ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่217 หยางหู่บาดเจ็บ
ตอนที่217 หยางหู่บาดเจ็บ
เพื่อความปลอดภัยก่อนลงมือ หยางหู่ได้ส่งลูกน้องนับหลายสิบเข้าปกป้องจ้าวเฉียน คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นพี่น้องร่วมรบประจำหน่วยพิเศษ มีประสบการณ์การต่อสู้หลากหลาย สามารถรับมือได้ทุกสถานการณ์
จ้าวเฉียนเองจำต้องระวังตัวอย่างมากเช่นกัน ก่อนที่หยางหู่จะพบตัวนักฆ่า เขานั่งประจำอยู่ที่คฤหาสน์ไม่ออกไปไหน
ในตอนเย็น เหลียวเซียวหยุนโทรสายหาจ้าวเฉียน ทีแรกเขายังไม่คิดจะรับสาย แต่ต่อมาก็พลันนึกไปว่าเธอมอบความบริสุทธิ์ให้แก่เขาไปแล้ว ถึงยังไงจะทิ้งกันดื้อๆ แบบนี้คงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่
“ฮาโหล”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามเสียงอ่อน
เหลียวเซียวหยุนไม่ได้เอ่ยตอบขึ้นมาทันที หลังจากเงียบไปนาน เธอค่อยกล่าวขึ้นว่า
“นี่นายกำลังทำอะไรอยู่? ทำไมไม่รับสายฉัน?”
“พ่อของเธอกำลังร่วมมือกับคนอื่นเพื่อจัดการกับฉันโดยเฉพาะ ฉันก็ต้องดิ้นรนในแบบของฉัน”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบไปตามความจริง
เหลียวเซียวหยุนที่ได้ยินแบบนั้นก็เจ็บปวดหัวใจอย่างยิ่ง และพยายามคุยว่า
“นายฟังฉันนะ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะร่ากล่าวตอบไปว่า
“ไม่ใช่ว่าผมอยากจะสนใจนักหรอก แค่พวกเขาต่างหากที่ตามกัดผมไม่ปล่อย บางครั้งบางทีผมก็พยายามหลักเลี่ยงแล้วนะ แต่สุดท้ายก็เป็นพวกนั้นก่อนที่มาหาเรื่องผม บอกพ่อของคุณไว้ว่าอย่าร่วมมือกับอสังหาริมทรัพย์หวัง ไม่อย่างนั้น…พวกเราจะเป็นศัตรูกันทันที”
เหลียวเซียวหยุนที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ อีกฝ่ายเป็นคนที่เธอรักหมดใจแต่กลับพูดราวกับกำลังจะตัดขาดได้อย่างไร้เยื่อไย เธอไม่สามารถทนฟังได้จริงๆ
แต่เธอก็ทราบดีอยู่ในใจว่า ทั้งหมดจ้าวเฉียนกำลังพูดความจริง เขาพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาแล้ว แต่สุดท้ายหวังเฉียงก็ไม่ปล่อยเขาเลย
วิธีเดียวที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจ้าวเฉียนได้ต่อไปก็คือ การเกลี้ยกล่อมไม่ให้เหลียวปี้ซ่งร่วมมือกับอสังหาริมทรัพย์หวัง
“ตกลง ฉันจะพยายามเกลี้ยกล่อมพ่อฉันดูอีกที ให้เวลาฉันหน่อยนะ ฉันสู้ไม่ถอยแน่นอน นายต้องเชื่อใจฉันนะ…”
เหลียวเซียวหยุนขอร้องวิงวอนต่อจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนฮัมเพลงกดวางสายไป พออาบน้ำเสร็จและกำลังจะเข้านอน เหลียวปี้ซ่งก็โทรสายเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
“นี่แกตลกมากใช่ไหม? ยุให้พ่อลูกเขาทะเลาะกันแทบบ้านแตก! นี่แกยังมีความเป็นผู้ชายเหลืออยู่หรือเปล่า?”
เหลียวปี้ซ่งกรนด่าสาปแช่งใส่ทันที
จ้าวเฉียนก็เริ่มมีน้ำโหแล้วเช่นกัน จู่ๆ รับสายมาก็โดนด่าใส่แบบนี้ จึงกล่าวตอบชนิดไม่มีเกรงใจไปว่า
“คุณเองก็แก่จนสุนัขเลียตูดไม่ถึงแล้ว ทำไมยังคิดไม่ได้อีก? ลูกสาวของคุณไม่อยากเป็นศัตรูกับผมไง เลยพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้คุณร่วมมือกับอสังหาริมทรัพย์หวัง เรื่องง่ายๆ แบบนี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอครับ? แล้วมาบอกผมยุนี่นะ?”
เหลียวปี้ซ่งเดือดจัด ตะคอกตอบอย่างไร้ปราณีว่า
“ฉันไม่สน! ฉันแค่จะโทรมาบอกแกว่า อยู่ห่างๆ ลูกสาวฉันไว้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่สุภาพแล้ว!”
จ้าวเฉียนส่ายหน้าพลางตอบไปว่า
“คุณนี่มันโง่เกินเยี่ยวยาจริงๆ นะ คุณโลกสวยเกินไปรึเปล่า? ไปบอกลูกสาวตัวเองโน้น! ว่าให้เลิกตามรังควานผมได้แล้ว! เหลียวปี้ซ่ง ผมให้โอกาสคุณแล้วนะ ตราบใดที่ไม่ร่วมมือกับหวังเฉียง พวกเรายังพอคุยกันได้ แต่ถ้าคุณยังพูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ ก็อย่าตำหนิแล้วกันว่าผมเลือดเย็น!”
เหลียวปี้ซ่งระเบิดหัวเราะลั่น สบถสวนกลับไปอย่างดุเดือดว่า
“ไม่กระดากปากเลยรึไงที่กล้าพูดแบบนี้กับฉัน! ฉันอยู่ในแวดวงธุรกิจมาหลายสิบปีแล้ว! นอกจากพวกมหาเศรษฐีตัวยักษ์ระดับประเทศ ฉันยังต้องกลัวใครอีก? เด็กน้อย ปากไม่สิ้นกินน้ำนมอย่างแกเหรอ? กล้าพูดถึงขนาดนี้ สงสัยเบื่อชีวิตแล้ว!”
รับฟังคำพูดเหล่านั้น จ้าวเฉียนรู้สึกได้ว่า เขาไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายเถียงต่อ จึงตอบกลับแค่ว่า น่ารำคาญ และกดตัดสายทิ้งไป จากนั้นก็เข้านอนตามปกติ
ประมาณบ่ายสองของวันรุ่งขึ้น หยางหู่โทรมาหาจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันใด เขารีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมารับสายอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวหู่ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
หยางหู่ตอบกลับด้วยความกังวลว่า
“คุณชายจ้าว คนพวกนั้นวางแผนจะบุกคฤหาสน์ของคุณชาย ผมส่งกำลังคนไปเพิ่มแล้ว อีกไม่นานก็คงไปถึง ทันทีที่เจอตัวพวกมัน ผมจะรีบเก็บกวาดให้หมด”
“อืม เข้าใจแล้ว ระวังเรื่องความปลอดภัยของตัวเองด้วย คนพวกนี้เป็นนักฆ่ามืออาชีพจางเซียงเจียง ความสามารถไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกนายเลย อาวุธปีนน่าจะมีพร้อม ดังนั้นนายต้องระวังเป็นพิเศษเข้าใจไหม? ห่วงชีวิตฉันได้ แต่ต้องห่วงชีวิตตัวเองด้วย”
หยางหู่ได้ยินแบบนั้นพลันรู้สึกซาบซึ้งภายในส่วนลึกในใจ ในเวลานี้เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของคุณชายจ้าวที่สุดแล้ว แต่อีกฝ่ายเองก็คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกน้องอย่างตนเช่นกัน นี่ถือได้ว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้ทำงานให้กับบุคคลเช่นนี้!
“ไม่ต้องห่วงครับคุณชาย ผมจะระมัดระวังตัวให้ดี ไม่ปล่อยตัวเองให้ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงแน่นอน”
หยางหู่ตบปากรับคำ
“อืม ผมจะรอข่าวจากนายอีกที”
“ครับคุณชาย ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
หยางหู่กดวางสายทิ้ง และรีบดำเนินการต่อทันที
จ้าวเฉียนไม่มีอารมณ์นอนต่อแล้ว เดินออกไปมองที่หน้าต่างและกลับเข้าห้องเพื่อป้องกันตัว และรอฟังข่าวความคืบหน้าจากหยางหู่อีกที
ประมาณห้าโมงเย็น สายเรียกเข้าจากหยางหู่ดังเข้ามา จ้าวเฉียนรีบรับสายพร้อมเอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า
“ว่าไงเสี่ยวหู่ เป็นยังไงบ้าง?”
น้ำเสียงของหยางหู่ดูไม่ค่อยสดใสนัก เขาเอ่ยตอบกลับมาว่า
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณชายสามารถออกข้างนอกได้ตามปกติแล้ว”
แต่พอจ้าวเฉียนได้ยินเสียงอันอ่อนแรงของหยางหู่แบบนั้น เขาก็เอะใจทันทีและคิดว่านี่ไม่ถูกต้อง จึงเอ่ยถามต่อทันทีโดยไวว่า
“เสี่ยวหู่ นายเป็นอะไรหรือเปล่า? ได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม?”
หยางหู่กล่าวตอบเจือน้ำเสียงอับอายเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับ ผม….ผมแค่ถูกยิงนิดหน่อย แต่ผ่าเอากระสุนออกแล้ว ตอนนี้ปลอดภัยดี”
“บัดซบ! นายอยู่โรงพยาบาลไหน? ฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ!”
จ้าวเฉียนสบถดังด้วยความตื่นตระหนก และรีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกจากบ้าน
หยางหู่ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเสียเวลามาเยี่ยมตน จึงกล่าวปลอบไปว่า
“ผมสบายดีครับคุณชาย ไปหาอะไรทานก่อนดีกว่าครับ คงหิวแย่เลย ฮ่าฮ่า…”
“หยุดพูดไร้สาระ! ฉันถามว่าอยู่โรงพยาบาลไหน!”
จ้าวเฉียนคำรามสวนตอบทันที
หยางหู่ได้ยินแบบนั้น จำใจต้องตอบอย่างเชื่อฟังไปว่า
“โรงพยาบาลเขต1ครับ”
“โอเค ฉันกำลังไปแล้ว!”
จ้าวเฉียนวงาสายทันควัน รีบขับรถไปที่โรงพยาบาลเขต1โดยเร็วที่สุด
ในไม่ช้าจ้าวเฉียนก็ได้พบกับหยางหู่
ตามที่หยางหู่กล่าวไปในข้างต้น อาการไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก กระสุนปืนเจาะเข้าบริเวณต้นขา อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้มีแค่บาดแผลแค่จุดเดียว ยังมีรอยถูกมีดแทงอีกที่แผ่นหลังและแขนขวา
จ้าวเฉียนกล่าวตำหนิหยางหู่ด้วยความไม่พอใจว่า
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่า ให้ห่วงชีวิตตัวเองด้วย นี่มันเสี่ยงมากเลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังฝืนบุกเข้าไปอีก?”
หยางหู่ยิ้มแห้งพยายามกล่าวปลอบเพื่อลดความเครียดของคุณชายจ้าวไปว่า
“ผมสบายดีครับคุณชาย หมอบอกนอนพักอีกวันสองวันก็หายดีแล้ว”
ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลง จ้าวเฉียนกล่าวโทษว่านี่เป็นความผิดของตัวเขาเอง ที่ต้องทำให้หยางหู่ต้องมาได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังบาดแผลเหล่านี้มันไม่สามารถรักษาให้หายได้ทันที
โชคยังดีที่กลุ่มนักฆ่าถูกจัดการหมดแล้ว นี่ทำให้เขาสามารถออกไปไหนมาไหนได้ดังเดิม
ฟู่เทียนกล้ามากที่กล้าจ้างนักฆ่ามืออาชีพมาจัดการตน ชะตาชีวิตของมันถูกลิขิตไม่ให้มีจุดจบที่ดีแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่ถึงเวลาชำระบัญชีแค้น ทุกอย่างต้องรอเตรียมการให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน
จ้าวเฉียนเดินทางมาที่บริษัทฟู่ไห่ อินเวสเม้นท์ ตรงเข้าไปที่ห้องทำงานของหวู่เสี่ยวหัว
“คุณชายจ้าว เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ? สีหน้าดูไม่ค่อยสดใสเลย?”
หวู่เสี่ยวหัวเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง
จ้าวเฉียนไม่อยากเสียเวลาสนทนาเรื่องไร้สาระนานไปกว่านี้ จึงกล่าวตอบไปว่า
“ช่วงนี้เจ้ากรรมนายเวรเยอะน่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่า เรื่องตามเก็บหุ้นของอสังหาริมทรัพย์หวังไปถึงไหนแล้ว?”
หวู่เสี่ยวหัวรีบเปิดแฟ้มข้อมูลและส่งให้จ้าวเฉียนตรวจสอบทันที
ตามเอกสารข้อมูลของฟู่ไห่ระบุไว้คือ สัดส่วนหุ้น38%ในอสังหาริมทรัพย์หวังเป็นของทางฟู่ไห่ อินเวสเม้นท์หมดแล้ว ปัจจุบันถือเป็นผู้ถือหุ้นในอันดับสอง
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งคือ หวังเจียงหลิน ซึ่งควบคุมอยู่ทั้งหมด49% ส่วนที่เหลือเป็นพวกนักลงทุนน้อยใหญ่ปะปนกันไป
จ้าวเฉียนสั่งการให้หวู่เสี่ยวหัวเร่งยึดอำนาจบริหารทั้งหมดในอสังหาริมทรัพย์หวังด้วยเวลาอันสั้นที่สุด ไม่สำคัญว่าจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ แต่จะต้องตามเก็บส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยให้หมด เพื่อขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับหนึ่งแทนหวังเจียงหลินให้ได้
หวู่เสี่ยวหัวกล่าวแนะนำว่า
“คุณชายจ้าว ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้ควรดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า พวกเรากำลังส่งคนไปขอซื้อหุ้นต่อจากพวกรายย่อยอยู่ จนกว่าจะได้ราคาที่น่าพอใจ พวกเขาค่อยรวบเก็บเข้ามา ถ้ารีบร้อนลงมือแบบนี้ พวกรายย่อยจะไหวตัวทันและจงใจโก้งราคาสูงเพื่อขายให้เรา”
จ้าวเฉียนต้องการล้างแค้นให้แก่หยางหู่โดยเร็วที่สุด และไม่สามารถรอคอยได้อีกต่อไปแล้ว ในอีกด้าน ถึงจะต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินมากขนาดไหน แต่ท้ายที่สุด เขาก็ได้ทุนคืนมาอยู่ดี แค่ว่าช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
“ไม่เป็นไร ตราบใดที่สามารถยืดครองบริษัทอสังหาหวังได้โดยเร็วที่สุด ต่อให้ต้องเพิ่มทุนเท่าไหร่ก็ยอม!”
ได้ฟังดังนั้นหวู่เสี่ยวหัวได้แต่ถอยหายใจอย่างลับๆ เธอคิดว่า พวกทายาทมหาเศรษฐีพวกนี้คงสมองตายกันไปแล้ว ถึงใช้เงินอัดฉีดเล่นไม่หยุดหย่อนแบบนี้ แต่ยังไงอีกฝ่ายเป็นถึงคุณชายจ้าว เธอก็ทำได้เพียงต้องเชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น
“เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันจะรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด ได้ความยังไงแล้วจะรีบรายงานให้คุณชายทราบทันทีค่ะ”
จ้าวเฉียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รออีกแค่ไม่กี่วัน เขาก็จะสามารถรวบหัวรวบหางทั้งเหล่ยอู่และบริษัทอื่นๆ ได้ในคราเดียว