ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่248 เรียกหุ้นคืน
ตอนที่248 เรียกหุ้นคืน
เมื่อเรื่องเงินทุนสามารถหาทางออกได้ เฉิงต้าซีก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วเช่นกัน เขาสามารถเริ่มต้นโครงการ5GและAIอัจฉริยะได้อีกครั้งทันที
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ณ ปัจจุบันคือ การรับสมัครพนักงงานฝ่ายพัฒนา ถ้าไม่มีนักวิจัยและผู้พัฒนา แล้วจะเริ่มต้นโครงการยังไง?
จ้าวเฉียนจึงหันไปสั่งงานเหรินจานซวนทันที ให้เปิดรับสมัครพนักงานของแต่ละแผนกที่กำลังขาดคน โดยเฉพาะกับแผนกพัฒนา ต้องให้ความสำคัญกับคนแผนกนี้ก่อนโดยเร็วที่สุด
เหรินจานซวนรีบเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องรับพนักงานในอัตราจ้างที่สูงกว่าบริษัทอื่น เพื่อเรียกคนมีศักยภาพเข้ามา”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวตอบไปว่า
“ตราบใดที่ได้พนักงานมีความสามารถเข้ามาร่วมพัฒนากับทางเรา และเข็นโครงการทั้งสองออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะชนได้ เงินส่วนนี้ที่เสียไปก็นับว่าคุ้มค่า เข้าใจสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อไหม?”
เหรินจานซวนและเฉิงต้าซีพยักหน้าตอบโดยพร้อมเพรียง
ขณะที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่ รปภ.ที่เฝ้าหน้าบริษัทก็ต่อสายตรงโทรหาเฉิงต้าซีโดยแจ้งว่า พวกผู้ถือหุ้นก่อนหน้าอยากเข้าพบจ้าวเฉียน
เฉิงต้าซีรีบขอความเห็นจากจ้าวเฉียนทันทีว่าจะ ยอมให้พวกผู้ถือหุ้นเข้าพบหรือไม่
จ้าวเฉียนในตอนนี้เองก็ต้องการเรียกหุ้นทั้งหมดในมือพวกนั้นคืนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงพยักหน้ากล่าวตอบไปว่า
“ให้พวกเขาเข้ามา”
เฉิงต้าซีโทรสั่งให้รปภ.ปล่อยพวกเขาเข้ามา
ไม่นานกลุ่มผู้ถือหุ้นก็เดินตรงเข้ามาในห้องประชุม
จ้าวเฉียนกล่าวทักทายพวกเขาเล็กน้อยก่อนเชิญให้นั่งลงด้วยใบหน้าจริงจัง พวกเขาเหล่านั้นได้แต่ยิ้มแห้ง รีบนั่งลงทันทีอย่างประหม่า
เฉิงต้าซีเอ่ยถามขึ้นว่า
“พวกคุณทุกท่าน มีธุระอะไรกับคุณจ้าวงั้นเหรอครับ?”
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กคล้ายว่าอยากให้คนอื่นพูดเปิดประเด็นขึ้นก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครพูด
จ้าวเฉียนที่เห็นแบบนั้นจึงเอ่ยขึ้นทันทีว่า
“ถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็เชิญออกไปครับ พวกเราจะคุยธุระกันต่อ!”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็รีบเอ่ยปากอธิบายให้ฟังทันที
“คุณจ้าว พวกเรามาที่นี่เพื่อขอโทษคุณน่ะครับ ก่อนหน้านี้พวกเราคิดว่าจางต้าเฉินควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ จึงเป็นเหตุผลให้เราไม่กล้าขัดค้านและจำใจสนับสนุนเขา…”
“คุณจ้าว ก่อนหน้าเพราะเรายังไม่คุ้นเคยหรือได้รู้จักคุณมาก่อน พวกเราจึงเสียมารยาทไป ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเงินปันผลก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่หลังจากนี้ที่คุณจ้าวรับช่วงต่อเข้ามาบริหาร พวกเรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งครับว่า เซียนเหว่ยจะต้องพัฒนาไปอีกขั้น พวกเราเป็นแค่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะไม่ขอเข้าไปแทรกแซงอะไรอีกแล้วครับ ยังไงพวกเราต้องขอโทษคุณจ้าวจริงๆ”
“ใช่ครับ พวกเรารู้สึกแย่จริงๆนะครับที่ทำตัวเสียมารยาทกับคุณจ้าวไปก่อนหน้า หวังว่าคุณจ้าวจะให้โอกาสพวกเรานะครับ”
………..
เนื่องจากจ้าวเฉียนแสดงให้เห็นแล้วว่า ตนมีเส้นสายที่แข็งแกร่งขนาดไหนและจางต้าเฉินก็ไม่ใช่คู่มือเลย บรรดาผู้ถือหุ้นเหล่านี้จึงคาดว่า บริษัทเซียนเหว่ยที่อยู่ภายใต้การควบคุมของจ้าวเฉียนจะต้องทำเงินได้เป็นมหาศาลหลังจากนี้ในอนาคต ดังนั้นหุ้นในมือพวกเขาแค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง? แต่ละคนต่างพยายามหาวิธีประจบประแจทันทีเพื่อขอส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่ม
แต่คิดหรือว่าจ้าวเฉียนจะอ่านเกมของคนพวกนี้ไม่ออก?
เขายิ้มกล่าวขึ้นทันทีว่า
“ผมเข้าใจสิ่งที่พวกคุณหมายถึงไปนะครับ แต่ยังไงก็คงต้องขอโทษด้วย ผมคงไม่เก็บคนของจางต้าเฉินไว้ข้างตัวแน่นอน ดังนั้นเพื่อให้เราได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ผมขอเสนอให้พวกคุณขายหุ้นในมือมาให้ผม ไม่อย่างนั้นผมจะทำการขยายส่วนผู้ถือหุ้น เพื่อเจือจางมูลค่าหุ้นส่วนในมือพวกคุณ ถ้าตัดสินใจช้า พวกคุณก็จะยิ่งขาดทุนมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ”
แน่นอน พวกผู้ถือหุ้นเองก็คิดไว้แล้วเช่นกันว่าอีกฝ่ายต้องมาไม้นี้ เพราะจุดยืนก่อนหน้าของจ้าวเฉียนค่อนข้างชัดเจนมากเช่นกัน เขาไม่เก็บคนของจางต้าเฉินไว้แน่นอน
เมื่อทุกอย่างถึงจุดนี้แล้ว พวกเขาก็ได้โอกาสเรียกร้องเสียที
น้ำเสียงของแต่ละคนดูแข็งกร้าวขึ้น ไม่ดูประหม่าแบบเมื่อครู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้น คุณจ้าวลองเสนอราคามาดูครับ”
“ใช่แล้วครับ ลองยื่นข้อเสนอมาก่อน แต่อย่าถือโอกาสนี้บีบคั้นกันเลยนะครับ คุณจ้าวควรตั้งราคาอย่างยุติธรรม”
……
จ้าวเฉียนหัวเราะพลางยิ้มตอบไปว่า
“ผมเป็นพวกมีคุณธรรมนำใจอยู่ครับไม่ต้องห่วง ไม่เคยเอาเปรียบใครอยู่แล้ว แบบนี้แล้วกันครับ ทุก1%ของหุ้นในมือ ขายให้ผมในราคาหนึ่งล้านตกลงไหมครับ?”
ในทีแรกพวกเขาคิดว่าหุ้นทั้งหมดในมือน่าจะขายได้ไม่กี่แสน แจ่พอได้ยินอีกฝ่ายแค่เสนอเริ่มต้นก็หลักล้าน ทุกคนก็เกิดคาวมโลภขึ้นทันที
“ไม่มีทาง! น้อยเกินไปครับ!”
“ใช่ครับ คิดจะใช้แค่เงินไม่กี่ล้านไล่เราออกไปแบบนี้ คุณจ้าวใจแคบเกินไปแล้วครับ!”
“1%ในราคาสิบล้าน ถ้าเห็นด้วยพวกเราพร้อมชายให้ทันที!”
“ใช่ครับ อย่างน้อยสิบล้าน!”
…….
สีหน้าการแสดงออกของจ้าวเฉียนมืดทมิฬลงทันใด เขาหัวเราะเยาะคำหนึ่ง พลางเหลือบหางตามองอย่างเหยียดหยามทันทีพร้อมกล่าวว่า
“ดูเหมือนว่าพวกคุณทุกคนยังไม่เข้าใจสถานการณ์กันดีนะครับ พวกคุณอยู่ในสถานะที่ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใดๆ แต่ผมก็ยังเห็นใจไม่เอาเปรียบพวกคุณ พร้อมให้ราคาซื้อย่างยุติธรรมที่สุดแล้ว แต่ถ้าอยากให้ผมเล่นบทร้ายจริงๆก็ได้นะครับ ผมจะขยายส่วนหุ้นทันทีหลังจากนี้ เพื่อเจือจางมูลค่าหุ้นในมือของพวกคุณทั้งหมด หลังจากนั้นผมจะขอดูหน่อยว่า พวกคุณจะทำอะไรผมได้? แล้วไม่ต้องเอาบริษัทมาอ้างนะครับ ต่อให้บริษัทขาดทุน ผมก็ไม่สน ขอแค่บีบให้พวกคุณหมดตัวได้ก็พอ แล้วผมยังมีอีกหลายวิธีที่จะเล่นกับพวกคุณ เยอะแยะเต็มไปหมด ดังนั้นแล้ว ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า พวกคุณอยู่ในสถานะที่ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใดๆทั้งสิ้น”
บรรดาผู้ถือหุ้นเหล่านั้นถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกจ้าวเฉียนขู่ไป สิ่งที่จ้าวเฉียนพูดไปทั้งหมดล้วนเป็นความจริง ต่อให้พวกเขาร่วมมือกันก็ไม่มีทางล้มจ้าวเฉียนได้เลย ทุกคนในที่นี่ไม่ต่างอะไรกับหมากในกระดานของจ้าวเฉียน
ทุกคนต่างหันมองกันสบตาไปมาด้วยความไม่แน่ใจ ไม่มีใครกล้าแม้แต่ปริปาก เพราะพวกเขาไม่อยากทำให้สถานการณ์มันย่ำแย่ลงไปกว่านี้ จนทำให้ชวดข้อเสนอสุดคุ้มของจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนย่อมมองผ่านอ่านความคิดของคนพวกนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เขากล่าวขึ้นต่อว่า
“อย่าเสียเวลาเลยครับ แค่เอ่ยปากยอมรับข้อเสนอดีๆ ทุกอย่างก็จบแล้ว คุณได้กำไร ส่วนผมได้หุ้นส่วนกลับคืนมา ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ดีไหมครับ? แต่ถ้า…พวกคุณยังไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ก็ขอใหโชคดีแล้วกันนะครับ ช่วงนี้พวกคุณอาจจะลอยตัวไปก่อน หลังจากที่ผมจัดการปัญหาภายในของบริษัทจนเข้าที ผมก็มีเวลามากพอที่จะไล่จัดการพวกคุณไปทีละคน”
หลังจากที่พวกเขาหลายคนนั่งกุมขมับลังเลอยู่นราน ในที่สุดก็จำต้องยอมรับข้อเสนอของจ้าวเฉียนอย่างเชื่อฟัง
จ้าวเฉียนสั่งให้เฉิงต้าซีไปเตรียมสัญญาการโอนหุ้นมาทันที เพื่อให้พวกเขาลงนามเซ็นและประทับลายนิ้วมือ
ประมาณสิบนาทีต่อมา เฉิงต้าซีรีบพิมพ์เอกสารสัญญานำมาให้ทันที
จ้าวเฉียนตรวจสอบเอกสารสัญญาดังกล่าวโดยละเอียด หลังยืนยันแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็เอ่ยปากสั่งว่า
“ส่งแต่ละฉบับให้พวกเขาเลย”
เฉิงต้าซีรีบแจกจ่ายให้แก่บรรดาผู้ถือหุ้นอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า ทุกคนก็เซ็นลงนามและประทับลายนิ้วมือเป็นอันเบ็ดเสร็จ สัญญาฉบับเหล่านี้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายแล้ว
เท่ากันว่า จ้าวเฉียนต้องจ่ายเงินให้พวกเขาตามเงื่อนไขที่ตกลงกันโดยหุ้นจำนวน1%ต่อหนึ่งล้านหยวน
ณ จุดนี้ จ้าวเฉียนมีหุ้นทั้งหใดในบริษัทเซียนเหว่ย เทคโนโลยีอยู่ทั้งหมด75%แล้ว โดยอีก25%ที่เหลืออยู่ในมือของจางต้าเฉิน
ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นรับเช็คที่จ้าวเฉียนเซ็นให้ พลางถอนหายใจเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน หยางหู่ก็โทรสายหาจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนขอตัวออกจากห้องประชุมและเดินออกไปรับสายข้างนอก พร้อมเอ่ยถามขึ้นว่า
“ฮาโหล เสี่ยวหู่ มีอะไรงั้นเหรอ?”
หยางหู่รีบตอบกลับทันทีว่า
“คุณชายจ้าว เมื่อกี้ทางเขตโทรมาถามว่าให้จัดการกับจางต้าเฉินยังไงดี?”
สำหรับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ จ้าวเฉียนไม่ต้องการบีบคั้นอีกฝ่ายมากเกินไป จึงกล่าวตอบไปว่า
“ปล่อยตัวมันออกมา แต่นายช่วยหาพาคนไปสั่งสอนมันสักหน่อย ไม่ต้องถึงตายนะแค่เอาปางตายพอ ให้มันตราตรึงกับประสบการณ์นี้ไปอีกนานเท่านาน เข้าใจไหม? อ่อ…ฝากบอกให้มันด้วยว่าฉันเป็นคนจ้าง”
“ห่ะ? ทำไมคุณชายต้องประกาศชื่อแซ่ให้มันรู้ตัว? ถ้าเกิดว่ามันวางแผนแก้แค้นขึ้นมาจะทำยังไงล่ะครับ?”
หยางหู่เอ่ยถามด้วยความกังวล
จ้าวเฉียนริบิดหัวเราะและกล่าวตอบไปว่า
“ฉันแค่อยากทำให้มันได้เห็นว่า ฉันทรงอำนาจมากพอที่จะบดขยี้มัน ถ้ามันกล้าตอบโต้จริงๆ ครั้งนี้ก็ฝากนายจัดการซ้ำ ครั้งนี้เอาให้เป็นอำพาตไปเลย สำหรับหมาเลี้ยงไม่เชื่องก็ต้องจัดการให้เด็ดขาด”
หยางหู่ไม่ลงความเห็นใดๆแต่ก็ตอบตกลงไปอย่างรวดเร็ว
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะส่งคนไปติดตามเขาไปเอง ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นจริง ผมจะลงมือจัดการเองครับ”
จ้าวเฉียนกรนเสียงอืมตอบกลับไป
“อืม มีอะไรอีกไหม?”
“ไม่มีแล้วครับ ถ้าเช่นนั้นผมไม่กวนคุณชายจ้าวแล้ว”
หยางหู่รีบวางสายและโทรไปทักทายผู้ว่าการเขตทันที เพื่อสั่งให้ปล่อยตัวจางต้าเฉินออกมา
จางต้าเฉินผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอถูกปล่อยตัวออกมาก็พลันคิดว่าพวกตำรวจเกรงกลัวในอำนาจอิทธิพลของเขา ทันทีที่ก้าวพ้นโรงพัก เขาก็โทรหาจ้าวเฉียนเพื่อเยาะเย้ยทันที