ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่111 เงื่อนไขแลกเปลี่ยน
ตอนที่111 เงื่อนไขแลกเปลี่ยน
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปไวชั่วพริบตา เฉียงกุยหลิงก็ทำการนวดครบสูตรเสร็จสรรพ เธอเอ่ยถามจ้าวเฉียนอย่างระมัดระวังว่า
“คุณจ้าว เสร็จแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าให้หนูเพิ่มเติมตรงไหนไหมค่ะ?”
หลังจากอบซาวน่า แช่งอ่างน้ำเย็นและปิดท้ายด้วยการนวดสปา จ้าวเฉียนก็รู้สึกผ่อนคลายจนง่วงนอนจัด เอ่ยตอบแบบกึ่งหลับกึ่งตื่นว่า
“อืมมม…ไม่เลวเลย พอแล้วล่ะ ฉันขอนอนตรงนี้อีกสักชั่วโมงนะ ค่อยมาปลุกฉันแล้วเรียกเช็คบิล ระหว่างนี้ก็ไปบริการคนอื่นต่อเถอะ จะได้ไม่เสียรอบ”
เฉียงกุยหลิงพยักหน้าตอบ ฮัมเพลงเบาๆพลางเก็บข้าวเก็บของออกไปจากห้อง ระหว่างนั้นเอง ภายในหัวของเธอยังคงมีคำถามเดิมๆในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จ้าวเฉียนคนนี้เป็นใครกันแน่? แล้วทำไมเจ้าของสถานที่แห่งนี้ยังต้องสุภาพกับเขาขนาดนั้น?
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เฉียงกุยหลิงเดินเข้ามาปลุกจ้าวเฉียนอีกครั้งพลางกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า
“คุณจ้าว นี่ครบหนึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ”
จ้าวเฉียนตื่นขึ้นท่ามกลางท่าทีสะลึมสะลือ หยิบมือถือเปิดเข้าแอปAilpay และถามขึ้นว่า
“ขอบัญชีAilpayของเธอหน่อย”
เฉียงกัวหลิงรีบระบุหมายเชขโทรศัพท์ตัวเองให้ จ้าวเฉียนกดเพิ่มเพื่อนกับเธอและโอนเงินไปให้20,000หยวนในทันที
“โอเค ขอบคุณมาก”
หลังจากที่จ้าวเฉียนพูดจบก็ลุกขึ้นจากเตียง บิดขี้เกียจไปทีหนึ่งและกำลังจะเดินออกจากห้องไป เวลานั้นเองเฉียงกุยหลิงก็ก้มมองไปยังข้อความเงินเข้าที่แจ้งขึ้นมาในมือถือ พอเห็นว่าอีกฝ่ายให้ทิปมาตั้ง20,000หยวน เธอก็ตกใจอย่างมากและรีบหยุดจ้าวเฉียนทันที
“คุณจ้าวค่ะ! เออ…ทิปที่ให้มาหนูว่ามันมากเกินไปหน่ยอนะคะ หนูว่าหนูคืนเงินให้ดีกว่าค่ะ ขอแค่ร้อยสองร้อยหยวนพอค่ะ”
จ้าวเฉียนหัวเราะร่า กล่าวปลอบโยนขึ้นว่า
“อย่ากังวลไปเลย ต่อให้บอสหยวนของเธอรู้ เขาก็ไม่ตำหนิเธแน่นอนถ้ารู้ว่าเป็นฉันให้น่ะ ไว้ฉันจะมาใช้บริการใหม่นะ เธอนี่นวดสุดยอดจริงๆ!”
เฉียงกุยหลิงพยักหน้ายิ้มแย้มด้วยความสุขใจ และกล่าวขอบคุณไปว่า
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณจ้าว ครั้งหน้าหนุจะพยายามเต็มที่ค่ะ!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและเดินออกจากห้องนวดทันที
นี่มันสายแล้ว แม่ของเขายังคงนั่งรออยู่บ้านไม่ไปไหน จ้าวเฉียนรีบส่งข้อความถึงทุกคนว่าขอตัวก่อน จากนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับคฤหาสน์โดยไว
ทันทีที่กลับมาอวีกุ้ยเฟิงก็เริ่มสวดจ้าวเฉียนทันที
“นี่แม่มาเยี่ยมไกลจากหยานจิ้ง ลูกออกไปเที่ยวไม่พอ แทนที่จะกลับมาหาพาแม่เที่ยว กลับไปใช้บริการอาบอบนวด? แม่เห็นตำแหน่งของลูกตลอดนะว่าอยู่ไหน คุณแม่คนนี้คงเทียบไม่ได้กับสาวนวดของลูกเลยใช่ไหม? ไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูสาวนวดด้วยเลยล่ะ?”
จ้าวเฉียนรีบพนมมือขอโทษคุณแม่บังเกิดเกล้าในทันที
“แม่จ๋า ลูกขอโทษ พอดีทริปเที่ยวบริษัทล้มน่ะ เลยจัดกิจกรรมเสริมไปใช้บริการอาบอบนวดและบุฟเฟ่ต์อาหารแทน ส่วนพรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนไว้เรียบร้อย เตรียมให้สำหรับคุณแม่ที่รักของผมโดยเฉพาะ! ไม่ว่าอยากไปเดินห้างไหน หรืออยากได้อะไร ลูกคนดีคนนี้จะทำให้คุณแม่สมความปรารถนาแน่นอน”
“ไอ้ออกน่ะออกแน่ยนอนอยู่แล้ว แต่คงน่าเบื่อตายถ้าไปกับผู้ชายตายด้านอย่างลูก ไปหาสาวๆมาสักสองสามคนออกไปช็อปกับแม่พรุ่งนี้เลย อย่างน้อยก็น่าจะมีเรื่องเมาท์มอย เป็นเพื่อนฉันช็อปปิ้งบ้าง”
จ้าวเฉียนถึงกับเกาหัว ไม่ได้คิดเรื่องนี้เผื่อเอาไว้ก่อนเลย แต่เขายังคงยิ้มตอบไปว่า
“ไม่มีปัญหา! ผมจะรีบโทรหาเพื่อนให้ไปช็อปปิ้งกับแม่แน่นอนพรุ่งนี้ ลูกคนนี้จะทำให้คุณแม่สุดที่รักพึงพอใจที่สุด!”
อวีกุ้ยเฟิงฮัมเพลงเสียงไพเราะอย่างพออกพอใจ และกล่าวต่อว่า
“ไหนๆก็กลับมาวันนี้แล้ว พาแม่ออกไปทานข้าวเนอะ เริ่มหิวแล้วเนี่ย”
แม้ว่าเขาจะไม่หิวข้าว แต่จ้าวเฉียนก็ยังพาแม่ของเขาไปดินเนอร์กันที่โรงแรมตงไห่ และขอให้พ่อครัวที่เก่งที่สุดมาทำอาหารมื้อนี้ให้แก่ทั้งคู่ จ้าวเฉียนไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ กินไปได้ไม่กี่คำก็วางช้อนลงเสียแล้ว ในขณะที่อวีกุยเฟิงกินไม่หยุดปาก เนื่องจากตอนที่จ้าวเฉียนไม่อยู่เธอกินนอนมาก
หลังจากนั้นไม่นานเสียงเรียกเข้ามือถือของจ้าวเฉียนก็ดังขึ้น พอหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นหวงฉิงที่โทรมาหา จึงกดรับสายยกขึ้นกล่าวว่า
“คุณหวงมีอะไรรึเปล่า?”
“คุณชายจ้าว แย่แล้วครับ มือสังหารทั้งสี่ที่ทางเราจับมาได้มีเพียงสามคนเท่านั้น อีกคนหลุดรอดหนีไปได้ ช่วงนี้จะทำอะไรไปไหนต้องระมัดระวังตัวให้ดีนะครับ!”
“อืมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากที่โทรมาบอก”
“ไม่ว่าคุณชายจ้าวจะเดินทางไปไหนต้องระวังตัวให้มากๆนะครับ”
จ้าวเฉียนครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่ายามนี้ตนต้องเตรียมเงินสดไว้สักก้อนที่บ้าน เผื่อในกรณีที่มือสังหารคนนี้หลบหนีออกมา เขาจะได้ใช้เงินฟาดหัวเพื่อจบปัญหา
จ้าวเฉียนกดวางสายไป ทันใดนั้นอวีกุ้ยเฟิงก็เอ่ยปากถามทันทีว่า
“นั่นใคร? สำคัญขนาดต้องรับสายต่อหน้าแม่เลยเหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เรื่องเล็กน้อยในบริษัทของผมเอง ผมจัดการได้ ตอนนี้แม่กับพ่อแก็เหนื่อยมาเยอะแล้ว ไม่อยากรบกวนน่ะครับ”
“จะไม่ให้พ่อกับแม่กก้าวก่ายเรื่องของลูกได้ยังไง? เผื่อเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นมา พ่อกับแม่จะได้ช่วยสนับสนุนอีกแรง ส่วนเรื่องธุรกิจของลูกก็ทำให้เต็มที่ ถ้ารุ่งก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ก็กลับมารับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว”
“ไม่ว่าผมจะทำได้ดีหรือไม่ ยังไงซะทรัพย์สมบัติทั้งหมดในครอบครัวก็ตกเป็นของผมอยู่ดี พ่อกับแม่ลงไม่เอาสมบัติทั้งหมดไปบริจาคจริงไหม?”
“นั้นขึ้นอยู่กับผลงานของลูกด้วย ตราบเท่าที่พ่อกับแม่พอใจ จะยกให้การกุศลหรือผู้บริหารมืออาชีพให้จัดการต่อก็ย่อมได้”
“เอ่อ…นี่ยังเป็นแม่ผมอยู่รึเปล่า? นี่ลูกนะ! จะยกสมบัติให้คนอื่นแบบนี้ไม่ได้!”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระน่า! แม่คุยกับพ่อไว้หมดแล้ว ไม่สนใจด้วยว่าลูกจะคิดยังไง! รีบกินรีบกลับบ้านนอนเถอะ”
จ้าวเฉียนพยักหน้า อีกสักพักใหญ่ เขาก็เรียกเช็คบิล
ในไม่ช้าทั้งสองก็เดินทางมาถึงบ้าน อวีกุ้ยเฟิงเข้าอาบน้ำแช่งอ่างจากุชซี่อย่างสบายอารมณ์ และเข้านอนไปในท้ายที่สุด
ส่วนจ้าวเฉียนยังคงนั่งไขว้ห้างอยู่ในห้องรับแขก เขากำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่า จะโทรเรียกใครช่วยดีเพื่อหาเพื่อนไปเดินช็อปปิ้งกับแม่เขา
หลังไตร่ตรองอยู่นานสองนาน ในที่สุดจ้าวเฉียนก็เลือกเป็นหงซิ่วกับหยวนมี่ ทั้งสองเป็นลูกจ้างและพอทราบถึงตัวตนของเขาบ้างเล็กน้อย ดังนั้นการไปเดินช็อปปิ้งกับแม่ของตนคงไม่ใช่ปัญหา
จ้าวเฉียนต่อสายตรงหาหยวนมี่ก่อนและเอ่ยถามไปว่า
“หยวนมี่ พรุ่งนี้ลางานได้ไหม?”
“ก็ได้นะคะ มีอะไรหรือเปล่าประธานจ้าว?”
“มี แม่ผมมาจากหยานจิ้ง เธอต้องการเพื่อนไปช็อปปิ้งด้วยพรุ่งนี้ ผมเลยต้องหาผู้หญิงสักสองสามคนไปกับเธอ ในเมืองตงไห่ผมเองก็ไม่ค่อยรู้จักใครด้วย เธอต้องไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อนแม่ผม”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันจะไปเดินช็อปกับคุณแม่เองค่ะ”
“โอเค เจอกันพรุ่งนี้ เดี๋ยวผมขับรถไปรับตอนแปดโมงเช้า”
หลังจากวางสายไป จ้าวเฉียนก็รีบโทรหาหงซิ่วต่อทันที พอเธอได้ยินว่า ตัวเองกำลังจะได้ไปช็อปปิ้งกับแม่ของจ้าวเฉียน เธอก็ตอบตกลงทันที
จ้าวเฉียนเคาะห้องนอนแม่และกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“ผมโทรหาเพื่อนแล้ว มีสองคนจะไปเดินเที่ยวกับแม่พรุ่งนี้”
“ห่ะ? แค่สองคนเองเหรอ? ไม่ยังไม่พอ อย่างน้อยอีกสักคนสองคน เวลาไปช็อปปิ้งกันก็พากันไปเยอะๆ จะได้ช่วยตัดสินใจได้ถูก ขนาดตอนนั้นพ่อยังพาเพื่อนไปช็อปกับแม่ตั้งหลายสิบคน สุดท้ายวันนั้นยังเลือกกันไม่ได้จนต้องเหมามาหมด ดังนั้นต้องหาคนมาเดินกับแม่มากกว่านี้”
“เอ่อ… แม่ครับ แม่ต้องเข้าใจก่อนนะว่า ลูกชายของแม่คนนี้ไม่ได้เหมือนกับตอนห้าปีก่อนแล้ว ตอนนี้ผมรู้จักเพื่อนที่เป็นผู้หญิงน้อยมาก มีแค่นี้แหละครับที่หามาได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ แม่โทรไปฟ้องพ่อดีกว่า…”
“อย่าแม่อย่า…ผมจะลองดูครับๆ”
จ้าวเฉียนปาดเหงื่อเย็นไปทีหนึ่ง ก่อนจะรีบกลับไปยังห้องรับแขกและโทรหาเพื่อนผู้หญิงที่พอจะนึกออกต่อไป ในตอนนี้ผู้หญิงที่เขารู้จักเหลือแค่อู๋ซิน,หวงหยิงเมิ่งและหวานเจียง
สองคนแรกตัดไปได้เลย จ้าวเฉียนไม่ต้องการให้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยออกมาโดยเด็ดขาด ดังนั้นไม่สามารถโทรเรียกทั้งอู๋ซินกับหวงหยิงเมิ่งมาได้แน่นอน ดังนั้นก็เหลือแค่คนเดียวให้เลือกแล้ว และนั้นก็คือหวานเจียง
จ้าวเฉียนโทรหาหวานเจียงทันทีและเอ่ยถามขึ้นว่า
“พรุ่งนี้เธอว่างไหม มาช่วงฉันหน่อย แม่ฉันต้องการเพื่อนไปช็อปปิ้ง เรื่องนี้สำคัญมากนะ ถ้ามาได้ฉันจะซื้อของขวัญเป็นคำขอบคุณเลย เธอจะเลือกอะไรก็ได้ที่มีราคาไม่น้อยกว่าหนึ่งล้าน ฉันจะจ่ายให้เอง!”
“โอ๊ะ? คุณบอสจ้าวของฉันถึงขั้นสลัดความขี้เหนียวได้ขนาดนี้ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ! แต่ฉันไม่ต้องการของขวัญอะไรทั้งสิ้น ฉันจะทำตามแน่นอน ถ้านายมากับฉันในงานราตรีคืนพรุ่งนี้”
เป็นเวลานานมากแล้วที่จ้าวเฉียนเข้าร่วมงานสังคมระดับไฮโซแบบนี้ เขาตอบกลับทันทีว่า ตกลง! แต่ภายในงานต้องการการเต้นรำร่วมกันแน่นอน ถ้าหากใครถามความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา จะให้ตอบไปว่าอะไร?
“รอบนี้นายต้องบอกว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน! เพราะพ่อฉันก็อยู่ด้วย บอกไม่ได้เด็ดขาดว่าเราเป็นแฟนกัน”
“ถ้างั้นไม่เอา! ฉันไม่ไปแล้ว!”
“ถ้านายไม่ไป ฉันก็ไม่ไปช็อปปิ้งกับแม่นายเหมือนกัน”
จ้าวเฉียนรู้สึกปวดหัวตุบในทันใด ถ้าไม่มีหนึ่งก็ไม่มีทางถึงร้อยแน่นอน ถ้าเธอไม่ไปเขาเองก็จบเห่เช่นกัน เขาแทบอยากจะกดตัดสายทิ้งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แต่ขณะนั้นเองอวีกุ้ยเฟิงก็บุกเข้ามาถึงห้งอรับแขก
“ลูกแม่ จะโทรชวนใครแม่ไม่สน แต่ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีเพื่อนมาซื้อของกับแม่เป็นเพื่อน ก็อย่าหวังได้สมบัติตระกูลจ้าว!”