ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่14 ขายลูกสาว
ตอนที่14 ขายลูกสาว
ในไม่ช้า จ้าวเฉียนก็มาถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัทซิงหยวน ซึ่งตั้งอยู่ที่หลู่เจียจุย เซ็นเตอร์
เขาขอให้แผนกต้อนรับโทรหาผู้จัดการทั่วไป และฝากบอกไปว่าจ้าวเฉียนต้องการเข้าพบ
พนักงานที่แผนกต้อนรับเหลือบมองชุดของจ้าวเฉียนเล็กน้อย กลับไม่ดูดีเหมือนหน้าตา ถ้ามีใครเข้ามาก่อปัญหาให้ผู้จัดการทั่วไป คิดว่าเธอยังทำงานที่แผนกต้อนรับนี่ได้อยู่หรือไม่?
ดังนั้นเธอจึงไล่เขากลับไปทันทีว่า
“ขอโทษนะคะ คุณกัวออกไปแล้วค่ะ”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ตอนที่จอดรถผมยังเห็นรถของเขาจอดอยู่ชั้นล่าง ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้คุณหรอกนะ รีบๆ โทรหาแล้วบอกว่า จ้าวเฉียนต้องการเข้าพบ ผมไม่มีเวลามาเสียกับคุณตรงนี้หรอกนะ”
พนักงานในแผนกต้อนรับเริ่มหงุดหงิดแล้วเช่นกัน จึงถามไปว่า
“อะไรของคุณ? ไม่อยากสร้างปัญหาให้? คิดว่าคุณเป็นใคร? แล้วมีนัดไว้ก่อนรึเปล่า? ใครๆ ก็อยากพบผู้จัดการทั่วไปกันทั้งนั้น แต่เขากำลังทำงาน ไม่มีเวลามาพบคนนอก!”
“คุณดูมีเวลาพูดเรื่องไร้สาระมากดีนะ? ผมโทรไปบอกล้วงหน้าแล้ว และหน้าที่ของคุณคือการไปแจ้งเขา เร็วๆ เถอะ ความอดทนของผมมีจำกัดนะ แนะนำว่าอย่าหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองดีกว่า”
“ฮิฮิ…จะเอาแบบนี้ใช่ไหม? รปภ! มีใครก็ไม่รู้เข้ามาสร้างความวุ่นวายในนี้ ช่วยด้วย! ช่วยด้วยค่ะ!!”
พฤติกรรมของพนักงานในแผนกต้อนรับทำให้จ้าวเฉียนโมโหอย่างมาก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน เนื่องจากมีเพียงกัวหมิงต้าเท่านั้นที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาภายในบริษัทซิงหยวนแห่งนี้
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนวิ่งตรงเข้ามาโดยไว และถามกับจ้าวเฉียนว่ามาทำอะไรที่นี่ สร้างปัญหารึไง?
จ้าวเฉียนรู้ดีว่า สนทนากับพวกกุ้งปลาตัวน้อยเหล่านี้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ดังนั้นเขาจึงทักWeChatหาพ่อเพื่อขอเบอร์ติดต่อกัวหมิงต้าทันที
เขาพิมพ์เบอร์และกดโทรหาโดยไม่รอช้า เมื่อสายติดก็ตะโกนขึ้นลั่นด้วยความโกรธว่า
“ผม จ้าวเฉียน! คุณรีบออกมาเดี๋ยวนี้! ผมอยู่ที่แผนกต้อนรับ!!”
กัวหมิงต้ารีบวิ่งออกมาทันทีพร้อมเสียงเหนื่อยหอบ รีบชนิดที่ว่าไม่ทันสวมชุดสูทคลุมชั้นนอกด้วยซ้ำ
“โอ้ คุณชายจ้าว! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“พนักงานแผนกต้อนรับของคุณ ไล่ฉันยังไม่พอยังเรียกรปภ.มาจับตัวฉันอีก!”
จ้าวเฉียนชี้นิ้วไปที่พนักงานหญิงที่แผนกต้อนรับคนนั้น กัวหมิงต้าที่เหลียวมองตามนิ้วก็เดินตรงไปยังแผนกต้อนรับทันที
“ฉันไล่แกออก! ไปที่แผนกการเงินแล้วรับเงินเดือนงวดนี้ จากนั้นก็ไสหัวไปซะ!! อย่าหวังโบนัสหรือสวัสดิการใดๆ! หากไม่ยอมไป ฉันนี่แหละจะสั่งให้รปภ.ลากตัวแกออกไปเอง!”
พนักงานสาวที่แผนกต้อนรับยืนงง ตัวแข็งเป็นรูปปั้นหิน เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน แค่เอ่ยปากพูดก็สามารถทำให้ผู้จัดการกัวทำตามสั่งได้ทันที!
กัวหมิงต้ารีบเชิญจ้าวเฉียนไปยังห้องผู้จัดการทั่วไป
“คุณชายจ้าว นั่งลงก่อน”
กัวหมิงต้าเรียนเชิญจ้าวเฉียนนั่งลงในตำแหน่งของตน จากนั้นก็ไปรินชามาเสริฟ์ให้เขาอย่างกระฉับกระเฉง
จ้าวเฉียนมาที่นี่เพื่อเจรจาเรื่องธุรกิจ ไม่ได้ต้องการทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ
“ดูคลิปวีดีโอและคลิปเสียงพวกนี้ก่อน”
กัวหมิงต้ารีบพยักหน้าตอบและหยิบแฟลชไดร์เสียบเข้าเครื่องคอมตัวเอง และเริ่มดูอย่างละเอียด
“คุณชายจ้าว ให้ผมดูนี่หมายความว่ายังไง คนในนั้นคือใครเหรอครับ?”
“คนที่ดูผอมกว่ามีชื่อว่าเฉินซิง เป็นน้องชายของเฉินหยาง ทำให้หน้าดูแลรับผิดชอบในส่วนบริษัทบ็อกเชอร์ ส่วนอีกคนเป็นเพื่อนร่วมงานผมเอง ชื่อว่าเจวียงหยวน มีเกมมือถือเกมหนึ่งที่บริษัทบ็อกเชอร์ต้องการพัฒนาในเร็วๆ นี้ จึงว่าจ้างกับบริษัทของผม แต่สุดท้ายกลับถูกยกเลิกไปเพราะสองคนนี้ คุณช่วยไปคุยกับเฉินหยางเพื่อขอให้โปรเจคนี้กลับมาร่วมมือกันอีกครั้งได้ไหม? นอกจากนี้เอง เฉินซิงยังแอบเล่นชู่กับพี่สะใภ้ตัวเอง มีคลิปที่พวกมันหลับนอนด้วยกันพร้อม ผมขอฝากไว้กับคุณก่อน จะบอกเรื่องนี้กับเฉินหยางหรือไม่ก็ว่ากันตามสถานการณ์”
“อะไรนะ?! น้องชายตัวเองแอบตีท้ายครัว? เฉินหยางนะเจ้าเฉินหยาง ช่างน่าสงสารจริงๆ! เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของภรรยา เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำจนได้ไต่เต้ามาสูงถึงขนาดนี้ได้ แต่สองคนนี้ก็เลวเหลือเกิน แอบแทงข้างหลังเขาได้ลงคอ!”
จ้าวเฉียนไม่มีอารมณ์จะมานั่งคุยเรื่องนี้กับกัวหมิงต้า เมื่อตนเองพูดจบก็ลุกขึ้นเตรียมจากออกไป
กัวหมิงต้ารีบหยุดอีกฝ่ายทันทีและเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“นานๆ ทีกว่าที่คุณชายจะมาเยี่ยมเยียน ให้ผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารเที่ยงนะครับ”
“อ่อ ไม่เป็นไร พอดีผมยังมีธุระสำคัญที่ต้องทำอยู่น่ะ ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะ”
“ได้ครับ! เรื่องนี้ผมจัดการเองไม่ต้องห่วง!”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มและพยักหน้าให้ จากนั้นก็เดินจากไป
แต่ในขณะที่กำลังจะลงลิฟต์ พนักงานหญิงคนนั้นที่แผนกต้อนรับก็ดักรออยู่แล้ว ขณะเห็นเขาเดินออกมาจากห้องผู้จัดการทั่วไป เธอก็รีบติดตามไปและเอ่ยปากขอร้องขึ้นว่า
“คุณผู้ชาย ดิฉันต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำกิริยาแบบนั้นกับคุณ ดิฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะว่าคุณเป็นใคร โปรดยกโทษให้ด้วยเถอะค่ะ…โปรดยกโทษให้ฉันสักครั้งเถอะนะคะ…”
จ้าวเฉียนไม่แม้แต่สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ พอลิฟต์เปิดเขาก็เดินเข้าไปทันที เขาเคยย้ำไปแล้วตั้งสองหนว่า ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็รีบทำตามที่บอก แต่เธอก็ไม่คิดจะรับฟังด้วยซ้ำ สุนัขแบบนี้เลี้ยงไปก็ต้องสร้างปัญหาให้เจ้าของในสักวัน
หลังออกมาจากบริษัทซวนหยวน จ้าวเฉียนก็โทรหาอู๋ซินทันทีเพื่อชวนเธอทานข้าวเย็นด้วยกัน
“ฉัน…ฉันขอโทษ ฉันไปไม่ได้ พ่อของฉันขังฉันไว้ในบ้าน ไม่ให้ไปพบนายอีก ไม่เช่นนั้นเขาจะตัดพ่อตัดลูกกับฉัก ฮึก…ฮึก…หยางหมิงมันส่งสินสอดให้พ่อฉัน500,000หยวน ตราบใดที่ฉันตอบตกลงที่จะเป็นแฟนกับเจ้านั่น มันก็จะมอบเงินจำนวน500,000หยวนให้พ่อฉันทันที ฉันจบแล้ว…ชีวิตของฉันจบลงแล้ว…”
“เวรเอ้ย! เป็นพ่อประสาอะไรวะ! ขายลูกสาวกิน! ไปถามมันเดี๋ยวนี้ว่า มันจะขายเธอในราคาเท่าไหร่ ฉันซื้อทุกราคา!!”
“ไม่! อย่ามานะ!”
“ฉันพูดจริง ฉันถูกล็อตเตอรี่จึงพอมีเงินก้อนอยู่บ้าง แล้วฉันก็ทำตามที่พ่อของเธอต้องการ ฉันจะยอมจ่ายจนกว่าเขาจะหยุดขายเธอให้ได้!”
อู๋ซินรู้สึกได้ว่าความคิดนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผล จึงรีบส่งที่อยู่บ้านให้และบอกจ้าวเฉียนรีบมาโดยเร็ว
จ้าวเฉียนวางสายทันทีและเหยียบคันเร่งรีบขับไปทันที
ครอบครัวของอู๋ซินอาศัยอยู่ในหมู่ย้านธรรมดาทั่วไปติดริมแม่น้ำ แค่เงินในบัญชีย่อยของจ้าวเฉียนก็สามารถซื้อบ้านที่นี่ได้อย่างน้อยสิบกว่าหลังแล้ว
เขาจอดรถเป็นแนวข้างพร้อมเบรกดังเอี๊ยด จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่บ้านของอู๋ซินในทันใด
อู๋ซินกำลังยืนรออยู่ในบ้าน พอได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้นก็รีบวิ่งไปดูที่ประตูทันที
“ฮิฮิ…มาแล้ว! เข้ามาเร็ว!”
อู๋ซินรีบดึงจ้าวเฉียนเข้ามาในบ้านทันที ขณะเดียวกันอู๋เกาฉิงพ่อของเธอก็เปิดประตูห้องทำงานเดินตรงเข้ามาหาทันที
“แกมาที่นี่ทำไม? ฉันบอกแล้วไงว่าแกไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่! อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉัน! ภายในห้าปีแกเพิ่งหาเงินได้แค่200,000หยวน ยังกล้ามาเสนอหน้าอีก!”
จ้าวเฉียนไม่พูดพล่ำอันใด และโยนเช็คใบหนึ่งลงบนพื้นและเอกสารชุดหนึ่ง
“นี่คือเงินจำนวนหนึ่งล้านหยจวน พร้อมเอกสารจดทะเบียนสมรสกับอู๋ซิน หลังจากนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับอู๋ซิน”
เมื่ออู๋เกาฉิงได้ยินว่าเป็นเช็คราคาหนึ่งล้าน ก็รีบก้มไปหยิบเช็คใบนั้นขึ้นมาและพูดขึ้นว่า
“นี่เช็คของจริงเหรอ? แกรู้ใช่ไหมว่าฉันสามารถตรวจสอบได้?”
“ฮ่าฮ่า…ภายในห้าปีคุณคิดว่าฉันจะหาเงิน200,000หยวนเองเหรอ? ไม่ดูถูกเกินไปหน่อยมั่ง?”
อู๋เกาฉิงยังคงไม่เชื่อและบอกไปว่าตนต้องการเดินทางไปที่ธนาคารเพื่อขึ้นเงิน ทางด้านจ้าวเฉียนก็พยักหน้าตกลงตามนั้น ส่วนอู๋ซินก็ถูกพ่อสั่งห้ามไม่ให้ไปไหนเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเขาจะตัดสัมพันธ์พ่อลูกและไล่ออกจากบ้านหลังนี้ทันที
อู๋ซินพยายามหายใจเข้าออกให้ช้าลง เพราะตอนนี้เธอทั้งวิตกกังวลและกลัวจนหอบเสียงดัง พอสงบสติลงได้ก็พาจ้าวเฉียนไปนั่งลงที่ห้องรับแขก และกล่าวขอบคุณขึ้นว่า
“ฉันไม่รู้จะขอบคุณนายยังไงเลย ฉันจะพยายามหาเงินหนึ่งล้านมาคืนนะ”
จ้าวเฉียนหัวเราะเล็กน้อยและพูดว่า
“ไม่จำเป็นต้องจ่ายคืนอะไรหรอก ฉันอาจต้องการความช่วยเหลือจากเธอหลังจากนี้ อย่าหนีฉันไปไหนก็พอ”
อู๋ซินยิ้มหวานให้ทันทีและบอกไปว่าไม่เป็นไร มีอะไรขอให้เรียกใช้เธอได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอะไรเธอไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย จับจ้องเธออยู่ครู่ใหญ่แอบกระซิบขึ้นว่า
“จริงเหรอ? ไม่ว่าอะไรก็จะปฏิเสธ?”
อู๋ซินผงะทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เธอกลัวว่าจ้าวเฉียนจะถือโอกาสนี้ทำอนาจาร หลังจากลังเลอยู่สักพัก เธอก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นว่า
“นาย…นายอยากให้ฉันทำอะไรเหรอ?”