ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่241 ปล้น
ตอนที่241 ปล้น
เหรินจานซวนตกใจสุดขีด จ้าวเฉียนพุ่งกระโจนเข้าใส่กลางบ้าน เธอถึงกับร้องห่มร้องไห้เสียงดังลั่น
“ออกไป! ออกไปจากตัวฉัน! ไม่งั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”
ทันใดนั้นจ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะลั่นอย่างอดไม่ได้ พร้อมกล่าวขึ้นว่า
“นี่คุณอายุเท่าไหร่แล้ว? ยังไม่รู้อีกเหรอว่าอันไหนจริงอันไหนเล่น?”
“ห๊ะ? ก็…ก็คุณโทรเรียกแก๊งมาเฟียเป็นโขยงออกมาแบบนั้น แถมคุณเป็นใครก็ยังไม่รู้ แล้วจะไม่ให้กลัวได้ยังไง?”
เหรินจานซวนเอ่ยปากบ่นทันที
“งั้นก็เลิกโง่ได้แล้ว ออกไปหาอะไรกินเถอะ รีบไปอาบน้ำแต่งตัว ถ้าไม่ไปผมจะไปกินเอง”
จ้าวเฉียนเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
เหรินจานซวนยืนถือโทรศัพท์แน่น ลังเลอยู่นานไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี
ถ้าเธอโทรแจ้งตำรวจ แต่สุดท้ายจ้าวเฉียนไม่ใช่คนเลวล่ะ? ในท้ายที่สุดนี้เธอก็ค้นพบคนที่สามารถปกป้องเธอได้ไปตลอดชีวิต ดังนั้นเธอเองก็ไม่อยากทำให้เขาต้องขุ่นเคืองใจเช่นกัน
แต่ถ้าไม่โทรแจ้งตำรวจ แล้วจ้าวเฉียนเป็นคนไม่ดีขึ้นมาล่ะ? นี่ไม่ต่างอะไรกับอยู่ในปากเสือหรอกเหรอ?
หลังจากกังวลใจรวนเรอยู่นาน เหรินจารซวนจึงตัดสินใจไม่ออกไปไหน
จ้าวเฉียนเองก็ไม่รอเธอเช่นกัน ขับรถออกไปทานข้าวเย็นคนเดียว ระหว่างนั้นเองหวานเจียงก็โทรมาหา
จ้าวเฉียนรับสายพร้อมยิ้มทักทายขึ้นว่า
“ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมีธุระอะไรครับ?”
หวานเจียงพ่นลมหายใจใส่คำโต สบถตอบไปว่า
“นายว่างไหม ถ้าไม่ว่างไม่เป็นไร”
จ้าวเฉียนรีบตอบทันที
“แน่นอน สำหรับคุณผู้หญิง ผมว่างเสมอครับ ดูท่าจะมีเรื่องอะไรใช่ไหม? เกิดอะไรขึ้นล่ะ?”
“ไม่มี! ฉันแค่เบื่อ ไม่อยากอยู่คนเดียว อยากจะหาใครสักคนมาด่าเล่นแก้เซ็ง ตกลงนายว่างใช่ไหม? งั้นมาให้ฉันด่าหน่อย”
หวานเจียงสรรหาข้ออ้างเรียกอีกฝ่ายออกมา
จ้าวเฉียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับเหตุผลแปลกๆของเธอ จึงอดยิ้มถามไม่ได้ว่า
“นี่เธอท้องจริงๆรึไง? อามรณ์แปรปวนจังห่ะ?”
“ฉันแค่อยากบ่นเฉยๆ ทำไมผู้ชายอย่างนายถึงถามจู้จี้จัง? เอาแต่ถามโน้นนี่ไม่หยุด? เวลาฉันพูดอะไรไปก็ไม่เห็นจะเข้ามใจอะไรสักอย่าง แถมยังชอบทำตัวงี่เง่า…”
ราวกับหวานเจียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้จริงๆ เธอปริปากบ่นจ้าวเฉียนไม่หยุดหย่อนกว่าห้านาทีต่อเนื่อง ไม่ทราบเช่นกันว่า เธอเหนื่อยบ้างรึเปล่า แต่ที่แน่ๆคือ ตอนนี้จ้าวเฉียนรู้สึกเหนื่อยใจเสียเหลือเกิน
“ด่าพอยัง?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามเจือสงสัย
“ไม่! อย่าเพิ่งวางสายนะ! ฉันจิบชาแปปนึง…โอเค! ด่าถึงไหนแล้ว?”
เธอในตอนนี้ทำตัวไร้เหตุผลมาก
จ้าวเฉียนหัวเราะ คล้อยหลังซดซุปในถ้วยหมด เขาก็หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากและกล่าวแทรกขึ้นว่า
“โอเค โอเค ฉันว่าเธอพักคอก่อนดีกว่านะ ฉันกินข้าวเสร็จพอดี ขอตัวไปเช็คบิลก่อน”
จ้าวเฉียนหยิบบิลรายการอาหารขึ้นมาและลุกไปจ่ายเงิน ระหว่างเดินนั้นเขาก็ยังยกหูฟังหวานเจียงด่าไม่หยุดว่า ตัวจ้าวเฉียนนั้นแย่แค่ไหน พอเขาขึ้นรถไปก็เอ่ยปากพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้งว่า
“โอเค โอเค ผมมันแย่ แย่มากๆเลยด้วย พอใจไหม? ผมขอวางสายก่อนนะต้องขับรถแล้ว”
“ทำไมต้องวางสาย รถนายก็เชื่อมต่อบลูทูธโทรศัพท์ได้ ตั้งใจขับรถแล้วฟังฉันด่าต่อ!”
หวานเจียงตะโกนสั่งจ้าวเฉียนราวกับยื่นคำขาด
จ้าวเฉียนได้แต่หัวเราะแห้งอีกครา พลางคิดติดตลกกับตัวเองว่า ไม่เธอท้องก็ประจำเดือนมาแน่นอน ถึงได้อารมณ์เสียปานนี้ คิดได้ดังนั้นจึงกดเชื่อมต่อบลูทูธและฟังเธอด่าระหว่างขับรถต่อไป
จ้าวเฉียนจอดหยุดอยู่ที่บ้านตัวเอง หยิบมือถือขึ้นมากล่าวน้ำเสียงจริงจังตัดไปว่า
“คุณผู้หญิงครับ คืนพรุ่งนี้พอจะว่างไหม ไปดินเนอร์ดูหนังกัน”
“ไม่! ฉันไม่ว่าง!”
หวานเจียงตอบปฏิเสธทันที
“ไม่ว่าง? ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผทไปหาที่ฮวาหยินกรุ๊ปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน จะขอดูหน่อยว่าทำไมถึงไม่ว่าง”
“หยุด! นายไม่ต้องมา! ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย! หึ!”
หลังจากพูดจบหวานเจียงก็กดตัดสายทิ้งทันที ดูเหมือนว่าการคาดเดาของจ้าวเฉียนจะถูกต้อง เธอแค่โทรมาบ่นเพื่อเรียกความสนใจขจากเขา พอเขาเอ่ยปากชวนเธอเดทก็ดูจะบรรลุเป้าหมาย ก็เลยหยุดบ่นพร้อมตัดสายทิ้งไป ถ้าได้ไปดูหนังคืนพรุ่งนี้ บางทีเธอน่าจะกลับมาอารมณ์ดีได้ในไม่ช้า
จ้าวเฉียนหัวเราะกับตัวเอง กดปุ่มเปิดประตูรั้วและขับรถเข้าไปจอด ทันทีที่เขาเข้ามาในตัวบ้าน ก็พบว่าเหรินจานซวนกำลังนั่งกอดอกหน้าบึ้งอยู่บนโซฟา
“สีหน้าแบบนี้คือ?”
จ้าวเฉ่ยนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
เหรินจานซวนบ่นตอบไปว่า
“นี่นายเพิ่งกลับมาเหรอ? ไหนข้าวฉันล่ะ?”
“แหม พอเป็นพี่น้องกันแล้ว ความสุภาพก่อนหน้าหายไปไหนจ๊ะ? อีกอย่างก็ไม่อยากกินไม่ใช่เหรอ? จะมาโทษกันได้ไง?”
จ้าวเฉียนยักไหล่ตอบอย่างช่วยไม่ได้
เหรินจานซวนชะงักค้างไปครู่หนึ่งก่อนบ่นต่อว่า
“ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ถ้ารู้ว่ามีสาวน้อยนอนหิวอยู่ที่บ้านก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าควรทำยังไง? ต่อมความเป็นสุภาพบุรุษของนายตายด้านไปแล้วเหรอ?”
จ้าวฉัยนหัวเราะและเอ่ยตอบกลับไปว่า
“ก็ฉันเป็นคนแบบนี้แหละ ในฐานะผู้ชายก็จำเป็นต้องเคารพการตัดสินใจของผู้หญิง ในเมื่อเธอบอกว่าไม่กิน ฉันก็ไม่บังคับเช่นกัน”
เหรินจานซวนโกรธจัด เดิมทีเธอคิดว่า อย่างน้อยๆจ้าวเฉียนก็ต้องซื้อข้าวมาฝากเธอสักอย่างสองอย่าง แต่สุดท้าย เธอกลับคิดเยอะเกินไป
จ้าวเฉียนเดินเข้าห้องตัวเองไปอย่างไม่แยแส ปล่อยให้เธอนั่งหน้าบูดเพียงลำพัง
เหรินจานซวนที่เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งไปเคาะประตูห้องนอนของเขาที่อยู่ชั้นล่าง ตะโกนสาปแช่งเสียงดังลั่น
“จ้าวเฉียน! นายนี่มันแย่มาก! ฉันขอให้นายโสดตลอดชีวิต!”
หลังจากที่บ่นจบ เหรินจานซยวนก็กดมือถือสั่งอาหารเข้ามาเอง เมื่อจ้าวเฉียนกำลังจะเข้านอนหลังจากอาบน้ำ จู่ๆเหรินจานซวนก็มาเคาะประตู
“มีอะไรอีก? ค่อยว่ากันพรุ่งนี้นะ ฉันจะนอนแล้ว”
เหรินจานซวนรีบตอบกลับไปทันทีว่า
“อาหารที่สั่งมาถึงบ้านแล้ว ช่วยออกไปรีบที ฉันกลัวว่าจะมีคนของจานต้าเฉินดักอยู่น่ะ”
จ้าวเฉียนเปิดประตูและขู่เธอเสียงดุทันทีว่า
“เธอกล้ามากเลยนะที่ยังกล้าสั่งอาหารเข้ามาบ้านอีก ไม่ใช่ว่าครั้งนี้จางต้านเฉินจะลอบวางยาพิษในอาหารเธอเหรอ?”
เหรินจานซวนดันเชื่อจริงและกล่าวขึ้นด้วความกลัวว่า
“มัน…มันไม่น่าจะเป็นไปได้นะ ฉันคอยสังเกตพนักงานสั่งอาหารขับเข้ามาในหมู่บ้านตลอดทาง จางต้าเฉินจะเอาจังหวะไหนแอบวางยาฉัน? หรือ…หรือว่าดักตั้งแต่ต้นทางแล้ว?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวด้วยความหน่ายใจและตอบกลับไปว่า
“นี่เธออายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย? ถ้าอีกฝ่ายทำได้ขนาดนั้นจึงแสดงว่าต้องอ่านความคิดเธอได้แล้วว่าจะสั่งอะไร ถ้ายังลอบวางยาได้ก็เก่งเกินคนอแล้ว เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันจะไปเอาให้เอง”
หลังจากพูดจาจ้าวเฉียนก็เดินออกไป ปล่อยให้เหรินจานซวนยืนวิตกอยู่แบบนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวเฉียนก็เดินกลับมทาพร้อมกับกล่งออาหาร เขาวางมันลงบนโต๊ะและตะโกนเรียกเธอทันที
“ยังจะยืนนิ่งอยู่อีก? โอ้…สั่งบะหมี่เนื้อพิเศษมาเลย? สงสัยจะหิวน่าดูแหะ… รีบๆมากินได้แล้ว!”
จ้าวเฉียนเปิดกล่องบะหมี่ออกมาและเรียกเหรินจานซวนให้มากิน
แต่เธอกลับไม่กล้ากิน กลัวถึงขั้นวิ่งเข้ามาหลบอยู่หลังจ้าวเฉียน กัดฟันแน่นพูดขึ้นว่า
“นาย…นายลองชิมสักคำก่อนสิ ถ้าไม่มีพิษฉันถึงจะกิน…”
จ้าวเฉียนถึงกับกรอกตาใส่ตอบไปว่า
“นี่เห็นเป็นหนูทดลองรึไง? เฮ้ออ…ก็ได้ ก็ได้ เห็นว่าเธอน่าสงสารหรอกนะ ฉันจะลองชิมก่อน”
ทันทีที่พูดจบ จ้าวเฉียนก็จับตะเกียบยกซดบัหมี่เนื้อพิเศษหมดภายในชั่วอึดใจ นอนพุงกางตบท้องสองสามทีพลางกล่าวว่า
“โห้ว! สั่งมาจากร้านไหน? ทำไมเนื้ออร่อยแบบนี้! อืมม…หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนแหะ…”
จ้าวเฉียนโยนตะโกนใส่กล่องอาหารที่ว่างเปล่า อ้าปากเรอเสียงดังก่อนเดินกลับห้องนอนไปทั้งแบบนั้น
เหรินจานซวนที่เห็นแบบนั้นตะโกนด่าไล่หลังจากจ้าวเฉียนทันที
“จ้าวเฉียน! นายมันหน้าด้านเกินไปแล้ว! นายจะแกล้งฉันไปถึงไหน!”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นเอ่ยตอบไปว่า
“ฝากเก็บกวาดโต๊ะด้วย ฉันเกลียดผู้หญิงที่ไม่รักษาสุขอนามัยน่ะ ถ้าพรุ่งนี้เห็นว่ายังสกปรกแบบนี้ ก็เตรียมเก็บข้าวของออกไปจากบ้านฉันได้เลย ฉันขอตัวไปนอนก่อน พรุ่งนี้มีศึกหนักที่ต้องรับมือ”
เหรินจานซวนกระทืบเท้าด้วยความโกรธจัด ตะโกนด่าสวนกลับไปว่า
“อ๊ากก! ฉันเกลียดนาย!”
ตอนนี้ก็เกือบห้าทุ่มแล้ว เธอหิวมากจนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปค้นห้องครัว โชคยังดีที่เจอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ถ้วยหนึ่ง หลังจากนั่งกินเสร็จสรรพ เธอก็เก็บกวาดทำความสะอาดห้องนั่งเล่น กว่าจะได้เข้านอนก็ปาไปเที่ยงคืนพอดี
แปดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น จ้าวเฉียนพาเหรินจานซวนออกจากบ้านตรงเวลา บรรดาลูกน้องของหยางหู่ยืนสแตนบายพร้อมอยู่แล้วหน้าประตูบ้าน
พอเหรินจานซวนเห็นว่า มีชายร่างกำยำยืนอยู่หน้าบ้านมากมายขนาดนี้ เธอจึงรีบวิ่งไปซ่อนอยู่ด้านหลังจ้าวเฉียนทันที พลางกระซิบว่า
“จะทำยังไงดีจ้าวเฉียน? พวกนั้นกลับมาดักทำร้ายพวกเราอีกแล้วแน่เลย! รีบโทรแจ้งตำรวจเร็วเข้า!”
จ้าวเฉียนหัวเราะเสียงดัง ลากเธอออกมาขากหลังเขาและกล่าวปลอบไปว่า
“อย่าไปกลัว ฉันรับประกันเลยว่าคนพวกนี้ไม่ทำอะไรเธอแน่นอน เดินไปได้แล้ว”
เหรินจานซวนส่ายหัวทันทีตอบไปว่า
“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า”
“ยังจะไม่กล้าอะไรอีก? เดี๋ยวก็ไปสายหรอก!”
หลังจากพูดจ้าวเฉียนก็บังคับลากเธอเดินผ่านกลุ่มคนพวกนั้นออกไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย คนพวกนั้นทำราวกับว่ามองไม่เห็นทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ
“เห็นไหม? ฉันบอกเธอแล้วว่าไม่เป็นไร ขับรถไปเซียนเหว่ยกันเถอะ!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ขึ้นรถไปพร้อมกับเหรินจานซวน แต่ขณะที่กำลังจะออกรถ เบื้องหลังของทั้งคู่จู่ๆก็เกิดเหตุเสียงดังขึ้น
เหรินจานซวนร้องตะโกนเสียงดังลั่น
“จ้าวเฉียน แย่แล้ว! แย่แล้ว…!”
พอจ้าวเฉียนรีบหันไปดูปรากฏว่า พวกที่จางต้าเฉินส่งมาจับตัวเหรินจานซวนกับกลุ่มลูกน้องของหยางหู่กำลังเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันชนิดเป็นตายไปข้างหนึ่ง