ที่ชราภาพต้องเลี้ยงดู ไหนจะค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้านอีก… ภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมแบกรับอยู่คนเดียว คุณชายจ้าวก็น่าจะทราบนะครับว่ามูลค่าบ้านแถวทะเลจีนตะวันออกมันสูงแค่ไหน คำนวณโดยคราว ผมมีค่าใช้จ่ายมากกว่า20,000หยวนทุกเดือน ถ้าตกงานตอนนี้ ผมหมุนเงินไม่ทันแน่”
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวปลอบโยนไปว่า
“คุณกำลังกังวลอะไรของคุณ? นี่เป็นโอกาสดีเลยต่างหาก!”
“ห๊ะ? โถ่วว..คุณชายจ้าว อย่ามาล้อเล่นแบบนี้กับผมสิครับ หาทางช่วยผมที!”
“สิ่งสำคัญข้อแรกในการขึ้นเป็นผู้นำคือ ไม่มองสถานการณ์เพียงด้านเดียว นอกจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นปัญหาแล้ว หากมองอีกด้านมันก็คือโอกาสเช่นกัน คุณต้องเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ทำไมไม่ถึงนำเสนอกับผู้คนทั่วประเทศไปแทนละว่า ข่าวอื้อฉาวดังกล่าวเป็นหนึ่งในผลงานการปราบปรามอย่างจริงจังระหว่างกรมการท่องเที่ยวและบริษัท หัวซางหยานไห่ คอนดักชั่น ยังไงข่าวนี้ก็มีคนสนใจกันทั่วประเทศอยู่แล้ว ก็ใช้โอกาสนี้โปรโมทการท่องเที่ยวบนเกาะซ่งต้าวไปเลย แล้วบอกไปว่า จากนี้ต่อไปจะไม่มีการขายสินค้าเกินราคาและของปลอมอีกต่อไป พวกเราเน้นความยุติธรรมและต้องการมอบประสบการณ์ที่มีค่าให้แก่นักท่องเที่ยวทุกคน ต้องให้ผมเขียนแบบแผนการตลาดขึ้นมาเองเลยไหม?”
หวงฉิงที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะทันทีอย่างสุขอกสุขใจยิ่ง เขาพยักหน้าตอบอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า
“ผมเข้าใจแล้ว! จุดประสงค์ของเราคือการให้ทุกคนได้รับรู้ถึงแผนการปราบปราว่าจริงจังแค่ไหน ส่วนที่ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นยังไง เราก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกไปทั้งหมด!”
“ไหวพริบ และทัศนคติที่ดี จะสามารถมองวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ หลังจากนี้ลองปรึกษากับทีมงานเฉพาะทางดูว่าจะน้ำเสนอในรูปแบบไหนออกมา ถ้าไม่มีอะไรติดขัด ไม่เพียงนักท่องเที่ยวจะไม่ลดลง แต่จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน”
หวงฉิงรีบกล่าวขอบคุณจ้าวเฉียนอย่างสุดซึ้ง และอาสาพาเขากลับไปส่งที่โรงแรมเป็นการส่วนตัว
ฟางนี่และคนอื่นๆ ยืนรออยู่ที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งของตัวโรงแรม พอเห็นจ้าวเฉียนกลับมาแล้ว ก็รีบวิ่งปรี่เข้าไปหา
ฟางนี่เอ่ยถามอย่างลังเลว่า
“จ้าวเฉียน นายเป็นยังไงบ้าง? พวกเขาไม่ได้ทำอะไรกับนายใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนตอบพร้อมสีหน้าไร้กังวล
“ขอบคุณประธานฟางนะครับที่เป็นห่วง ผมสบายดี เอ่อ…ขอโทษนะครับที่ทำให้ทุกคนอดจัดกิจกรรมกันเลย นี่ก็เกือบสามทุ่มแล้ว มีใครอยากออกไปเล่นที่ริมชายหาดอยู่อีกไหม?”
ขณะที่ฟางนี่จะตอบไปว่าไม่เป็นไร แต่จางหยางกลับพูดแทรกขึ้นทันทีพร้อมท่าทางหงุดหงิดว่า
“ยังจะเล่นอะไรตอนนี้อยู่อีก? เพราะนายเลยทำให้ทุกคนไม่มีอารมณ์เที่ยวกันแล้ว!”
หวังเฉียงและเจวียงหยวนรับกล่าวเสริมขึ้นมาทันควัน โดยบอกว่าตอนนี้ทุกคนไม่มีอารมณ์เล่นแล้ว อยากนอนพักผ่อนกันในโรงแรม
แต่บรรดาเพื่อนร่วมงานทั้งหมดกลับเห็นต่าง กล่าวค้านขึ้นมาทันทีว่า พวกเขายังต้องการออกไปเล่นข้างนอก และอุตส่าห์มาที่นี่ทั้งทีใครจะโง่นอนเล่นอยู่แต่ในโรงแรม จะให้ทริปเที่ยวบริษัทเปล่าประโยชน์แบบนี้ไปได้ยังไง
ฟางนี่เองก็พนักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นของทุกคน บริษัททุ่มเงินไปกว่าหลายหมื่นหยวนเพื่อสร้างทริปนี้ขึ้นมา หากเอาแต่นอนคลุกตัวอยู่ในโรงแรม ไม่เท่ากับเอาเงินไปทิ้งเล่น?
“เอาอย่างนี้แล้วกันนะ ถ้าใครยังอยากออกไปเที่ยวต่อก็ทำตามแผนเดิม แต่ถ้าใครอยากพักผ่อนก็นอนอยู่โรงแรมไปนั้นแหละ พวกเรามาทริปนี้ก็เพื่อพักผ่อน ดังนั้นฉันจะไม่บังคับนะ ตัดสินใจได้ตามสบายเลย”
ที่จริงแล้วฟางนี่ต้องการให้ทุกคนออกไปผ่อนคลายด้วยกัน แต่เนื่องจากไม่อยากหักหน้าจางหยาง เธอจึงกล่าวอ้อมๆ ออกไปแทน
จางหยางยิ่งรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเข้าไปใหญ่ เขารู้สึกเสียใจอย่างมากที่มาแต่งงานกับฟางนี่ ตอนนี้เธอไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสาเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขาไม่สามารถควบคุมอะไรเธอได้เลย
อย่างไรก็ตามแต่ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ย่อมพูดความในใจออกมาไม่ได้อยู่แล้ว ท้ายที่สุดนี้เขายังคงดำรงตำแหน่งผู้จัดการและทุกคนต่างก็จับตาดูเขาอยู่ แต่เริ่มเดิมทีจางหยางต้องการจะใช้โอกาสนี้ทำให้ทุกคนเกลียดจ้าวเฉียน แต่ไม่คิดไม่ฝัน ทุกคนกลับไม่เอ่ยปากบ่นเลย แถมยังเห็นดีเห็นงามออกไปเที่ยวกับจ้าวเฉียนอีก นี่ไม่ต่างกับยกก้อนหินทุบเท้าตัวเองเลยรึไง?
ฟางนี่ปรบมือเรียกทุกคน และป่าวประกาศว่า
“งั้นตอนนี้แยกย้ายกลับห้องพักตัวเองเพื่อเตรียมตัวนะ แล้วพวกเราจะกลับมารวมตัวกันตรงนี้ในอีกห้านาที”
ทุกคนรีบแยกย้ายกับกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่จ้าวเฉียนยังคงนิ่งไม่ขยับตัว และเดินไปยังมุมหนึ่งของล็อบบี้เพื่อนั่งรอ
ไม่นานนัก หวานเจียงก็ลงลิฟต์จากชั้นบน เดินตรงมาหาเขาทันทีพร้อมท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย
พอมาหยุดตรงหน้าจ้าวเฉียน เธอก็เริ่มสวดทันที
“ตาบ้า! ไม่อยากเชื่อเลยว่านายจะเปิดห้องพักมาแค่ห้องเดียวจริงๆ แถมยังเป็นเตียงแบบคิงไซส์! แล้วฉันจะไปนอนที่ไหนล่ะคืนนี้? จะปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว ห้องพักของโรงแรมอื่นก็เต็มหมด!”
จ้าวเฉียนขยิบตาให้พลางยิ้มเยาะกล่าวว่า
“ก็ตอนนี้เธอเป็นแฟนฉันไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่นอนด้วยกันก็ไม่สมจริงถูกไหมล่ะ? แหมมม…ผมก็เคยเสียตัวให้คุณแล้ว แค่นี้ทำเป็นเขิน”
หวานเจียงหน้าแดงก่ำในทันใด ยกมือตีจ้าวเฉียนไปเปี๊ยะหนึ่ง แต่ในขณะนั้นเองเธอก็ดันไปเห็นคนรู้จักเดินเข้ามาในโรงแรม