ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่107 ในอันตรายยังมีโอกาสเช่นกัน
ตอนที่107 ในอันตรายยังมีโอกาสเช่นกัน
เมื่อได้ยินหวงฉิงบอกว่ามีบุคคลอันตรายบนเกาะ ทุกคนก็รีบถามทันทีว่า อีกฝ่ายเป็นใคร
หวงฉิงไม่ต้องการที่จะอธิบายใดๆ ให้พวกเขาฟังมากกว่านี้ จึงไล่พวกเขาพร้อมทิ้งทวนเพียงว่า
“ทางเรายังไม่ทราบ ว่าบุคคลอันตรายที่ว่าเป็นใคร และต้องการอะไร แต่ตำรวจบอกให้พวกเรารับนำนักท่องเที่ยวทั้งหมดกลับเข้าโรงแรมโดยด่วน หรือไม่ก็เดินทางออกจากเกาะซ่งต้าวในทันที”
ตอนนี้ทุกคนต่างไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไป แต่ละคนรีบถอนอุปกรณ์คืนเจ้าพนักงานสนามและวิ่งขึ้นรถกลับโรงแรมกันในทันที
พอคำนึงถึงบุคคลอันตรายบนเกาะ ก็ไม่มีใครเหลืออารมณ์เที่ยวแล้ว พวกเขาจึงขอให้ฟางนี่หาทางพาพวกเขากลับเมืองตงไห่โดยเร็วที่สุด
แต่ตอนนี้เรือข้ามฟากเองก็ถูกยกเลิกเที่ยวออกแล้วเช่นกัน ไม่มีใครสามารถออกไปจากเกาะซ่งต้าวได้อีกไป เพราะตำจวรกลัวว่าบุคคลอันตรายที่ว่าจะหลบหนีผ่านช่องทางนี้
ในเวลานั้นเอง เจวียงหยวนสติแตกอีกครั้ง
“ประธานฟาง บางทีจ้าวเฉียนอาจจะมีวิธีแก้ปัญหานี้ได้! ขนาดเขายังไปคุยกับคนดูแลตอนนั้นได้เลย ครั้งนี้เองก็ไม่น่าจะมีปัญหา?”
ทุกคนที่ได้ฟังดังนั้นต่างเห็นว่าสมเหตุสมผล ถ้าจ้าวเฉียนออกโรงช่วยเหลือ ปัญหานี้จะต้องคลี่คลายได้ไม่ยาก
“ประธานฟาง ผมเองก็คิดว่าครั้งนี้เจวียงหยวนพูดเข้าท่า จ้าวเฉียนน่าจะมีวิธีดีๆ ช่วยพวกเราได้ ประธานฟางลองคุยกับเขาดู เผื่อจะมีวิธีอะไรบ้าง”
“ใช่ครับ! ลองดูไม่เสียหาย ยังดีกว่าต้องเสี่ยงอยู่บนเกาะแบบนี้!”
“ใช่ค่ะ หนูเองก็เห็นด้วย…”
ฟางนี่พยักหน้าและขอให้ทุกคนรออยู่ในห้องพักของเธอ ขณะที่เคาะประตูห้องของจ้าวเฉียน เรียกหาเขาสองสามครา กลับเป็นสุ้มเสียงของหวานเจียงที่ดังออกมาแทน
“จ้าวเฉียนยังไม่กลับมาเลย โทรหาเขาเอาเองแล้วกันนะ มีอะไรอย่างอื่นอีกไหม?”
พอฟางนี่ได้ยินเป็นเสียงของหวานเจียง เธอก็รีบตอบกลับทันทีว่า
“โอเคค่ะ ขอโทษนะที่มารบกวน จะว่าไปแล้วจ้าวเฉียนบอกเธอแล้วใช่ไหมว่า ตอนนี้บนเกาะมีบุคคลอันตรายหลบอยู่ คุณรีบหาวิธีหนีออกจากเกาะนี้จะดีกว่านะ”
“อ้อ ไม่เป็นไร ฉันมาด้วยเรือยอทซ์ส่วนตัวน่ะ จะกลับตอนไหนก็ได้”
คู่ดวงตาของฟางนี่เปล่งประกายขึ้นฉับพลัน ถ้าเธออาศัยเรือยอทซ์ของหวานเจียงออกไปด้วยกัน ปัญหานี้ก็คลี่คลายได้ไม่อยากเลย?
“เอ่อ…นั้นคุณหวานเจียงใช่ไหมค่ะ? คุณสามารถเอาเรือยอทซ์ออกแล้วให้พวกเราติดไปด้วยได้ไหม? อย่างน้อยก็เห็นแก่หน้าจ้าวเฉียนนะคะ พวกเรามีทั้งหมดประมาณสิบหกสิบเจ็ดคนเอง น่าจะโดยสารไหวนะคะ”
“อืมม…ถ้ามองเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เรือยอทช์ของฉันรับคนได้ถึงหกสิบคนต่อครั้ง ถ้าทั้งหมดเป็นผู้หญิงสามารถรับได้ถึงเจ็ดสิบคนก็ไม่ใช่ปัญหา ยังไงก็ตามแต่ คุณต้องขอให้จ้าวเฉียนมาพูดขอร้องฉันให้ได้ ไม่งั้นไม่ช่วยค่ะ”
ฟางนี่ตะลึงไปชั่วขณะแล้วเธอก็หัวเราะคิกคักออกมา แฟนคู่นี้ชอบทำอะไรแปลกๆ ซึ่งเธอเองก็พอจะเข้าใจ
“เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันจะรีบโทรหาเขาเดี๋ยวนี้เลย จากนั้นจะให้เขาคุยกับคุณดู จะออกตอนไหนก็เรียกนะคะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว”
ฟางนี่รีบโทรหาจ้าวเฉียน และทางด้านพนักงานแจ้งให้ผู้เข้าพักทุกคนปิดเครื่อง ดังนั้นจึงติดต่อไม่ได้เลย
ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฉียนก็กำลังให้คำปรึกษาหวงฉิงและคนอื่นๆ ในที่ทำงานกันอยู่
ตอนนี้หวงฉิงรู้สึกประหม่าแทบตาย ต่อความโกลาหลครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเกาะแห่งนี้ เขาไม่รู้เลยว่าควรจะจัดการส่วนไหนก่อนดี
“คุณชายจ้าวช่วยผมด้วย! ถ้าเกาะซ่งต้าวยุ่งเหยิงไปกว่านี้ ผมจะไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของทุกคนได้”
ทว่าอย่างไร จ่าวเฉียนดูสงบเสงียมและผ่อนคลายอย่างยิ่งยวด ไม่เห็นมีท่าทีกังวลใจเลย ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ใส่ใจในทรัพย์สินของตัวเอง แต่เขารู้สึกจริงๆ ว่า เรื่องแค่นี้มันไม่มีอะไรให้น่ากังวลเลย
“คุณหวง คุณรู้จักคำว่าวิกฤตไหม?”
“รู้ครับ…รู้…”
“คำนี้มีอักษรอยู่สองตัว อักษรตัวแรกคืออันตราย และอักษรตัวที่สองคือโอกาส นั้นหมายความว่าในอันตรายยังมีโอกาสรั้งรอน เพียงว่าตอนนี้คุณยังมองไม่เห็นโอกาสที่ว่านั้น”
“คุณชายจ้าว ผมค่อนข้างโง่นะครับ โดยเฉพาะกับสถานการณ์แบบนี้ ช่วยอธิบายง่ายๆ ให้ฟังที”
จ้าวเฉียนแนะนำหวงฉิงไปว่า หากทุกคนรู้ถึงการมีอยู่ของบุคคลอันตรายบนเกาะ จะส่งผลกระทบไปถึงจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามแต่ หวงฉิงก็แค่จัดโครงการความร่วมมือระหว่างพนักงานและหน่วยงานตำรวจบนเกาะ เข้าปราบปรามบุคคลที่มีแนวโน้มเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยว และให้แก้ข่าวไปว่า แท้จริงแล้วไม่ใช่บุคคลอันตราย แต่เป็น ‘บุคคลที่มีแนวโน้มเสี่ยงอันตราย’ เท่านั้น เพื่อกวาดล้างเกาะให้ขาวสะอาด เตรียมต้อนรับสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ ทั้งในด้านความปลอดภัยและการจับจ่ายซื้อของของทุกคน
ซึ่งอันที่จริงแล้ว บนเกาะแห่งนี้ก็มีกลุ่มคนที่มีแนวโน้มเสี่ยงอันตรายอยู่ไม่น้อยเช่นกัน อาจจะมาในรู้แบบร้านค้าที่หลอกเงินนักท่องเที่ยว รวมไปถึงโจรที่ดักปล้นก็มี และก็ยังมีพวกนี้อยู่นานมากแล้ว เพียงว่าเจ้าหน้าที่ไม่เคยออกปราบปรามอย่างจริงจัง
จ้าวเฉียนเลยต้องการใช้โอกาสนี้จัดการเบ็ดเสร็จ ถือเป็นการทำความสะอาดเกาะซ่งต้าวครั้งใหญ่ไปในตัว เปลี่ยนวิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาส หลังจากปราบปรามทั้งหมดเสร็จสิ้น บ้างก็ควรมีจัดกิจกรรมลดค่าห้องพักและห้องอาหาร เพื่อกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวดูเป็นครั้งคราว
หวงฉิงพยักหน้าตอบเป็นไก่จิก โดยส่วนใหญ่เขาจะมองปัญหาเพียงด้านเดียวอยู่เสมอ และไม่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเท่าจ้าวเฉียน
“ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำของคุณชายจ้าว ผมจะรีบรายงานให้บริษัทแม่ทราบและออกแผนงานจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ”
“อืม ถามตำรวจชายฝั่งทีว่าหยางหมิงเป็นยังไงบ้าง?”
“โอ้ ผมส่งคนไปแล้วครับ น่าจะได้คำตอบในเร็วๆ นี้”
ทันทีที่หวงฉิงพูดจบเสียงมือถือก็ดังขึ้น คนของเขาโทรมาหาเพื่อรายงานสถานการณ์บริเวณน่านน้ำให้ฟัง คุยเสร็จวางสายไป หวงฉิงก็รีบแจ้งสถานการร์ให้จ้าวเฉียนทราบทันที
“คุณชายจ้าว ลูกน้องผมรายงานมาว่า หยางหมิงและเพื่อนๆ ถูกนำตัวส่งกลับไปโดยตำรวจ ตอนนี้กำลังสอบสวนอยู่ที่โรงพัก เพื่อไต่สวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
“เหอะ เหอะ…หยางหมิงคงถูกปล่อยตัวในไม่ช้า มันพอมีเส้นในกรมตำรวจอยู่บ้าง หวงฉิง นายไปช่วยหนึ่งในสี่มือสังหารมาได้ไหม ขอแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกสามคนจะถูกประหารหรือปล่อยไปยังไงก็ช่าง แต่ต้องช่วยคนหนึ่งเอาไว้ให้ได้”
หวงฉิงครุ่นคิดอยู่สักพักใหญ่ ตำรวจลาดตระเวนชายฝั่งกำลังตามล่าพวกมือสังหาร มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะช่วยเหลือเป้าหมายการจับกุมแบบนี้ออกมา จ้าวเฉียนเองก็ทราบดีว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายเลยเช่นกัน แต่เหตุผลที่เขาต้องช่วยหนึ่งในมือสังหารพวกนั้นคือ เขาต้องการหาหลักฐานไปมัดตัวหยางหมิงให้ได้ หยางหมิงทำการติดต่อจ้างวานมือสังหารให้มาฆ่าเขา ยังไงก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปแบบนี้ได้เด็ดขาด
“โอเค งั้นฉันกลับห้องพักไปก่อนล่ะ หลังจากนี้รายงานให้ฉันทราบตลอดทุกเมื่อ ฉันว่านายเป็นคนๆ หนึ่งที่มีศักยภาพการทำงานที่ดีเยี่ยมเลยนะ แต่ดูจะขี้กังวลไปหน่อย ถ้าจะอยู่วงการธุรกิจใจต้องนิ่ง กล้าได้กล้าเสี่ยง เอาล่ะ ถ้านายสามารถแก้ปัญหาในครั้งนี้ได้ ฉันรับประกันได้เลย อนาคตของนายต้องไร้ขีดจำกัด!”
หวงฉิงในยามนี้ไม่ต่างจากเด็กได้รับคำชื่นชมจากผู้ใหญ่เลย
“คุณ…คุณชาย…คุณชายจ้าว…ผม…ผม…จะตั้งใจทำงานให้หนักครับ!”
“ฮ่าฮ่า…นายขยันตั้งใจทำงานแบบนี้ก็ดี แล้วอย่าลืมคำที่ฉันสอนล่ะ วิกฤตเกิดจาก อันตรายและโอกาส มองสถานการณ์ให้แตกฉาน แล้วนายจะเห็นโอกาสเอง”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ! จากนี้ผมจะอุทิศทั้งกายใจเพื่อเกาะซ่งต้าวแห่งนี้ครับผม!”
“ขอบคุณที่เสียสละเพื่อบริษัทขนาดนี้ ตั้งใจล่ะ”
“อืม ไม่ต้องออกมาส่งนะ เดี๋ยวคนอื่นสงสัย”
“ครับผมคุณชายจ้าว!”
จ้าวเฉียนเดินออกจากห้องทำงานของหวงฉิง พลางเปิดเครื่องมือถือแลไปเห็นข้อความแจ้งเตือนให้โทรกลับของฟางนี่
เห็นแบบนั้นเขาจึงต่อสายตรงโทรไปหาทันที พร้อมถามไปว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
“จ้าวเฉียน นายอยู่ไหน?”
“อยู่ชั้นล็อบบี้ครับ มีอะไรรึเปล่า?”
“ตอนนี้ทุกคนอยากกลับบ้านกันแล้ว แค่เรือข้ามฟากถูกสักให้หยุด ก็เลยกลับกันไม่ได้ แต่เมื่อกี้ตอนไปเคาะห้องนาย แฟนนายบอกฉันว่า เธอมีเรือยอทช์เตรียมพร้อมให้พวกเราโดยสารกลับไป แต่แฟนของนายบอกว่า ต้อยให้นายเอ่ยปากขอร้องเธอ ไม่อย่างนั้นจะไม่ยอมให้ขึ้นมาด้วยกัน”
“โอ้ เรื่องเล็กน้อยมากครับ ผมจะกลับไปบอกเธอเดี๋ยวนี้แหละ แล้วฝากบอกทุกคนด้วยนะครับว่า ไม่ต้องวิตกกังวลกัน ผมถามคนในมาแล้ว เขาบอกมาว่า เป็นโครงการปราบปรามการร่วมมือระหว่างทางเกาะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อกวาดล้างบุคคลที่สุ่มเสี่ยงอันตรายเท่านั้นครับ นี่มันเรื่องเล็กน้อยมาก และว่าเพื่อความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย ทางโรมแรมจึงได้รับคำสั่งให้นำนักท่องเที่ยวเข้าโรงแรมไปก่อน หลังจากปราบปรามเสร็จ ก็สามารถออกมาเที่ยวได้ดังเดิมแล้วครับ”
พอฟางนี่ได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นอย่างมาก ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้นี่เอง
“โอเค ฉันจะไปบอกกับทุกคนเอง นายก็อย่าลืมไปคุยกับแฟนนายด้วยล่ะ เผื่อว่าทุกคนยังอยากกลับไปกันอยู่ จะได้ติดเรือยอทช์เธอไปได้”
“เข้าใจแล้วครับ”
จ้าวเฉียนวางสายไปและเดินจะไปขึ้นลิฟต์