ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่240 คุณเป็นใครกันแน่
ตอนที่240 คุณเป็นใครกันแน่
ไม่นานฟ้าก็มืด จ้าวเฉียนเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมเคาะประตูห้องของเหรินจานซวน เขาเอ่ยถามขึ้นว่า
“จะกินอะไรตอนเย็น ออกไปทานข้าวข้างนอกหรือให้สั่งเข้ามา?”
เหรินจานซวนอ้าปากหาวหวอดคำโตและตอบไปว่า
“สั่งมาทานเถอะ ฉันง่วงมากเลยไม่อยากออกไปข้างนอก ขอบะหมี่ผักสักชามก็แล้วกัน ฉันกินไม่เยอะอยู่แล้ว”
พอเห็นว่าอาหารที่เธอจะกินมันน้อยเหลือเกิน ผนวกกับร่างกายที่ผอมบางของเธออีก จ้าวเฉียนพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยเอ่ยตอบไปว่า
“กินเนื้อบ้างก็ดีนะ ผมว่าคุณผอมกว่าผู้หญิงทั่วไปมากเลย ไม่ช้าก็เร็วอาจมีปัญหากับร่างกายได้ ปากบอกว่าอยากให้ผมดูแลคุณไปตลอดชีวิต แต่ไม่ดีแลตัวเองเลยแบบนี้ สงสัยอีกไม่นานผมต้องไปเลือกป้ายหลุมศพให้แทนแล้ว ชอบสีอะไรเป็นพิเศษล่ะ?”
เหรินจานซวนลุกขึ้นมาจากเตียงโดยเร็ว ตรงเข้ามาเตะจ้าวเฉียนไปทีพร้อมบ่นขึ้นว่า
“นี่คุณ! แค่วันแรกก็แช่งกันแล้วเหรอ! เชอะ!”
จ้าวเฉียนหัวเราะเสียงดังกล่าวตอบไปว่า
“ก็พูดไม่ผิดหนิ ถ้ากินน้อยแบบนี้ก็ไม่แน่”
เหรินจานซวนกลอกตาใส่ไปที แต่แทนที่เธอจะกล่าวอะไรตอบ กลับเอ่ยถามขึ้นแทนว่า
“พรุ่งนี้จางต้าเฉินลงมือเผด็จศึกเราแน่นอน คุณพร้อมรับมือรึยัง?”
จ้าวเฉียนชูมือส่งสัญลักษณ์โอเคให้และตอบไปว่า
“จัดเต็มให้แล้ว ไม่ต้องห่วง ถ้าอย่างนั้นสั่งอะไรเข้ามากินนะ”
เหรินจานซวนพยักหน้าและเดินกลับไปนอนบนเตียง ระหว่างนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า
“งั้นขอบะหมี่เนื้อสักชาม”
จ้าวเฉียนยิ้มและเดินลงไปชั้นล่างเพื่อสั่งอาหารเข้ามาทาน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เสียงกดกริ่งดังขึ้น พอจ้าวเฉียนกำลังจะเดินออกไปเปิดประตู เขาก็มองทะลุหน้าต่างไปเห็นชายหนุ่มสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังพร้อมกล่องอาหารถุงใหญ่ในมือ
“สวัสดีครับ อาหารที่สั่งได้แล้ว กรุณมาเปิดประตูเอามันไปด้วยครับผม”
จ้าวเฉียนส่งเสียงตอบ แต่ขณะจะเปิดประตูออกไปเขากลับพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ชุดเสื้อผ้าที่สวมพอเข้าใจได้ว่า อาจเป็นแจ็คเก็ตของบรรดาสิงนักบิดเขานิยมใส่กัน แต่รองเท้าหนังสีดำวาววับสะท้อนแสงแบบนั้น…พนักงานส่งอาหารที่ไหนเขาใส่กัน? แถมถ้าใส่จริง ขับมอเตอร์ไซด์ลุยมา มันไม่น่าจะสะอาดเอี่ยมได้ขนาดนี้
ไม่ว่าเขาจะคิดมากเกินไปหรือเปล่า แต่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก จ้าวเฉียนจึงชะงักหยุดทันทีและตะโกนตอบไปว่า
“ผมกำลังยุ่งอยู่ รบกวนแขวนถุงอาหารไว้ข้างนอกทิ้งไว้เลย ผมโอนเงินจ่ายผ่านบัตรตั้งแต่ตอนกดสั่งไปแล้วครับ”
หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็หันหลังเดินกลับไปทันที
พนักงานส่งรีบตะโกนตอบกลับไปว่า
“พี่ชายครับ เปิดประตูมารับแปปเดียวเองไม่นานหรอกครับ ถ้าของหายที่หน้าประตูทางพี่ชายต้องรับผิดชอบเองนะครับ แถมผมเองยังโดนต้นสังกัดตำหนิด้วย ถือว่าช่วยๆ กันนะครับพี่”
แต่จ้าวเฉียนกลับเพิกเฉยต่ออีกฝ่าย รับกลับบ้านเปิดกล้องวงจรปิดดูทันที และตามที่คาดเอาไว้ไม่มีผิด พนักงานส่งอาหารคนนี้ไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็นคนของจานต้าเฉินปลอมตัวมา โดยการดักตีพนักงานส่งอาหารจริงๆ ที่ขับเข้ามาและสวมรอยเข้ามาแทน
“ดูท่าจานต้าเฉินคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาแล้ว เขาสามารถหาที่อยู่ของฉันเจอจนได้!”
จ้าวเฉียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม จ้าวเฉียนคิดว่าตนเองเป็นคนค่อนข้างรอบคอบอย่างมาก โดยปกติเขามักจะทำตัวติดดินมองแค่ผิวเผินดูยังไงก็เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนชัดๆ แล้วอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าเขาอาศัยอยู่ที่นี่?
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง เหรินจานซวนก็รีบวิ่งลงมาหา
จ้าวเฉียนเอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า
“เกิดอะไรขึ้น?”
เหรินจานซวนรีบกล่าวตอบทันที
“จานต้าเฉินมันโทรมาหาฉัน บอกว่าต่อให้ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่รีบออกมามอบตัว มันจะสั่งลูกน้องให้บุกเข้ามาจับตัวไปเอง”
จ้าวเฉียนรีบกล่าวปลอบโยนว่า
“อย่ากลัวไปเลย พวกมันไม่มีทางเข้ามาได้แน่”
หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็รีบปิดหน้าต่างและล็อกประตูทันทีอย่างหนาแน่น และโทรหาหยางหู่โดยไว
พอเห็นว่าจ้าวเฉียนกดโทรมาไม่หยุดหลายสาย หยางหู่ก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ รีบคว้ามือถือขึ้นมารับด้วยความตกใจ
“คุณชายจ้าว เกิดอะไรขึ้นครับ?”
“มีพวกอันตพานดักล้อมรอบบ้านฉันอยู่ นายช่วยส่งคนมาจัดการพวกมันที”
จ้าวเฉียนเอ่ยปากสั่งการ
หยางหู่รีบตอบรับด้วยความตื่นตระหนก
“เข้าใจแล้วครับ! ผมจะรีบสั่งลูกน้องให้ไปจัดการโดยเร็วที่สุด ระหว่างนี้คุณชายจ้าวห้ามออกไปไหนเด็ดขาดเลยนะครับ!”
จ้าวเฉียนกดวางสายไป และหันมาปลอบเหรินจานซวนว่า
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันโทรหาเพื่อนฉันให้มาจัดการแล้ว อีกไม่นานพวกนั้นก็จะไม่มาตามรังควานเธอแน่นอน”
เหรินจานซวนที่ได้ฟังดังนั้นก็ใจชื้อนขึ้นเล็กน้อย แต่ก็อดใจถามไม่ได้ว่า
“แล้วถ้าพวกมันโทรแจ้งตำรวจล่ะ?”
“พวกมันไม่มีโอกาสโทรแจ้งตำรวจแน่นอน ไม่สิ…ไม่มีแม้แต่โอกาสตั้งตัวด้วยซ้ำ”
จ้าวเฉียนยิ้มกล่าวอย่างหมดห่วง
สิ่งนี้ยิ่งทำให้เหรินจานซวนมากรู้เข้าไปใหญ่ว่า ที่จริงแล้วจ้าวเฉียนเป็นใครกันแน่? ทำไมเขาถึงมีเส้นสายมากมายขนาดนี้? ดังนั้นเธอจึงยิ้มถามทันทีว่า
“พี่จ้าว ตอนนี้พวกเราก็ถือเป็นพี่น้องกันแล้วนะ บอกความจริงมาเถอะ คุณทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงมีทั้งเงินทั้งอิทธิพลมากมายขนาดนี้?”
จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นเหลือบหางตามองเหรินจานซวนและกรนเสียงเย็นชาตอบไปว่า
“บางสิ่งไม่ควรรู้เป็นดีที่สุดนะ ตราบใดที่เธอไม่ถามเรื่องนี้อีกต่อไป ฉันก็จะเป็นพี่ชายที่แสนดีของเธอตลอดไปเช่นกัน”
เหรินจานซวนรีบเร่งพยักหน้าตอบด้วยความกลัว
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้น…ฉันขอตัวกลับเข้าห้องก่อนแล้วกัน รีบหน่อยก็ดีนะ…ฉันหิวแล้ว…”
“ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ แล้วอีกอย่างนะ ไม่ว่าเธอจะได้ยินเสียงอะไรหลังจากนี้ ห้ามออกมาจากห้องเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
จ้าวเฉียนกล่าวย้ำเตือนเธออีกครา
ผ่านไปครู่หนึ่ง กลุ่มคนที่อยู่ข้างน้อยไม่ทนอีกต่อไป พวกเขาพยายามปีนประตูรั้วบุกเข้ามาโดยไว
จ้าวเฉียนเห็นแบบนั้นจึงขึ้นไปชั้นสาม ลากเก้าอี้ออกไปนั่งที่ระเบียงหน้าบ้าน พร้อมจิบชาเฝ้าดูพวกเขาพยายามปีนเข้ามาอย่างสบายอารมณ์
“พี่ชาย การที่คุณอยู่บ้านหรูขนาดนี้ได้แสดงว่าร่ำรวยไม่ใช่น้อย ชีวิตคุณมีค่าเกินกว่าที่จะเอามาเสี่ยงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำไมคุณถึงต้องเอาตัวเองเข้ามาผัวพันกับเรื่องพวกนี้ด้วย? คุณทราบไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร?”
จ้าวเฉียนนั่งไขว่ห้างจิบชาอย่างสบายใจ พลางส่ายหัวตอบ
“บัดซบ! แล้วคุณยังกล้าปกป้องเธออีกเหรอ? เธอเป็นเมียน้อยของเจ้านายเรา! คงรู้ใช่ไหมว่าหมายความว่ายังไง? ไม่เพียงเธอจะนอกใจเท่านั้นแต่ยังกล้าขโมยเงินของเจ้านายเราไปอีก นี่มันเรื่องในครอบครัว คุณไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเลย ปล่อยตัวเธอคืนมาเถอะ ไม่คิดเหรอว่า การปกป้องเธอแบบนี้จะทำให้ตัวเองค่อยลำบากไปด้วย?”
จ้าวเฉียนจิบชาคำหนึ่งพลางยิ้มตอบว่า
“มันไม่ง่ายเลยนะที่จะคิดเรื่องโกหกขึ้นแบบนี้ แต่เอาเถอะ ผมจะบอกอะไรดีๆ สักอย่างให้ฟังนะ ไอ้รั้วที่พวกคุณกำลังปีนอยู่เป็นรั้วไฟฟ้าความแรงสูง แค่ผมกดปุ่มเดียวมันสามารถย่างพวกคุณให้เกรียมได้ในพริบตาเลยนะ แนะนำว่าให้ถอยออกไปห่างๆ จะดีกว่า บ้านผมไม่อยากมีผีเฝ้าหน้าบ้าน”
จ้าวเฉียนจงใจพูดเพื่อถ่วงเวลาอยู่ในขณะนี้ บรรดากลุ่มอันตพานที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบกระโดดลงจากรั้วทันที ทำอะไรอื่นไม่ได้นอกจากต้องถอยห่าง พลางกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด
หลังจากถ่วงเวลาได้ประมาณสิบนาทีเห็นจะได้ ทันใดนั้นก็มีรถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามา จอดอยู่หน้าบ้านจ้าวเฉียนข้างกลุ่มอันตพาน พอเปิดประตูรถตู้ออกมากลุ่มบอดี้การด์นับสิบคนก็วิ่งลงมาจากรถ จับตัวคนของจางต้าเฉินขึ้นรถไปทั้งแบบนั้น
จ้าวเฉียนดื่มชายจนหมดแก้วและกล่าวสั่งการต่อว่า
“นำตัวไปสั่งสอนให้หมด และห้ามปล่อยตัวพวกมันออกมาจนกว่าจะถึงเวลาสิบเอ็ดโมงของวันพรุ่งนี้”
พอพูดจบ จ้าวเฉียนก็ลากเก้าอี้กลับเข้าตัวบ้านไป ทันทีที่เขาเดินเข้าประตูไป ก็พลันเห็นเหรินจานซวนจ้องมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจเกินพรรณนา
“ทำไมงั้นเหรอ? ไหงถึงมองผมแบบนั้น?”
จ้าวเฉียนเลิกคิ้วเอ่ยถามด้วยความงุนงง
“คุณ…คุณเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงมีอำนาจอิทธิพลในโลกใต้ดินมากขนาดนี้? ทำไมคุณถึงเรียกคนพวกนั้นออกมาเก็บคนอื่นได้ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาแบบนี้? แล้ว…แล้วคนพวกนั้นจะเป็นยังไงต่อ? คุณ…คุณจะจับไปฆ่าทำลายหลักฐานงั้นเหรอ?”
พอเห็นเหรินจานซวนดูหวาดกลัวในตัวเขาเป็นอย่างยิ่ง จ้าวเฉียนก็อดใจแกล้งเธอไม่ได้ จึงปั้นหน้าขรึมกล่าวน้ำเสียงเย็นชาตอบกลับไปว่า
“หึหึ…ในเมื่อคุณรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ผมก็คงปล่อยให้มีชีวิตต่อไปไม่ได้ ยังไงก็เถอะ ถือซะว่าเห็นแก่ที่คุณขายหุ้นทั้งหมดให้ผมในราคาถูก ผมจะทำให้คุณไม่ตายอย่างทรมานแน่นอน…”
เหรินจานซวนถึงกับหน้าถอดสี รีบหมุนตัวกลับและวิ่งหนีสุดชีวิตออกไป ทั้งยังตะโกนขอความช่วยเหลือจนเสียงแหบแห้ง
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย…!!!”
จ้าวเฉียนถึงกับระเบิดหัวเราะลั่น และรีบวิ่งไล่ตามเธอไปทันที ทั้งนี้ยังแกล้งเธอต่อไปไม่หยุด ตะโกนเสียงดุขู่ขึ้นว่า
“หยุดเดี๋ยวนี้! เธอหนีไม่พ้นหรอก! ถ้ายังไม่หยุดวิ่งฉันจะข่มขืนเธอด้วย!!”