ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่102 ชะตาลิขิต
ตอนที่102 ชะตาลิขิต
ไม่รู้ว่านี่จะบังเอิญขนาดไหน หยางหมิงมาโผล่ที่โรงแรมนี้ได้ยังไง แถมยังควงสตีมเมอร์สาวคนดังอยู่ในอ้อมแขน พร้อมด้วยเพื่อนฝูงอีกสองสามคน
หวานเจียงกำลังจะหลบหน้าหนี แต่จ้าวเฉียนก็เหลือบไปเห็นพอดี ก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้
“หวานเจียง นี่มันชะตาลิขิตระหว่างเธอกับเขาหรือยังไง? เพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน ก็เจอหน้าเจ้านี่อีกแล้ว ว้าว นี่สินะที่เรียกว่าพรมลิขิต”
หวานเจียงยื่นมือส่งสัญญาณให้จ้าวเฉียนเบาเสียงลงหน่อย เธอกล่าวติดโมโหว่า
“อย่ามาพูดแบบนี้ให้ฉันได้ยินอีกนะ ไม่งั้นฉันจะโกรธจริงๆ พรมลิขิตบ้อบออะไร เวรกรรมของฉันมากกว่า!”
“ช่างมันเถอะ ตลอดทั้งทริปเธอต้องเล่นเป็นแฟนฉันให้เนียน! แล้วต้องนอนห้องเดียวกับฉันนี่คือคำสั่ง!”
“นี่นายคิดว่าตัวเองเป็นแฟนฉันจริงๆ ใช่ไหมห่ะ!?”
“อย่างน้อยก็ภายในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ฉันมีสิทธิ์บงการเธอว่าต้องทำอะไรบ้าง แล้วกินยาคุมที่ซื้อไปให้ครั้งที่แล้วรึยัง?”
หวานเจียงยิ้มเยาะ เอ่ยตอบไปว่า
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ได้กินเลยสักเม็ด นายจะทำยังไง?”
จ้าวเฉียนเองก็แสยะยิ้มเยาะเช่นกัน ตอบสวนไปว่า
“ถ้าเธอไม่ได้กิน ฉันก็พร้อมซื้อบ้านและแต่งงานกับเธอ ไม่ยอมปล่อยให้ลูกที่เกิดมาเป็นเด็กนอกสมรสแน่นอน เป็นถึงทายาทตระกูลจ้าวคนต่อไป จะให้ไม่มีหัวนอนปลายเท้าได้ยังไง?
“ไปกันใหญ่แล้ว! นายคิดเยอะเกินไป ถึงนายจะอยากมี ฉันนี่แหละจะเอาออก ฉันไม่มีวันทีลูกกับนายเด็ดขาด”
“ถ้าเธอกล้าเอาออก ฉันก็กล้าเผาบ้านเธอเหมือนกัน!”
“ว๊ายๆ ฉันกลัวจัง!”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มบาง เอ่ยตอบน้ำเสียงขรึมว่า
“หวานเจียง ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับเธอนะ ไม่ว่าเธอจะชอบฉันจริงๆ หรือไม่ แต่ถ้าพลาดแล้วให้กำเนิดเด็กขึ้นมา แล้วเธอไปเอาเขาออก ฉันจะไปเผาบ้านเธอแน่ ไม่ว่ายังไงเด็กก็ต้องลืมตาดูโลก ต่อให้เธอสั่งให้ฉันปล้นธนาคารฉันก็จะปล้นเพื่อเขา แต่หากเธอกล้าเอาเขาออก ฉันนี่แหละจะฆ่าเธอด้วย!”
หวานเจียงตกใจอย่างมากกับท่าทีอันแสนจริงจังของจ้าวเฉียน เธอตระหนักได้ทันทีว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
“เออ ฉันเข้าใจแล้วน่า! ฉันกินยาครบสองเม็ดแล้ว ไม่ต้องห่วง! ระหว่างนี้ฉันสามารถออกไปเดินเล่นได้ใช่ไหม? โอ้ย ขอออกไปเดินคลายเครียดก่อนแล้วกัน”
หวานเจียงยกมือปัดจากนั้นก็เดินจากออกไปทันที ในขณะเดียวกัน เจียงเสี่ยวปิง หลิวเหม่ยและคนอื่นๆ ก็ลงมาถึงล็อบบี้พอดี
ดวงตาคู่นั้นของหลิวเหม่ยจับจ้องหวานเจียงเปี่ยมล้นความอิจฉา เธอทราบดีว่ารูปลักษณ์หน้าตาของเธอ สวยไม่เท่าหวานเจียง ดังนั้นจึงทำได้เพียงกักเก็บความเศร้าโศกไว้ภายในใจ
เจียงเสี่ยวปิงทราบในทันใด ตอนนี้โอกาสของเธอได้มาถึงแล้ว จ้าวเฉียนกับหวานเจียง พวกมันจะต้องไม่ได้ลงเอ่ยด้วยดีอย่างเด็ดขาด เธอจึงกล่าวเสี้ยมจงใจตะโกนลั่นขึ้นว่า
“หลิวเหม่ย ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าจ้าวเฉียนมันเจ้าชู้ขนาดไหน? มันก็แค่ให้ความหวังลมๆ แห้งๆ กับเธอ ในขณะที่ความเป็นจริงกำลังคบหาอยู่กับผู้หญิงอีกคน!”
หวานเจียนพลันได้ยินพอดีจึงหันควับกล่าวขึ้นว่า
“พูดอะไรของเธอ? จ้าวเฉียนให้โอกาส?”
เจียงเสี่ยวปิงยืดอกกล่าวตอบทันทีว่า
“อุ๊บ! มีคนนอกเผลอได้ยินด้วยเหรอ? ก็ใช่ไง! คุณผู้หญิงคนนี้โง่จริงๆ โดนสวมเขาเข้าให้แล้ว!”
จ้าวเฉียนขมวดคิ้วแน่นกล่าวโต้กลับไปด้วยความไม่พอใจ
“เจียงเสี่ยวปิง ครั้งนี้มาไม้ไหนอีก?”
หยางหมิงซึ่งกำลังเช็คอินอยู่ที่แผนกต้อนรับด้านหนึ่ง บังเอิญได้ยินสุ้มเสียงที่แสนจะคุ้นเคย จึงเหลือบมองเล็กน้อยก่อนตรงเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม
“จ้าวเฉียน นี่มันชะตาลิขิตชัดๆ ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าจะมาพบนายที่นี่”
จ้าวเฉียนเหลียวหลังปรายตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า
“ไม่ นายต้องพูดว่า ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยที่พบพวกเราที่นี่…จริงไหมหวานเจียง? ช่างเป็นชะตาลิขิต”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางหมิงเย็นยะเยือกแข็งค้างในบัดดล พอหันไปเจอหวานเจียงตรงหน้าประตูทางออกโรงแรม เพลิงโทสะพลันพุ่งพล่านขึ้นสู่หัวใจ
“หวานเจียง…นี่เธออยู่กับมันมานานเท่าไหร่แล้ว? ตอนนี้กำลังคบกับมันจริงๆ ใช่ไหม? เหอะ เหอะ ที่ผ่านมาแสร้งทำตัวเป็นคุณหนูแสนเย็นชา ไม่คิดเลยว่าจะดูถูกฉันไปคบกับมันแบบนี้!”
หวานเจียงชะงักทันที แสร้งทำเป็นยกมือขึ้นคล้ายจะเดินไปตบหน้าหยางหมิงสักฉะหนึ่ง จ้าวเฉียนสังหรณ์ใจได้ทันทีว่า ครั้งนี้หยางหมิงสู้เธอกลับแน่นอน จึงรีบเข้าไปห้ามทั้งสองฝ่าย
แน่นอนว่าหยางหมิงกำลังเดือดดาลจัดเช่นกันในขณะนี้ ถ้าหวานเจียงไปกระตุ้นอะไรเข้าอีกเล็กน้อย มีหวังสติหลุดแน่นอน แต่โชคยังดีที่จ้าวเฉียนหัวไวกว่าชาวบ้านชาวช่อง วิ่งไปคว้าข้อมือของหยางหมิงได้ทัน
“น้อยนายหยาง เป็นฝ่ายลงไม้ลงมือกับผู้หญิงก่อนท่ามกลางสาธารณชนแบบนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นะ อย่างน้อยก็ห่วงเรื่องรูปลักษณ์เฟยอวี่ กรุ๊ปหน่อย”
หยางหมิงพยายามดิ้นขันขืนอยู่สักครู่หนึ่ง แต่ไม่ว่าจะออกแรงยังไงก็ไม่สามารหลุดจากมือของจ้าวเฉียนได้เลย
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! นี่มันเรื่องของกู มึงอย่ามายุ่ง!”
“เสี่ยวเจียงเป็นผู้หญิงของผม ถ้าคิดจะทำอะไรเธอ คุณต้องข้ามศพผมไปให้ได้ซะก่อน”
หวานเจียงรู้สึกอายเล็กน้อยที่จ้าวเฉียนมาพูดจาอะไรแบบนี้ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในล็อบบี้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เธอกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นภายในใจอย่างบอกไม่ถูก สรุปได้เพียงสองคำที่กลั่นออกมาคือ ความสบายใจ
หยางหมิงหันเข้าสบตากับจ้าวเฉียนอย่างแนบชิดชนิดเผาขน เบื้องลึกลงไปในแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความโศกเศร้าเกินบรรยาย ชั่วขณะหนึ่งพลันคลี่ยิ้มกล่าวว่า
“ได้! กูจะปล่อยให้มึงได้ใจแบบนี้ไปก่อน! อีกนานนายแกได้เสียใจภายหลังแน่!”
จ้าวเฉียนร่วนหัวเราะออกมาคำหนึ่ง พลางคลายมืออกจากข้อแขนของหยางหมิง ก่อนจะเจตนาเดินไปหาหวางเจียงและคว้าร่างบางของเธอเข้าสู่อ้อมกอด
“เสี่ยวเจีงกับฉันกำลังคบกันอยู่ คืนนี้คงเป็นค่ำคืนที่เร้าร้อนน่าดู…”
วาจาอันน่ารังเกียจส่อเสียดเปล่งดังออกมามากมายจากปากจ้าวเฉียน หวางนเจียงที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับหน้าแดงก่ำ
สีหน้าของหยางหมิงแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงสลับเขียว และหมุนตัวกลับไปเช็คอินต่อทันที
หวานเจียงที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก เธอตรงเข้าหาแผนกต้อนรับตะคอกถามด้วยความหงุดหงิด
“นี่มันหมายความว่าไงห้ะ? ไหนบอกไม่มีห้องพักว่างแล้ว?! ทำพวกมันยังเช็คอินเข้าไปได้?!”
อันที่จริงแล้ว จ้าวเฉียนเตี้ยมกับผู้จัดการโรงแรมแล้วว่า ถ้าผู้หญิงคนนี้มาถามเรื่องห้องว่าง ให้บอกไปว่าไม่มีแล้ว
หยางหมิงที่ทราบแค่ความด้านเดียว ก็ดันเข้าใจไปว่าจ้าวเฉียนไม่มีเส้นใหญ่พอที่จะจองห้อง จึงกล่าวเย้ยหยันพร้อมท่าทีสุดแสนจะพอใจไปว่า
“ฮ่าฮ่า! อย่าลืมว่าฉันคือใคร! ต่อให้ห้องพักเต็ม พวกเขาก็ต้องหาห้องให้ฉันจนได้! ที่ถามแบบนี้อย่างบอกนะว่า…จ้าวเฉียนหาห้องให้เธอไม่ได้? ฮ่าฮ่าๆๆ …ทำตัวอวดดีขนาดนี้ แต่กลับไม่มีที่ซุกหัวนอนตอนกลางคืน! แล้วจะทำยังไงล่ะ? ไปนอนข้างถนนไหม? จะไปกางเสื่อนอนที่ไหนก็บอกด้วย ฉันจะตามไปไลฟ์สด! อยากเห็นเหลือเกินว่าคืนนี้จะเร้าร้อนอีท่าไหนกัน! ฮ่าฮ่า…!”
หวานเจียงฉวยโอกาสตอนที่หยางหมิงกำลังทีเผลอ หวดฝ่ามือตบหน้าดังฉะใหญ่ แรงตบมหาศาลชนิดที่ว่ากลบเสียงหัวเราะของเจ้าตัวไปหมดสิ้น จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปหลบอยู่หลังจ้าวเฉียนทันที เพราะกลัวอีกฝ่ายตอบโต้กลับ
หยางหมิงหัวเสียอารมณ์เดือดถึงขีดสุด รีบวิ่งตรงไปหาจ้าวเฉียนพร้อมกับเหล่าพี่น้องเพื่อนฝูงที่แห่กันตามมา
พอดีเวลานั้นเอง ผู้จัดการโรงแรมเดินออกมาพอดี แต่ทันทีที่เห็นว่าจ้าวเฉียนกำลังตกอยู่ในอันตราบ เขาก็เร่งวิ่งไปขัดขวาง
“นี่พวกนายจะทำอะไรกัน? คิดว่าตัวเองเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน? ถึงกล้าสร้างปัญหาที่นี่! ไม่รู้รึไงว่าใครเป็นเจ้าของที่แห่งนี้?”
หยางหมิงและหวานเจียงต่างตระหนักถึงภูมิหลังของโรงแรมแห่งนี้อย่างชัดแจ้ง แต่ถึงอย่างไร หยางหมิงถูกผู้หญิงลอบตบหน้าทีเผยไปฉะใหญ่ ตอนนี้ยังแสบไม่หาย แล้วจะยอมง่ายๆ ได้ยังไง?
“ก็เธอคนนี้มันตบหน้าผมก่อน ทุกคนในที่นี้เป็นพยานได้ว่าใครเริ่มลงมือก่อน จริงไหมทุกคน?”
แต่ผู้จัดการโรงแรมไม่สนใจแม้แต่น้อย เอ่ยตอบน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“นี่มันเรื่องส่วนตัวของคุณ แต่ที่นี่คือบริเวณโรงแรมของเรา ไม่อนุญาตให้ก่อความวุ่นวายขึ้นได้!”
หยางหมิงไม่กล้ายั่วโมโหผู้จัดการโรงแรมอีกต่อไป จึงหันมาเล่นงานจ้าวเฉียนแทน
“โอเค! งั้นไปเช็คอินต่อกันเถอะ! ไปพวกเรา! ไปจองห้องพักกันดีกว่า! ฮ่าฮ่า…แต่จะว่าไปนะ จ้าวเฉียน นายจะปล่อยให้แฟนตัวเองนอนข้างถนนจริงๆ เหรอ?”
จ้าวเฉียนยิ้นเยาะหัวเราะตอบว่า
“ถ้าอย่างนั้นนายน้อยหยางก็ปล่อยห้องว่างให้ผมสักห้องสิ?”
“ให้ก็โง่! ถ้าปล่อยห้องให้แก แล้วฉันจะนอนอยู่ไหน?”
“ก็นอนข้างถนนไง!”
“ฮ่าฮ่าๆ …ตลกดีวะ! แล้วแกคิดว่าฉันจะยอมไปนอนข้างถนนรึไง!”
“แน่ใจเหรอ? คุณผู้จัดการ ผมไม่อยากให้พวกเขามาพักที่โรงแรมแห่งนี้ คงรู้ใช่ไหมครับว่าควรทำยังไง?”
หยางหมิงและพรรคพวกระเบิดเสียงหัวเราะเยาะลั่นในทันใด
“ฮ่าฮ่าๆๆ … จ้าเฉียน แกคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ!? กล้าสั่งผู้จัดการโรงแรมแห่งนี้งั้นเหรอ? อยากไล่ฉันออกไปจากที่นี่? แล้วแกคิดว่าผู้จัดการจะกล้าไล่ฉันออกไปจริงๆ รึเปล่า!”
“นายน้อยหยาง ผมก็ไม่อยากพูดทำร้ายจิตใจหรอกนะ แต่เกรงว่าคืนนี้คุณต้องร่วมนอนกับพรรคพวกของคุณข้างถนนซะแล้วล่ะ ที่แล้วก็กะว่าจะปล่อยไป เห็นตื้อไม่เลิกคงต้องสั่งสอนกันหน่อย”
“เฮ้ย! ดูไอ้หมอนี่พูดเข้าสิวะ! ฮ่าฮ่าๆๆ …”
บรรดาพี่น้องมิตรสหายของหยางหมิงต่างหัวเราะจเยาะจนท้องแข็ง พินิจมองทีท่าแต่ละคนช่างน่าขยะแขยงเสียจริง
จางหยางและพวกหวังเฉียงที่ลงมาสบทบได้สักพักหนึ่งแล้ว ก็พลันหัวเราะเยาะตามไปด้วยเช่นกัน
“ไม่รู้จริงๆ ว่าจ้าวเฉียนมันเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าสั่งผู้จัดการโรงแรมไปแบบนั้น?”
“ผู้จัดการจาง คุณควรชินกับนิสัยปัญญาอ่อนของมันได้แล้ว ชอบทำตัวหยิ่งยโสราวกับว่าเป็นทายาทมหาเศรษฐี จะชี้นิ้วสั่งใครก็ได้! ไร้สาระสิ้นดี!”
“หยางหมิงคนนี้เป็นถึงทายาทของเฟยอวี่ กรุ๊ป ทางโรมแรมจะกล้าขับไล่เขาออกไปได้ยังไง? ไม่สิ…ต้องถามแบบนี้มากกว่าว่า มีเหตุผลอะไรที่ผู้จัดการโรมแรมต้องฟังคำพูดของจ้าวเฉียน?”
หลังจากพวกเขาเหล่านั้นถ่มถุยสบถดูแคลนจ้าวเฉียนจนเสร็จสรรพ ทุกคนก็เฝ้าดูการแสดงดีๆ ตรงหน้าต่อไป ดูซิว่าจ้าวเฉียนจะสร้างความอับอายอะไรให้ตัวเองอีก