ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่180 บังเอิญเหลือเกิน
ตอนที่180 บังเอิญเหลือเกิน
จ้าวเฉียนเองก็แปลกใจเช่นกันที่ซูลี่กลับสีหน้าเร็วขนาดนี้
เหล่าเพื่อนร่วมงานของซูลี่ก็โมโหกับการกระทำของเธอเช่นกัน
“งั้นจะทำอะไรก็ทำ พวกเราอย่าไปสนใจเธอ!”
“ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเธอก็แค่ผู้หญิงปัญญาอ่อน! อยากเป็นดารา? ฝันไปเถอะ! มันไม่เหมาะกับคนโง่ๆอย่างเธอหรอก! รีบๆลาออกไปเลยนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอแล้ว!”
“กลับกันเถอะ ข้างนอกร้อนมาก อย่าไปเสียเวลากับเธออีกเลย”
ขณะที่ทุกคนกำลังหันหลังกลับไป ทันใดนั้นก็มีสุ้มเสียงหนึ่งเอ่ยดังเข้ามา
“มาทำอะไรตรงนี้กัน? งานการไม่มีจะทำกันเหรอไง?”
สุ้มเสียงนี้เปี่ยมล้นไปด้วยบารมี ทุกคนหวาดกลัวจัดจนก้มศีรษะให้แทบไม่ทัน
จ้าวเฉียนที่เห็นใบหน้าเจ้าของสุ้มเสียงนี้ถึงกับหลุดขำ ที่แท้ก็เป็นหวังซินซิน เขาเคยพบกับเธอครั้งหนึ่งในงานเลี้ยงรุ่นของเหลียวเซียวหยุน
หลังจากรับฟังคำรายงานของบรรดาพนักงานแล้ว หวังซินซินก็รีบตรงไปหาอย่างรวดเร็ว พอเห็นจ้าวเฉียนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยืนรอเธออยู่แล้ว หวังซินซินก็ตวาดทันทีอย่างโกรธเกรี้ยวว่า
“นายกล้ามากนะที่สร้างปัญหาให้ฉัน! บริษัทอสังหารายไหนจ้างนายมา? ฉันเพิ่มให้นายสองเท่า แล้วกลับไปปั่นหัวพวกมันซะ!”
หวังซินซินกล่าวพร้อมสีหน้าดูถูกหยามเหยียดอย่างยิ่ง
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเยาะคำหนึ่งและกล่าวว่า
“ผมมาที่นี่เพื่อซื้อบ้าน หรือคุณไม่อยากขายบ้านให้ผมงั้นเหรอ?”
หวังซินซินกล่าวเย้ยกลับไปว่า
“พวกเรายินดีต้อนรับลูกค้าทุกคนอยู่แล้ว คุณจ้าวมีเงินพอที่จะซื้อบ้านของทางเราใช่ไหม?”
“แต่ตอนนี้ผมไม่อยากซื้อแล้ว พนักงานสันดานเสียพวกนั้นทำให้ผมอารมร์เสียอย่างมาก ผมคิดว่าหมู่บ้านจัดสรรจิ้งไห่คงบริการดีกว่านี้เยอะ แล้วหัดสั่งสอนอบรบพนักงานของคุณด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้มาไล่กัดลูกค้าเหมือนหมาแบบนี้”
หลังพูดจบจ้าวเฉียนกันหันหลังเตรียมเดินกลับไปที่รถ แต่หวังซินซินรับไล่ตามเข้าไป เธอพุ่งขวางทางโดยไว
“ไหนๆก็มาที่นี่แล้ว เดี๋ยวฉันพานายไปเล่นชมตัวบ้านเองว่าไง? ฉัน…ฉันลดให้ครึ่งหนึ่งเลยจากราคาเต็ม!”
นี่เป็นหมู่บ้านอสังหาโครงการแรกของหวังซินซิน โดยธรรมชาติเธอก็อยากให้บ้านโครงการตัวเองขายออก ไม่อย่างนั้นเธอในฐานะคุณหนูแห่งตระกูลหวังจะเชิดฉายได้ยังไง?
แต่จ้าวเฉียนยังคงกล่าวปฏิเสธอยู่ดี
“ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูดไปรึไง? มันไม่เกี่ยวกับราคา ฉันจะไปซื้อบ้านที่จิ้งไห่ในราคาเต็ม และผมไม่ต้องการอยู่ในโครงการบ้านคุณ”
พอได้ยินแบบนั้นหวังซินซินกลับรู้สึกว่านี่เป็นข้ออ้าง เพื่อให้ตัวเองหนีไปจากสถานการณ์นี้ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่เกรงใจเขาอีกต่อไป เอ่ยปากดูถูกทันทีว่า
“เหอะ เหอะ คิดหนีงั้นเหรอเลยหาข้ออ้างแบบนี้มา? งั้นก็เชิญไสหัวไปเถอะ บ้านโครงการจิ้งไห่ราคาเกือบร้อยล้าน น้ำหน้าอย่างนายมีเงินมากขนาดนั้นเลยรึไง? เป็นแค่ไอ้พวกว่างงานแท้ๆ ยังแสร้งทำเป็นรู้จักคนในวงการ ฮ่าฮ่า…สงสัยผู้หญิงในรถนายคงเป็นดาราดังมั้ง? ใครเหรอ? ฉันขอลายเซ็นได้ไหม? ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ….”
พอพวกพนักงานของหวังซินซินได้ยินดังนั้น ต่างก็พากันหัวเราะเยาะไม่หยุด จ้าวเฉียนเชี่ยวชาญนักกับเรื่องรับมือกับคนที่ชอบดูถูกเยาะเย้น เขาหยิบนามบัตรของหยวนมี่ออกมาจากกระเป๋าเงิน และมอบให้แก่ซูลี่พร้อมกล่าวว่า
“ถ้าสนใจจะเป็นดาราจริงๆ ให้โทรหาเธอได้เลย แล้วบอกไปว่าจ้าวเฉียนแนะนำมา หลังจากนี้เธอจะพาไปสัมภาษณ์ ถึงตอนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถเธอแล้ว”
ซูลี่มองดูนามบัตรในมือ เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากจนร่างการสั่นสะท้าน
“ขอบ…ขอบคุณมากค่ะ…ขอบคุณมากจริงๆ! ฉัน…ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงดี เรื่องก่อนหน้านี้ดิฉันฝากขอโทษคุณผู้หญิงในรถด้วยนะคะ ดิฉันผิดไปแล้วจริงๆ ดิฉันขอโทษ…”
พวกเพื่อนร่วมงานต่างมองว่าซูลี่ปัญญาอ่อนไปแล้วจริงๆ พวกเขารู้สึกสมเพชจนไม่แม้แต่มีอามรณ์ตำหนิเธอด้วยซ้ำ
หวังซินซินโกรธจัด เธอตะโกนด่าซูลี่โดยไม่มีปราณีใดๆว่า
“แกมันสมองเสื่อมไปแล้วรึไง! เขาเพิ่งพบแกเป็นครั้งแรกก็หลงเชื่อไปแล้ว? ต่อให้อีกฝ่ายจะมีเส้นสายอย่างว่าจริงๆ แต่น้ำหน้าอย่างเธอคิดเหรอจะเป็นได้น่ะ? ดารงดารา…เพ้อเจ้อ!”
ซูลี่ทราบดีว่า การที่เธอตัดสินใจแบบนี้ก็เท่ากับเลือกข้างไปแล้ว และไม่มีที่ให้ถอยกลับอีกต่อไป ดังนั้นเธอเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเกรงใจหวังซินซินอีกแล้ว
“ฉันแค่เชื่อมั่นในตัวเขาเท่านั้น! แล้วนี่มันก็เรื่องของฉัน คุณเกี่ยวอะไรด้วย? งั้นฉันขอแจ้งคุณเลยก็แล้วกัน ฉันลาออก!”
หวังซินซินยิ่งโกรธจัดเข้าไปใหญ่พอเห็นภาพฉากดังนั้น เธอคำรามลั่นทันทีว่า
“ฉันไม่ปล่อยแกไปไหนทั้งนั้น! ฉันยังมีสัญญาว่าจ้างแกอยู่ ถ้ากล้าออกตอนนี้ก็จ่ายค่าเสียหายมาเลย!”
ซูลี่เป็นสาวที่มีไหวพริบดีมาก เธอรีบไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังจ้าวเฉียนพร้อมเอ่ยขอร้องว่า
“คุณผู้ชาย ช่วยจ่ายค่าเสียหายให้ดิฉันก่อนได้ไหม หลังจากนี้ดิฉันจะพาคุณไปเลี้ยงข้าวในร้านอาหารที่แพงที่สุดของเมืองตงไห่!”
จ้าวเฉียนร่วนหัวเราะเล็กน้อย หนึ่งย่ำเท้าก้าวออกไปข้างหน้า ตรงไปกล่าวกับหวังซินซินว่า
“คุณก็เห็นแล้วนะ เธอกำลังขอความช่วยเหลือจากผมอยู่ ในนามของความยุติธรรมอย่างผมคงไม่สามารถปฏิเสธได้ จะเอาเท่าไหร่ล่ะ?”
หวังซินซินกรนตอบเสียงเย็นไปว่า
“ฉันเกรงว่านายจะไม่สามารถจ่ายได้!”
จ้าวเฉียนยกยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจและตอบกลับไปว่า
“ถ้าเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถจ่าวได้ แสดงว่าคุณเองก็ไม่มีปัญญจ่ายไหวเช่นกัน จะเท่าไหร่ก็รีบๆบอกมาเถอะ เสียเวลาจริงๆ ผมยังต้องไปซื้อบ้านที่จิ้งไห่อีกนะ”
“หุหุ….บ้านของจิ้งไห่ก็ไม่ต่างจากเราเท่าไหร่นัก แถมพวกเรายังเป็นคู่แข่งกันอีกด้วย นั้นหมายความว่า ถ้านายไม่มีปัญญาซื้อบ้านฉันได้ แสดงว่านายก็ไม่มีปัญญาซื้อบ้านที่นั้นเช่นกัน เลิกแสร้งทำว่าตัวเองรวยนักรวยหนาได้แล้ว น่ารำคาญ!”
พอหวังซินซินพูดจบ เธอก็หัวเราะเยาะใส่ทันที
จ้าวเฉียนยอมรับว่า บนโลกใบนี้ย่อมมีคนที่ฉลาดกว่าเขา หล่อกว่าเขา และอาจจะมีวาทศิลป์ดีกว่าเขา
แต่สำหรับเรื่องเงินแล้ว เขาไม่น้อยหน้าใครบนโลก และชายผู้นามว่าจ้าวเฉียนคนนี้ก็ไม่ยอมให้ใครมาดูหมื่นเรื่องเงินทองเป็นอันขาด!
จ้าวเฉียนตรงกลับไปที่รถโดยตรง หวังซินซินที่เห็นดังนั้นก็คิดว่าอีกฝ่ายคิดหนีหน้าด้านๆจึงถ่มถุยซ้ำเติมไปว่า
“ถ้าจนนัก ฉันแนะนำว่าเลิกแสร้งทำตัวอวดรวยได้แล้ว! ไสหัวไปซะ! อย่าเอาเท้าสกปรกจนๆของแกมาเยียบย่ำที่นี่อีก!”
จ้าวเฉียนเดินไปเปิดประตูรถและมอบกุญแจตัวเองให้แก่อู่ซิน เขากล่าวว่า
“เธอขับรถกลับบ้านไปก่อน อยู่ที่นี่ต่อไปก็เสี่ยงเป็นข่าว หลังจากนี้ฉันจะไปที่หมู่บ้านจิ้งไห่ต่อ แล้วจะดูแบบบ้านส่งไปให้เธออีกที แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่เด็ดขาดโดยไม่จำเป็น”
อู่ซินที่เห็นสีหน้าจริงจังของจ้าวเฉียน เธอก็รับพยักหน้าและกล่าวว่า
“แล้วนายจะจัดการตรงนี้คนเดียวไหวเหรอ?”
“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะเรียบร้อยดีแน่นอน หลังจากฉันส่งแบบบ้านที่จิ้งไห่ไปให้ดู ก็ลองพิจารณาเอาเองเลยนะว่าชอบไหม”
จ้าวเฉียนยิ้มตอบ
อู่ซินพยักหน้าและย้ายไปฝั่งคนขับทันที จ้าวเฉียนยืนมืองรถจากัวร์ของเขาแล่นออกไปลับสายตา ก่อนจะเดินกลับมาเผชิญหน้ากับหวังซินซินต่อ
“เกิดอะไรขึ้น? สาวถึงกับทิ้งนายไปเลยเหรอ? ก็สมน้ำหน้า อยากแสร้งทำเป็นอวดรวยนัก! ถ้าแน่จริงก็โชว์บัญชีเงินออกมาให้ฉันดูหน่อยสิ? มีหนึ่งหมื่นหยวนรึเปล่าก็ยังไม่รู้! ฮ่าฮ่าๆๆ…”
หมู่บ้านจัดสรรของตระกูลฃหวัง มีที่ดินเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่70,000หยวน และที่ดินของบ้านจัดสรรจิ้งไห่อยู่ที่ราคา90,000หยวน ดังนั้นเมื่อพิจารณาในจุดนี้ บ้านจัดสรรของจิ้งไห่ค่อนข้างเสียเปรียบ
หมู่บ้านจัดสรรของจิ้งไห่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทหยางไห่ เป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลจ้าว ดังนั้นจ้าวเฉียนเองก็อยากช่วยเหลือกิจการครอบครัวทางอ้อม และสิ่งแรกที่ต้องทำคือ การทำให้หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เต็มไปด้วยข่าวเสียหายสักก่อน
จู่ๆจ้าวเฉียนก็เดินเข้าไปในแผนกต้อนรับหมู่บ้าน และป่าวประกาศเสียงดังฟังชัดว่า
“ไม่ทราบว่าลูกค้าคนใดสนใจซื้อบ้านที่นี่อย่างจริงๆจังๆบ้างครับ? รบกวนยกมือขึ้นหน่อย”
มีลูกค้าอยู่กลุ่มหนึ่งที่ต้องการซื้อบ้านที่นี่จริงๆ พวกเขายกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว และเท่าที่จ้าวเฉียนนับได้มีจำนวนกว่าสามสิบคน
หวังซินซินแสยะยิ้มอย่างดูถูกและเอ่ยขึ้นว่า
“อะไรน่ะ? คิดจะกระตุ้นให้พวกเขาเปลี่ยนไปซื้อบ้านที่จิ้งไห่แทนรึไง?”
จ้าวเฉียนจงใจตอบกลับไปว่า
“ไม่มีทาง! แล้วไม่มีจัดโปรโมชั่นลดราคาสำหรับพวกเขาเลยงั้นเหรอ?”
หวังซินซินระเบิดหัวเราะทันทีและป่าวประกาศเสียงดังว่า
“ทุกท่านโปรดวางใจนะคะ ใครก็ตามที่จองบ้านจัดสรรของทางเราในวันนี้ จะมีโปรพิเศษลดทันที5%! อย่างไรก็ตาม ถ้าชายคนนี้ยังอยู่ที่นี่ จะไม่มีส่วนลดให้ใดๆทั้งสิ้น! ฮ่าฮ่า…ฉันขอดูหน่อยว่านายจะทำยังไงต่อไป!”
จ้าวเฉียนแสร้งปั้นสีหน้าไร้เสียงสา เอ่ยถามส่วนกลับไปทันทีว่า
“อ้าว? แค่5%เองเหรอ? แต่เมื่อกี้ทำให้คุณถึงบอกว่าจะลดราคาให้ผมตั้งครึ่งหนึ่งล่ะ? อุ๊ป!…นี่ผมเผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย?!”
หวังซินซินแทบสะดุ้งโหย่งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เธอตกใจมากจนพูดไม่ออก
ในอีกด้านหนึ่ง บรรดาลูกค้าเหล่านั้นกลับไม่พอใจเธอเป็นอย่างมาก
“ทำไมถึงลำเอียงแบบนี้! คุณให้ส่วนลดเขาตั้งครึ่งหนึ่ง! แล้วกับพวกผมทำไมให้แค่5%?!”
“ใช่แล้ว! ถ้าเขาได้ตั้งครึ่งหนึ่ง พวกเราเองก็ต้องได้ด้วย! ถ้าทำได้อย่างที่ปากว่าจริงๆ ผมพร้อมเซ็นสัญญาทันที!”
“ถ้ากล้าให้พวกผมก็กล้าจ่ายทันที!”
เพียงพริบตาเดียว ภายในแผนกต้อนรับหมู่บ้านก็กลายเป็นความโกลาหลทันที
“ทุกคนอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ! ชายคนนี้มาที่นี่เพื่อก่อปัญหา ดิฉันเลยพูดประชดเขาไปเท่านั้น! ที่จริงแล้วเขาไม่มีปัญญาซื้อบ้านอย่างพวกคุณทุกท่านเลย แถมยังเอะอะโวยวายว่าจะย้ายไปซื้อบ้านของจิ้งไห่ท่าเดียว เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เขาถูกจ้างให้มาก่อกวน!”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นออกมาในทันใด และหยิบบัตรเครดิตการ์ดออกมา วางกระแทกหน้าโต๊ะสะเทือนโดยกล่าวแค่ว่า
“เลิกพล่ามได้แล้ว ผมขอซื้อบ้านจำนวนห้าหลังติดกัน! เอาบัตรไปรูดซะ!”
ทันทีที่เขาพูดจบ บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบสงัดลงทันใด
ทุกคนที่นี่มากันเพื่อซื้อเพียงหลังเดียวเท่านั้น แถมกว่าจะตกลงซื้อก็ใช้เวลาคิดนานมาก แต่ชายคนนี้กลับประกาศขอซื้อบ้านรวดเดียวห้าหลังโดยตรง? นี่มันจะเกินจริงไปหน่อยไหม?