ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่173 คืนสัญญา
ตอนที่173 คืนสัญญา
ในไม่ช้าจ้าวเฉียนและเหลียวเซียวหยุนก็มาถึงโรงแรมตงไห่ และบังเอิญเสียเหลือเกินที่ทั้งคู่ได้พบกับฟางนี่และจางหยางหน้าประตูโรงแรม
จ้าวเฉียนกล่าวทักทายขึ้นทันทีว่า
“คุณฟางกับคุณจางไม่ใช่เหรอครับ? วันนี้ผมอารมณ์ดีไม่ใช่น้อย เลยมาทานดินเนอร์เล่นที่นี่ พวกคุณเองก็เหมือนกัน?”
จางหยางถอนหายใจเสียงดังใส่และกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า
“ก็เพราะแกไม่ใช่เหรอ พวกฉันเลยต้องเชิญสองพ่อลูกจากบริษัทเหล่ยอู่มาดินเนอร์เพื่อขอโทษ!”
ฟางนี่เอ่ยตอบอย่างสุภาพว่า
“จ้าวเฉียน นายไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เอ่อ…คุณเหลียว ดิฉันต้องขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับโอกาสที่มอบให้แก่เรา ดิฉันสัญญาว่าจะทำโปรเจคนี้ออกมาให้ดีที่สุด!”
เหลียวเซียวหยุนถอนหายใจเสียงหนักสวนตอบ เธอกล่าวขึ้นทันทีว่า
“ไม่ต้องขอบคุณ ฉันคิดว่าสามีของคุณงี่เง่าเกินไป และบริษัทหัวโหย้วของเราไม่ต้องการร่วมมือกับคนโง่เง่าแบบนี้! โปรเจคความร่วมมือถูกยกเลิกแล้ว เตรียมโดนฟ้องได้เลย!”
ฟางนี่ตกใจอย่างมากเมื่อได้ยิน และรีบขอโทษทันทีว่า
“เรื่องจ้าวเฉียน ดิฉันต้องขอโทษแทนสามีด้วยจริงๆ ค่ะ จางหยาง คุณรีบขอโทษคุณเหลียวเดี๋ยวนี้เลยนะ! แล้ววันหลังห้ามพูดอะไรเด็ดขาดหากฉันไม่อนุญาติ!”
จางหยางยังคงหัวสูงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แทนที่จะขอโทษกลับเอ่ยถามไปแทนว่า
“สัญญาความร่วมมือของคุณเหลียวก็แค่โปรเจคเล็กๆ จะยกเลิกก็ยกเลิกไปเถอะ แล้วเจอกันที่ศาล!”
ฟางนี่ที่ได้ยินแบบนั้นยิ่งโกรธจัดเข้าไปใหญ่ เธอตวาดใส่ทันทีว่า
“จางหยาง! หุบปาก! ถ้าไม่คิดจะขอโทษก็เข้าไปได้แล้ว!”
จางหยางโดนฟางนี่ตวาดใส่ราวกับแม่สั่งสอนลูกชาย เขาเดินเชิดหน้าใส่เข้าไปในโรงแรมอย่างไม่สนใจอะไร
ฟางนี่รีบโค้งศีรษะขอโทษเหลียวเซียวหยุนโดยเร็ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับคำขอโทษ
“ไม่ต้องมาขอโทษ ตราบใดที่สามีโง่ๆ ของคุณยังไม่สำนึก แล้วอีกอย่างนะ ฉันบอกว่ายกเลิกคือยกเลิก หากต้องการจะฟ้อง ทางพวกเราหัวโหย้วเองก็เตรียมทีมทนายความไว้พร้อมอยู่แล้ว ถ้าฉันเป็นฝ่ายชนะเตรียมตัวโดนฟันหัวแบะแน่! จ้าวเฉียน ไปกันเถอะ”
เหลียวเซียวหยุนฉุดแขนจ้าวเฉียนลากเข้าไปในโรงแรมทันทีหลังพูดจบ ในขณะนั้นเองก็ดันไปเจอหน้ากับฟู่เทียนและฟู่เอ๋อร์ลูกชายของเขา
สภาพของฟู่เอ๋อร์ดูไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากโดนพวกหยางหู่สั่งสอนไปชุดใหญ่ ตอนนี้บริเวณศีรษะของเขายังถ๔กพันด้วยผ้าก๊อชชั้นหนา แขนขวาก็เข้าเฟือกอยู่
พอเห็นเหลียวเซียวหยุนควงแขนจ้าวเฉียน ฟู่เอ๋อร์ก็เดือดจัดทันที
“ไอ้เลว! แกยังกล้ายุ่งกับเซียวหยุนของกูอีกเหรอ? มึงอยากตายนักใช่ไหม?”
ฟู่เอ๋อร์รีบวิ่งไปหาจ้าวเฉียนคล้ายว่าจะหาเรื่อง
จ้าวเฉียนเหลือบมองอีกฝ่าย ปรายหางตามองเล็กน้อยอย่างดูถูกโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวใดๆ เลย
“ยังไม่เจียมตัวอีกเหรอครับ?”
ในเวลาเดียวกันฟู่เทียนกังวลอย่างยิ่งว่า ลูกชายของเขาจะตกอยู่ในอันตรายอีกระลอก จึงรีบวิ่งไปกอดและกล่าวปลอบโยนว่า
“เสี่ยวเอ๋อร์ พอเถอะลูก หยุดได้แล้ว…หยุดได้แล้ว…”
“พ่อ! ดูสิ่งที่มันทำกับผมสิ! แล้วทำไมยังต้องห้ามผมอีก? พ่อคือพ่อผมนะ พ่อต้องแก้แค้นให้ลูกคนนี้!”
ฟู่เอ๋อร์โวยวายเสียงดังลั่น
ฟู่เทียนเองก็ทั้งโกรธและอึดอัดไม่ต่าง แต่อย่างไร คนที่สามารถโทรเรียกให้หยางหู่ออกโรงได้ คนๆ นั้นต้องมีภูมิหลังไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน นั้นหมายความว่าการจะไปหาเรื่องจ้าวเฉียน มันไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
อย่างน้องที่สุด ภายในเมืองตงไห่แห่งนี้ ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับหยางหู่ เว้นเสียแต่ระดับภาครัฐ ไม่ใช่ว่าแก๊งเหล่ยอู่อ่อนแอกว่า แต่การจะทำศึกกับผู้ทรงอำนาจระดับหยางหู่ ถึงจะเอาชนะมาได้ แต่แก๊งของเขาเองก็คงประสบความสูญเสียเกินครึ่งแน่นอน ฟู่เทียนคงไม่เลือกทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้แน่นอน
หากไม่สามารถทำอะไรชายหนุ่มที่ชื่อจ้าวเฉียนได้ ดังนั้นจะจองล้างจองผลาญทำไมให้เสียอารมณ์?
เนื่องจากฟู่เทียนทำอะไรจ้าวเฉียนไม่ได้ เขาจึงเบี่ยงประเด็นไปหาเรื่องฟางนี่แทน
“คุณฟางนี่มันหมายความว่ายังไง? จงใจเรียกเขามายั่วโมโหพวกผมงั้นเหรอ? ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะร่วมมือกันอย่างไร แต่พฤติกรรมแบบนี้มันไม่น่ารังเกียจเกินไปหน่อยเหรอ? เป็นแค่บริษัทเล็กๆ แท้ๆ แต่กล้ามายั่วยุพวกผมแบบนี้ คิดว่ามันตลกมากงั้นเหรอ!”
ฟางนี่รีบขอโทษฟู่เทียนทันทีว่า
“คุณฟู่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดระคะ ดิฉันต้องขอโทษจริงๆ ทั้งหมดเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น ไม่เชื่อก็ลองถามพวกเขาดูได้ค่ะ”
“ไม่ว่านี่จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ แต่ตอนนี้คุณทำให้ผมโกรธมาก! ผมคิดว่าคุณคงไม่ต้องการร่วมมือกับเราแล้ว ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกันอีก กลับ!”
ทันทีที่พูดจบฟู่เทียนก็พาลูกชายออกไปยังประตูโรงแรมทันที
ฟู่เอ๋อร์ตามสถานการณ์ไม่ทัน เอ่ยถามด้วยความงุนงงว่า
“พ่อนี่มันหมายความว่ายังไง? ไม่ต้องการจะเอากำไรแล้วรึไง?”
“หึ! การทำธุรกิจต้องใช้เล่ห์กล คอยดูพ่อเฉยๆ ก็พอ”
ฟู่เทียนลอบแสยะยิ้มเล็กน้อย
ฟางนี่รีบวิ่งตามไปขอโทษโดยเร็วว่า
“คุณฟู่ ดิฉันต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าอะไรพดิฉันก็ยอมทั้งนั้น ใจเย็นก่อนนะคะ!”
“ถือว่าพูดแล้วนะครับ? ได้! ค่าตอบแทนของคุณที่ระบุไว้ในสัญญาต้องตัดครึ่งหนึ่งเพิ่มให้แก่เหล่ยอู่ของเรา!”
“คุณฟู่…สัญญาฉบับนั้นที่จัดทำขึ้นมาให้คุณ มันดีที่สุดแล้วนะคะ อัตราส่วนกำไรขั้นต้นที่ทางดิฉันได้ไม่ถึง10%ด้วยซ้ำ ถ้าหั่นครึ่งอีก บริษัทดิฉันไม่เหลือกำไรแล้วแน่นอนนะคะ!”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกแล้ว!”
ฟู่เทียนกล่าวสะบั้นความสัมพันธ์อย่างไร้ความปราณี และพาลูกชายออกจากโรงแรมทันที
ภายในใจฟู่เอ๋อร์ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นที่มีต่อจ้าวเฉียน คู่สายตาแหลมคมเหลือบมองจ้าวเฉียนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันก็ไม่ปาน แต่ท้ายที่สุดเขาจำต้องถูกพ่อลากออกไปจากโรงแรม
ภายในชั่วเวลาสั้นๆ ทั้งโปรเจคของหัวโหย้วและเหล่ยอู่มลายหายไปกลางอากาศในพริบตา หัวใจของฟางนี่แหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี เธอรีบวิ่งไปหาจ้าวเฉียกอีกครั้ง และขอร้องทั้งน้ำตาว่า
“จ้าวเฉียน ช่วยฉันด้วยเถอะนะ!”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเยาะใส่คำหนึ่งและตอบไปว่า
“คุณฟาง ก่อนจะไล่ผมออกเคยคิดถึงเรื่องพวกนี้ก่อนไหมครับ? คิดว่าผมจะช่วยคุณเหรอ?”
“ฮึก…ฮึก…”
ฟางนี่นทั้งเสียใจทั้งละอายใจเกินกว่าจะอ้อนวอนจ้าวเฉียน ตอนที่เธอได้รับโปรเจคจากเหล่ยอู่ กลับเป็นเธอที่ไม่คิดรั้งจ้าวเฉียนไว้เลย พอจะมาขอร้องอ้อนวอนตอนนี้กลับสายเกินไปเสียแล้ว
จ้าวเฉียนยักไหล่อย่างไม่สนใจ และพาเหลียวเซียวหยุนเดินขึ้นลิฟต์ไปชั้นเจ็ดเพื่อทานดินเนอร์อย่างสบายใจ
ในอีกด้านหนึ่ง ฟางนี่กับจางหยางก็กำลังมีปากเสียง ทะเลาะกันอย่างหนัก
“ทั้งหมดเป็นเพราะคุณ! ทำไมต้องหาแต่เรื่องให้จ้าวเฉียนกันห๊ะ!? ผลงานที่ผ่านมาของเขาดีถึงดีมาก ที่บริษัทเติบโตได้จนถึงวันนี้ก็เพราะเขา! แล้วทำไมคุณต้องทำลายทุกอย่างทุกอย่างไปต่อหน้าต่อตาฉันแบบนี้! คุณทำได้ลงคอได้ยังไง!!”
ฟางนี่ตะโกนโวกเวยโวยวายเสียงดังลั่น ตอนนี้เธอแทบคลั่งไปแล้ว
จางหยางก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นใจเกินพรรณนา เขาตอบกลับไปว่า
“คุณก็สนใจแต่เงิน เงิน เงิน แล้วก็เงิน!! แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่า ผมจะรู้สึกยังไง! ผมเป็นสามีคุณนะ แล้วทำไมชอบหักหน้าต่อหน้าทุกคนอยู่เรื่อย! เออใช่สิ! ผมมันไม่ดีเท่าจ้าวเฉียนมัน! เขาทั้งฉลาด ทั้งหล่อ ทั้งมีไหวพริบ! ผมเองก็พยายาม กำลังพยายามเพื่อให้บริษัทดีขึ้นเหมือนกัน! แต่คุณก็สนใจแต่เงิน สนใจแต่มัน! เคยนึกถึงความรู้สึกของคนเป็นสามีดูบ้างไหม!?”
“ก็อยู่กับเขา ทำงานร่วมกับเขาดีๆ ไม่ได้รึไง! คุณทำงานในแบบของคุณ เขาเองก็ทำงานในแบบของเขา บริษัทเราก็จะได้ประโยนช์สองต่อไง! อะไรดีฉันก็ชื่นชมไปตามเนื้อผ้า แต่คุณนั้นแหละที่เอาแต่สร้างปัญหา สร้างปัญหา แล้วก็สร้างปัญหาให้เขา!!”
ฟางนี่แหกปากเสียงดังไปทั่วโรงแรม
“ตราบใดที่มันยังอยู่ในบริษัท ทุกคนก็เอาแต่สนใจมันเสมอ! โปรเจคแทบทั้งหมดของบริษัทก็มาจากมัน แล้วผมจะอยู่ได้ยังไง! แล้วผมจะได้แสดงความสามาถตอนไหน! แล้วคุณก็เอาแต่เข้าข้างมัน เคยรู้สึกละอายใจบ้างไหม?”
จางหยางตะคอกกลับเจือน้ำเสียงดูโศกเศร้าไม่น้อย
ท้ายที่สุดนี้ จางหยางเป็นคนที่หัวสูงเกินไป เขาคิดว่าตราบใดที่ไม่มีจ้าวเฉียนอยู่ในบริษัท เขาจะต้องเฉิดฉายอย่างแน่นอน
ฟางนี่เองก็ทำอะไรไม่ถูก เธอไม่เข้าใจเหตุผลของเขาเลยแม้แต่น้อย
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้ฉันควรทำยังไงดี? ฉันจ่ายค่าเปิดห้องพร้อมอาหารเรียกน้ำย่อยไปหมดแล้ว เราควรกินมันดีไหม? ไม่ให้เสียของไปฟรีๆ?”
สีหน้าของฟางนี่ดูทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
จางหยางครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งและกล่าวตอบไปว่า
“ฉันจะลองไปคุยกับพนักงานเอง ว่าสามารถคืนเงินได้ไหม?”
จางหยางทำตามที่กล่าว พร้อมยกมือเรียกพนักงานคนหนึ่งเข้ามาสอบถาม
“สวัสดีค่ะ คุณลูกค้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าค่ะ?”
พนักงานสาวคนนั้นเอ่ยถามอย่างสุภาพ
ฟางนี่อายเกินกว่าจะพูดออกมาได้ แต่เธอเองก็ทราบดี คนอย่างจางหยางไม่มีทางเสียหน้าแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะภรรยาที่ดี เธอต้องเป็นฝ่ายออกมารับผิดชอบแทนเขา
“เอ่อ…ห้องอาหารที่จองไว้ในชื่อฟางนี่ อาหารภายในห้องพวกเรายังไม่ได้แตะเลย เอ่อ…ทางเราขอเงินคืนได้ไหม?”
พนักงานสาวคนนั้นถึงกับตะลึงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เธอไม่เคยเจอลูกค้าแบบนี้มาก่อนเลย ลูกค้าโดยส่วนใหญ่ที่มาต้องมีเงินไม่มากก็น้อย กับแค่อาหารเรียกน้ำย่อย ถ้าไม่กินอย่างมากก็ปล่อยไว้ให้บริกรมาเก็บจานทิ้งเอง แต่ไม่เคยมีใครกล้าขอคืนเงินเลยสักคน
“ต้องประทานโทษด้วยนะคะ อาหารของทางเราทำเสิร์ฟแบบจานต่อจานตามคำสั่งของคุณลูกค้า ถ้าไม่ต้องการรับประทาน ทางเราจะต้องนำไปทิ้งทันที ไม่สามาถคืนเงินให้ได้ค่ะ”
พนักงานสาวตอบไปตามความจริง
จางหยางกล่าวขึ้นทันทีอย่างอดไม่ได้
“อาหารเรียกน้ำย่อยที่ผมสั่งเป็นเมนูยอดนิยมของที่นี่ไม่ใช่เหรอ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครสั่ง ถ้าเรายังไม่กินก็เอาจานของเราไปเสิร์ฟโต๊ะอื่นก็สิ้นเรื่อง จะทิ้งทำไม?”
ในเมื่อลูกค้าเป็นแบบนั้น พนักงานสาวคนนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพอีกต่อไป เธอหุบยิ้มทันทีและกล่าวอย่างไร้หางเสียงขึ้นทันทีว่า
“เพราะนี่เป็นกฎของโรงแรมตงไห่ของเรา เราต้องเสิร์ฟอาหารสดใหม่อยู่เสมอให้แก่ลูกค้าที่เข้ามารับประทาน แม้พวกคุณจะยังไม่ได้แตะต้องอาหารเหล่านั้นเลยก็ตาม แต่ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป ก็ไม่เท่ากับทำลายมาตรฐานของโรงแรมเราโดยเปล่าหรอกเหรอค่ะ? ถ้าวันหลังไม่มีเงินก็เชิญไปจองโรงแรมที่อื่นเอานะคะ ส่วนห้องอาหารที่จองไว้จะกินหรือไม่กินก็เชิญค่ะ”
ทันทีที่พูดจบพนักงานสาวคนนั้นก็หันหลังเดินจากไปทันที ลูกค้าที่ขอเงินคืนก็แค่ลูกค้าเกรดต่ำ เธอไม่จำเป็นต้องบริการพวกเขาอีกต่อไป
ฟางนี่ยิ่งรู้สึกขายหน้าเข้าไปใหญ่ แทนจะอึดอึดใจอย่างมาก เธอจ่ายเงินไปกว่า300,000หยวนกับดินเนอร์มื้อนี้ แต่อย่างไรจางหยางก็คิดว่า ทั้งหมดเป็นความผิดของจ้าวเฉียน
หากจ้าวเฉียนไม่ปรากฏตัวขึ้นมาแบบนี้ สองพ่อลูกตระกูลฟู่คงไม่ยกเลิกความร่วมมือเช่นกัน และถ้าจ้าวเฉียนไม่ไปมีเรื่องกับลูกชายของฟู่เทียน เขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าอาหารมื้อนี้ไปฟรีๆ เพื่อไถ่โทษเช่นกัน
ในท้ายที่สุดนี้ จางหยางสรุปได้ว่า ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของจ้าวเฉียนทั้งสิ้น!