ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่12 ข่มขู่จ้าวเฉียน
ตอนที่12 ข่มขู่จ้าวเฉียน
เจวียงหยวนรีบวิ่งไปหาเฉินซิงและกล่าวขึ้นทันทีว่า
“เรียบร้อย! ฉันถ่ายคลิปเก็บไว้หมดแล้ว! พรุ่งนี้รอดูการแสดงชั้นเลิศของฉันได้เลย!”
เฉินซิงพยักหน้าตอบอย่างพึ่งพอใจ และกำกับแผนต่อไปที่เจวียงหยวนต้องเล่นให้แนบเนียนในวันพรุ่งนี้
เจวียงหยวนชูมือถือที่บันทึกคลิปเอาไวและกล่าวขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจว่า
“มีคลิปอยู่ในมือ ไม่มีปัญหาแน่นอน ฉันขอตัวกลับไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า!”
เฉินซิงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปจ่ายเงินที่ล็อบบี้ และแยกตัวกลับออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในโรงแรม คนที่หยางหู่ส่งมาก็ถ่ายคลิปเสร็จสิ้นพอดี เขาเดินกลับมาในโรงแรมและส่งคลิปนี้ให้กับจ้าวเฉียน
วันจันทร์
จ้าวเฉียนยังคงมาที่บริษัทก่อนเวลาทำงานเช่นเคย แต่กลับเป็นเจวียงหยวนที่มาเร็วกว่าเขาในวันนี้
“โอ้ เจวียงหยวน กินยาลืมเขย่าขวดมาเหรอ? หรือเมื่อคืนนอนไม่หลับ? ถึงได้มาแต่เช้าตรู่แบบนี้ นี่ดูไม่ใช่นายเลย!”
เจวียงหยวนร่วนหัวรำพร้อมปั้นสีหน้ารังเกียจ ก่อนจะเปิดคลิปหนึ่งให้จ้าวเฉียนดู
“จ้าวเฉียน ฉันไม่คิดเลยนะว่านายจะทำแบบนี้กับบริษัทของเรา! ทำไมถึงกล้าทรยศประธานฟางแบบนี้?!”
จ้าวเฉียนเพียงหัวเราะตอบแต่ไม่ได้สนใจอะไร
ทว่าเจวียงหยวนกลับคิดแค่ว่า หน้าที่ของเขาในวันนี้คือทำให้ทุกคนเข้าใจผิด และบอยคอดจ้าวเฉียน ดังนั้นจึงจงใจตะโกนเสียงดังกล่าวต่อไป
ในไม่ช้า เหล่าเพื่อนร่วมงานแต่ละคนก็ทยอยกันมาถึงบริษัท และเมื่อเห็นว่าเจวียงหยวนกำลังตำหนิจ้าวเฉียน ทุกคนจึงตรงเข้าไปถามทันทีว่า เกิดอะไรขึ้น
เจวียงหยวนเปิดคลิปให้ทุกคนดูและกล่าวอธิบายขึ้นว่า
“พวกนายทุกคนรู้ไหมว่า ทำไมบริษัทบ็อกเชอร์ถึงยกเลิกที่จะร่วมมมือกับพวกเราต่อ? ทั้งหมดเป็นเพราะจ้าวเฉียน! มันจงใจทรยศประธานฟางและพวกเรา เพื่อซื้อใจพนักงานของบริษั? บ็อกเชอร์ให้สร้างปัญหาขึ้น! ฉันไม่รู้หรอกนะว่า ทำไมนายถึงทำแบบนี้ แต่ถ้าจะบอกว่าทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อแก้แค้นพวกเรา ฉันพูดเลยว่า แกมันไร้ยางอาย!”
เหล่าเพื่อร่วมงานที่ได้ยินแบบนั้น ก็เริ่มเอ่ยปากตำหนิจ้าวเฉียนทันที
“จ้าวเฉียน นี่แกกล้าทำแบบนี้กับบริษัทได้ยังไง! ตอนนี้บริษัทฟางนี่ตกสู่ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รู้ทั้งรู้ว่ามันแย่ขนาดไหน แต่แกก็ยังคิดทรยศ! นี่แกยังมีสามัญสำนึกอยู่บ้างไหม?”
“ถูกต้อง! แกนี่มันเห็นแก่ตัวที่สุด กับเพื่อรักษาผลประโยชน์ตัวเองถึงกับหักหลังประธานฟาง!”
“ที่เงินเดือนของพวกเราถูกหั่นครึ่งก็เพราะแก! แทนที่จะได้เต็มจำนวน!”
ไม่ว่าเพื่อร่วมงานของเขาจะดุด่าอะไรแค่ไหนก็ตาม จ้าวเฉียนยังคงทำหูทวนลม เดินไปชงกาแฟและนั่งเปิดคอมพิวเตอร์อย่างสบายใจ
เจวียงหยวนชี้นิ้วใส่เขาทันทีและพูดกับทุกคนว่า
“ดูมันทำตัวสิ! ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน! ฉันว่าพวกเรามาร่วมลงนามและไปรายงานกับประธานฟางดีกว่า เพื่อขับไล่ไอ้ทรยศนี่ออกไป! ทุกคนว่าดีไหม?”
ทุกคนเห็นด้วยอย่างยิ่งกับเจวียงหยวน และพนักหน้าเตรียมตัวร่วมลงนาม
ในเวลานี้เอง หวังเฉียนก็เดินมาพร้อมกับเจียงเสี่ยวปิงในอ้อมแขน ใบหน้าของเธอดูไม่มีความสุขเลยสักนิดในตอนนี้
“ผู้จัดการมาพอดี ผมมีอะไรให้ดูครับ!”
เจวียงหยวนที่เห็นหวังเฉียง ก็รีบวิ่งไปเปิดวีดีโอให้ทั้งสองดูทันที
“จ้าวเฉียน นี่แกยังมีศีลธรรมอยู่ไหม? แค่คำว่าเงินก็สามารถซื้อความจงรักภัยดีไปจากตัวนายได้แล้วใช่ไหม?! ฉันก็ว่า ทำไมจู่ๆ นายถึงมีเงินเป็นกองขนาดนี้ ทั้งยังอยากเลี้ยงอาหารค่ำพวกเรา ที่แท้ก็รู้สึกผิดนี่เอง!”
หวังเฉียนตะคอกเช่นนั้นออกไปต่อหน้าทุกคน ซึ่งพวกเขาแต่ละคนต่างก็พยักหน้าเสริม เพราะทุกอย่างที่พูดไปล้วนสมเหตุสมผลจริงๆ ทำไมจู่ๆ จ้าวเฉียน ไอ้ยาจกคนนั้นก็มีเงินมากมายชั่วข้ามคืน? ถ้าไม่ใช่เพราะถูกคนอื่นซื้อตัวไป แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีก?
“ต่ำทรามสิ้นดี!”
เจียงเสี่ยวปิงสบถด่าด้วยสายตาแสนรังเกียจ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินไปยังที่โต๊ะทำงานของเธอ
จ้าวเฉียนยังคงนั่งไขว้ห่างจิบกาแฟอย่างสุนทรีย์ เฉกเช่นเดียวกับคนอื่นที่หันไปเห็นว่าเฉินซิงเดินตรงเข้ามาในบริษัทนี้ และเข้าไปในห้องทำงานของฟางนี่
เฉินซิงมาหาฟางนี่เป็นการส่วนตัว เพื่อแสร้งทำเป็นบอกว่าตนเองก็ถูกจ้าวเฉียนหลอกมาเช่นกัน และอีกฝ่ายยังเป็นตัวการให้แผนการร่วมมือระหว่างสองบริษัทต้องล้มลง
โดยธรรมชาติแน่นอนว่าฟางนี่ไม่มีทางเชื่อแน่นอน จ้าวเฉียนคนนี้ลงทุนกับบริษัทเกมฟางนี่ถึงสามล้าน แล้วจะหาเรื่องทำให้บริษัทเกิดปัญหาเพื่ออะไร? ขนาดคนโง่ยังรู้ว่ามันไม่เป็นความจริงแน่นอน แต่เธอก็ยังจำข้อตกลงได้ว่า ถ้าตัวตนของจ้าวเฉียนถูกเปิดเผยเมื่อใด นั้นแหละคือหายนะของจริง
ฟางนี่ที่ได้ยินเฉินซิงฟ้องแบบนั้นก็ต้องจำใจเล่นตามน้ำไป และประตูดังปังตะโกนเรียกจ้าวเฉียนขึ้นลั่นว่า
“จ้าวเฉียน! แกมาอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้! แกมันหน่อนบ่อนไส้ชัดๆ! ฉันจะเรียกตำรวจมาจับแก!”
จ้าวเฉียนจิบกาแฟทางเดิม เพิ่มเติมคือดับเบิ้ลคลิกเปิดคลิปหนึ่งในคอมขึ้นทันที
“ประธานฟาง ผมใช้บลูธูทต่อกับลำโพงแล้ว ลองดูคลิปวีดีโอของผมบ้างเป็นไง? ทั้งเสียงทั้งภาพชัดแจ๋ว!”
เฉินซิงกล่าวโต้ทันทีว่า
“จ้านเฉียนจ่ายเงินให้ฉันเพื่อให้ร่วมมือกับคลิปวีดีโอนี้! ทั้งหมดนี้คือของปลอม อย่าไปเชื่อ!”
จ้าวเฉียนยิ้มและจิบกาแฟพลางดูคลิปต่อไป กล่าวขึ้นอย่งาเมินเฉยขึ้นว่า
“โอ้? แล้วฉันก็จ้างให้เจวียงหยวนมาเล่นในคลิปนี้ด้วยเหรอ? แก้ตัวน้ำขุ่นๆ พวกนายวางแผนกันโง่เองนะ”
เจวียงหยวนที่ฟังเสียงบทสนาทั้งหมดระหว่างตนกับเฉินซิงเมื่อวาน ยามนี้ก็เอ่ยปากถามเสียงสั่นเทาว่า
“แก…แก….แกบันทึกคลิปตั้งแต่เมื่อไหร่? แกส่งคนมาติดตามพวกฉันใช่ไหม?!”
“ฉันไม่ค่อยชอบคำว่าติดตามสักเท่าไหร่ คำนี้มันดูเหมือนว่าฉันให้ความสำคัญกับพวกนายเกินไป เรียกว่าพวกแกโง่มากกว่าที่ถูกฉันจับได้ง่ายๆ แล้วที่บริษัทแม่อย่างซิงหยวนเกิดปัญหากับบริษัทนี้ คงเกี่ยวกับพวกนายด้วยจริงไหม?”
เมื่อเรื่องทั้งหมดถูกเปิดโปงขึ้นมา เฉินซิงก็ใช้ไม้ตายสุดท้าย…ผลักภาระความรับผิดชอบทั้งหมดให้เจวียงหยวนทันที
“ผม…ผมขอโทษ…ผมผิดไปแล้ว…ผมขอโทษจริงๆ …. ทั้งหมดเป็นเพราะเจวียงหยวน มันเป็นต้นตอตัวคิดแผนนี้ขึ้นมา เพื่อจะให้จ้าวเฉียนโดนไล่ออก ส่วนตัวเองก็จะขึ้นเสียบตำแหน่งผู้จัดการแผนงานแทนอีกฝ่าย จากนั้นทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เห็น…”
เจวียงหยวนแทบสำลักเมื่อได้ยิน เขาชี้หน้าสาปแช่งเฉินซิงทันทีว่า
“นี่แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง! ถ้าไม่ใช่เพราะนายมาเข้าฉันก่อน แล้วก็ยุยงเรื่องนี้ ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ยังไง?!”
“หุบปากเลย! เจวียงหยวน แกยังมีหน้าเถียงอีกเหรอ หลังจากนี้แกเจอดีแน่!”
ทันทีที่เฉินซิงพูดจบ เขาก็วิ่งหนีออกไปโดยตรง
ทุกคนในตอนนี้ต่างหันควับมองไปที่เจวียงหยวน เพื่อรอคำอธิบายของเขา
ณ ขณะนี้ เจวียงหยวนไม่กล้าแก้ตัวอะไรต่ออีกแล้ว เขารีบขอโทษขอโผยฟางนี่ทันทีว่า
“ประธานฟาง ผมผิดไปแล้ว! ผมผิดไปแล้วจริงๆ! ผมไม่ควรเห็นแก่ตัวจนทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์! ให้โอกาสผมอีกครั้งด้วย! ผมจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่และตั้งใจขยันทำงาน!”
ฟางนี่ตะคอกสวนกลับไปทันทีว่า
“เพราะแกคนเดียว ทำให้บริษัทต้องสูญเสียเงินไปกว่าสามล้านหยวน! แล้วแกรู้ไหมว่าเงินสามล้านหยวนที่ว่ามันหมายความว่ายังไง! แถมแกเกือบจะทำให้ชีวิตของจ้าวเฉียนถูกทำลายไปแล้ว ยังไม่รีบขอโทษเขาอีก?”
เจวียงหยวนผงกศีรษะเล็กน้อย และหันไปกล่าวขอโทษกับจ้าวเฉียนอย่างลวกๆ
ฟางนี่ตะคอกต่อว่า
“ไม่มีความจริงใจเลย! แกเก็บของข้าวทั้งหมดและไสหัวออกไปจากบริษัทฉันเดี๋ยวนี้!”
เจวียงหยวนรีบคุกเข่าอ้อนวอนฟางนี่ทั้งน้ำตาว่า
“ท่านประธานฟาง ผมสำนึกแล้วจริงๆ ผมขอโทษ! ได้โปรดให้โอกาสผมด้วยเถอะ! ผมยังมีภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายทุกเดือน ผมตายแน่ๆ ถ้าโดนไล่ออกตอนนี้!”
ฟางนี่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งและตอบไปว่า
“ถ้านายทำให้จ้าวเฉียนยกโทษให้ได้ ฉันจะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
เจวียงหยวนไม่คิดที่จะขอโทษจ้าวเฉียนอยู่แล้วจึงรีบตอบกลับไปว่า
“ประธานฟาง แต่คุณเป็นประธานบริษัทแห่งนี้ ทำไมผมต้องไปขอร้องคนอื่น? อีกอย่างเขาไม่มีทางให้อภัยผมแน่นอน! โปรดให้โอกาสผมด้วย!”
ท่าทีของฟางนี่ยังคงแน่นิ่ง เหลือบตามองจ้าวเฉียนเล็กน้อย เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พยักหน้าส่งสัญญาณอันใด เธอจึงเงียบไม่ตอบ
เจวียงหยวนไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากหันกลับไปเผชิญหน้ากับจ้าวเฉียนอีกครั้ง
จ้าวเฉียนยังคงนั่งจิบกาแฟสีหน้าเปี่ยมสุขดี ราวกับกำลังรอให้เจวียงหยวนคุกเข่าอ้อนวอนตน