ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่26 อู๋ซินหวนคืนวงการ
ตอนที่26 อู๋ซินหวนคืนวงการ
“ว่าไง?”
หยางหู่เค้นเสียงเย็นตรงเข้ามาหา หยางหมิงผวาขึ้นสมองทันทีที่เห็นอีกฝ่ายจะต้องรับคลานหนี
จ้าวเฉียนยังคงใจเย็นดังเดิม ท่าทีดูสงบนิ่งราวกับไม่ได้สนใจหยางหมิงที่อยู่ตรงหน้าเลย หยางหู่จับจ้องหยางหมิงที่นอนอ้าซ่าอยู่บนพื้น เนื่องจากตัวจ้าวเฉียนเคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก แค่รับมือกับคนธรรมดาทั่วไปกลับไม่ใช่ปัญหาเลย
หยางหู่กล่าวน้ำเสียงเย็นชืดว่า
“อย่ามัวทำตัวไร้สาระให้เสียเวลา รีบขอโทษคุณชายจ้าวซะ ไม่งั้นฉันนี่แหละจะเป็นคนถอนฟันแกเอง!!”
หยางหมิงตอนนี้หวาดกลัวจนขี้ขึ้นสมองแล้ว ไม่เหลือทางเลือกอื่นใด นอกจากตะโกนเสียงดังลั่นว่า
“คุณชายจ้าว ขะ-ขอโทษ!”
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มทิ้งทวนด้วยความเหยียดหยัน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปขึ้นรถของเขา
หลิวซีและคนอื่ยๆ รีบวิ่งไปประคองร่างหยางหมิงที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นจากพื้น เสียงบีบแตร่ดังขึ้น ทั้งหมดรีบร่นถอยเปิดทาง และเฝ้ามองรถของจ้าวเฉียนแล่นจากไปอย่างเปล่าประโยชน์
หลิวซีรีบเดินไปหาหยางหู่และเอ่ยถามด้วยความระมัดรระวังว่า
“พี่หู่ ผมขอถามจริงๆ นะพี่ พี่…คิดจะปกป้องเขาไปตลอดเลยเหรอ?”
“ถูกต้อง ตราบใดที่เขายังคอยช่วยเหลือฉัน ฉันก็จะปกป้องรับใช้เขาต่อไป ลูกพี่แกเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“เข้าใจครับ…เรื่องนี้ผมเข้าใจ… ต่อแต่นี้ผมจะไม่ไปหาเรื่องเขาอีกแล้ว”
“อืม….พวกนายยังพอฉลาดอยู่บ้าง”
ทันทีที่หยางหู่พูดจบก็ตรงขึ้นรถ ซึ่งออกไปทันทีโดยทิ้งพวกที่เหลือปล่อยไปทั้งอย่างนั้น
คล้อยหลังหยางหู่จากไป หยางหมิงก็ปากเก่งขึ้นในทันใด
“ไอ้พวกไร้น้ำยา! เอาเงินกูไปขนาดนี้ แต่ดันไม่มีประโยชน์อะไรเลยโว้ย!!”
หลิวซีได้แต่ถอนหายใจตอบแค่ว่า
“นายน้อยหยาง คุณเองก็ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอว่า สำหรับพี่หยางหู่ เจ้าหนุ่มนั้นคือแขกคนสำคัญที่ต้องปกป้อง ถึงแบบนั้นถ้านายน้อยต้องการลงมือลงไม้กับมันให้ได้จริงๆ ก็ยังมีอีกหนึ่งวิธี คือทำให้เขาหมดตัว ตราบใดที่มันไม่มีเงินสนับสนุนพี่หยางหู่ พี่หยางหู่ก็จะไม่เข้าปกป้องมันอีกต่อไป เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราสามารถทำอะไรมันก็ได้!”
หยางหมิงพยักหน้าเห็นว่าเข้าท่า ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำให้คนที่รวยจากรางวัลล็อตเตอรี่กลับมาหมดตัวอีกรอบ
“ดี! เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ตราบใดที่ไม่มีไอ้หยางหู่อะไรนั้นคอยปกป้อง แกเตรียมตัวไปฆ่ามันได้เลย! ไม่ว่าเท่าไหร่ฉันก็จ่าย!”
“ฮ่าฮ่า…ได้เลยครับ! นายน้อยหยางไม่ต้องกังวลไป ถ้าเรื่องนี้ไม่มีพี่หยางหู่เข้ามาข้องเกี่ยว ผมจะจับมันถ่วงน้ำให้ตายอย่างช้าๆ!”
หยางหมิงระเบิดหัวเราะด้วยความสะใจเมื่อได้ฟัง ยามนี้เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นแล้วเล็กน้อย
ในเวลานี้เองจ้าวเฉียนกับหยางหู่กำลังยืนสนทนาอยู่บริเวณตีนภูเขา
“เสี่ยวหู่ ฉันวานอะไรหน่อยได้ไหม?”
“คุณชายจ้าวอย่าได้ลังเลครับ บอกผมมาได้เลย”
“งานนี้ไม่มีอะไรมาก แค่อยากให้นายไปที่สตูดิโอเพื่อแอบถ่ายกับดักฟังเรื่องส่วนตัวของบางคนหน่อย พอเข้าใจความหมายใช่ไหม?”
“เข้าใจครับ แล้วคุณชายต้องการให้ผมไปแอบถ่ายใคร?”
“สองสตีมเมอร์คนดังของค่ายฟางอวี่ หัวต้าหมิงกับหลี่เซียวปิง ยิ่งได้ข้อมูลส่วนตัวมากเท่าไหร่ยิ่งดี ขอขนิดที่ว่าถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป สังคมโซเซียลจะต้องปั่นป่วนหนัก ฉันต้องการสร้างชื่อเสียให้พวกนั้น”
หยางหู่พยักหน้าตอบทันทีลอธิบายแผนการที่คิดไว้ พร้อมเริ่มดำเนินการในวันพรุ่งนี้
จ้าวเฉียนยิ้มตอบเล็กน้อยและบอกหยางหู่ให้แยกย้ายกันกลับไป
เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังจะอาบน้ำ จู่ๆ อู๋ซินก็ต่อสายโทรเข้ามา
“นี่จ้าวเฉียน นายอยู่ไหน? ถึงบ้านรึยัง? หยางหมิงมันไม่ได้ทำอะไรนายใช่ไหม?”
“ฉันเพิ่งถึงบ้านตะกี้เอง กำลังจะไปอาบน้ำ ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี นอนพักผ่อนไปเถอะ”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันกลัวนายจะโดนมันลอบกัดเข้าน่ะสิ อืมดีจัง…งั้นฉันไปนอนแล้วนะ ฝันดี”
“อืม ฝันดี”
วางสายเสร็จ จ้าวเฉียนก็รีบอาบน้ำและเข้านอน
ในพริบตาเดียว หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป เทียนซูวได้ย้ายรกรากเข้ามาที่ตึก หลู่เจียจุย เซ็นเตอร์อย่างเป็นทางการแล้ว ถึงเวลาที่เริ่มเดินงานต่อแล้วเช่นกัน
สิ่งที่จ้าวเฉียนต้องการคือ การทำให้เทียนซูวเข้าที่โดยเร็วที่สุดเพื่อเริ่มเปิดบริการแพลตฟอร์มอีกครั้ง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเขาไม่ได้สนใจเลย อู๋ซินเธอในฐานะสตีมเมอร์คนสำคัญของแพลตฟอร์ม ณ ปัจจุบัน ย่อมได้รับการใส่ใจมากที่สุด ทุ่มเม็ดเงินเป็นจำนวนไม่น้อยในการโปรโมท ขึ้นบนหน้าจอห้างชื่อดังทั่วเมือง เนื้อหาโฆษณาเกี่ยวกับแพลตฟอร์มเทียนซูวนำทีมมาโดยอู๋ซิน
ไม่ใช่แค่ป่าวประกาศให้คนในท้องถิ่นรู้เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือการทำให้ดังจนกลายเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ
ทั้งลงทำการตลาดในเว็บWeibo วิทยุออนไลน์รวมไปถึงขึ้นเป็นโฆษณาแนะนำในAPPมือถือต่างๆ และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังลงในเกมต่างๆ ที่เด็กวัยรุ่นนิยมเล่นกัน ให้ขึ้นเป็นแบนเนอร์หลักในเว็บไซด์ยอดนิยม เพื่อผลักดังให้ชื่อเทียนซูวติดหูของผู้คน
งบโฆษณาเริ่มต้นที่จ้าวเฉียนมอบให้คือ200ล้าน ตราบใดที่ผลตอบรับค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ดี ย่อมเพิ่มทุนแน่นอนในภายหลัง
ไม่เพียงแค่หงซิ่วเท่านั้นที่กลัวความมือเติบใจใหญ่ของจ้าวเฉียน แม้แต่แพลตฟอร์มขนาดใหญ่อื่นๆ อย่าง เฟยอวี่ หลงหยา หรือสวอนยังตกตะลึงไม่น้อยเลยเช่นกัน เหล่าผู้รับผิดชอบแพลตฟอร์มใหญ่ๆ เหล่านี้ แห่กันโทรมาติดต่อหงซิ่วและถามว่า ในเร็วๆ นี้มีผู้สนับสนุนรายใหญ่เข้ามาหรือเปล่าส ทำไมถึงยอมจ่ายเม็ดเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้เพื่อโปรโมต
จ้าวเฉียนเคยกำชับไว้ว่า เรื่องของเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยต่อสาธารณะ ดังนั้นหงซิ่วจึงปฏิเสธที่จะตอบคำถามของพกวเขาเหล่านั้น โดยอ้างว่านี่เป็นคาวมลับทางการค้า แต่ก็อย่างว่า ยิ่งเธอทำตัวลึกลับมากเท่าไหร่ พวกแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้นเท่านั้น มีเศรษฐีคนไหนที่ใจใหญ่ลงทุนขนาดนี้กับแพลตฟอร์มเล็กๆ อย่างเทียนซูว?
หลังจากอุ่นเครื่องมาได้หนึ่งสัปดาห์ อู๋ซินก็เริ่มกลับมาออกอากาศอีกครั้งบนหน้าจอของค่ายเทียนซูว
เหล่าบรรดาแฟนคลับผู้ภักดีของเธอที่เคยคิดตามในค่ายเฟยอวี่ ตอนนี้ก็แห่เข้ามาทักทายเธอทีละคนสองคน
โดยธรรมชาติแล้ว จ้าวเฉียนย่อมต้องมาให้กำลังใจเธอแน่นอน โดยใช้ID ‘พี่เฉียน’ ปิดบังตัวตน เพื่อส่งของขวัญเป็นกำลังใจแก่เธอ
“พี่เฉียนมอบจรวด X1, X2, X3 … X100”
อู๋ซินไม่รู้ว่านี่คือจ้าวเฉียน คิดแค่ว่าคงเป็นแฟนคลับคนหนึ่งที่รวยมาก
“ขอบคุณสำหรับจรวดจำนวนX100มากเลยค่ะพี่เฉียน แล้วก็ต้องขอบคุณคนอื่นๆ ที่ติดตามฉันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่แพลตฟอร์ม้ทียนซูวกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ต่อจากนี้ภายในหนึ่งเดือน ฉันจะไลฟ์สดทุกวัน! และก่อนจบไลฟ์ของทุกวันจะมีกิจกรรมสุ่มแจกมือถือAppleและบัตรเติมเงินอีก10,000หยวน!”
หน้าต่างช่องแชทแทบระเบิดลงทันที ข้อความของเหล่าแฟนคลับเด้งกันรัวๆ ไม่หยุด แต่ละคนต่างตื่นอกตื่นเต้นกันอย่างยิ่ง การจะมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลก็ง่ายๆ สุ่มจากเบอร์โทรของผู้ที่เข้ามาโดเนทหรือส่งข้อขวัญให้กับเธอในระหว่างไลฟ์ ยิ่งส่งมากยิ่งมีสิทธิ์มาก
นี่เป็นหนึ่งในแผนการโปรโมตที่ถูกคิดขึ้นโดยจ้าวเฉียน และค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะตกเป็นภาระของทางแพลตฟอร์ม มันก็เหมือนกับการเปิดร้านอาหารขึ้นมาสักร้าน จำเป็นต้องมีโปรเปิดใหม่ แจกโน้นนี่ให้กับลูกค้าเพื่อสร้างฐานขึ้นมา
แน่นอนว่า หลังจากเธอป่าวประกาศออกไปดังนั้น คืนถัดมา ยอดผู้ชมไลฟ์แบบเรียลไทม์ก็พุ่งทะลุเกินกว่า200,000คน!
เหล่าแฟนคลับของอู๋ซินโดยส่วนใหญ่ย้ายมาจากแพลตฟอร์มเฟยอวี่ ดังนั้นหยางหมิงที่เห็นแบบนันจึงไม่มีคาวมสุขอย่างที่สุด นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่ไม่ได้รับรักจากเธอ แถมยังถูกใครก็ไม่รู้ปล้นไปต่อหน้าต่อตา ดังนั้นเขาจึงยอมอยู่เฉยได้ยังไง?
วันถัดมา หยางหมิงตรงมาถึงสำนักงานของเทียนซูวและรีบเข้าพบหงซิ่วเป็นการส่วนตัว
หยางหมิงที่มีบริษัทเฟยอวี่คอยหนุนหลังให้อยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใครเช่นกัน
“แม่สาวน้อย ไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอ! แม้เธอจะขโมยคนของฉันไป แต่อย่างน้อยก็เห็นเฟยอวี่อยู่ในสายตาบ้าง! นี่ตั้งใจจพแกล้งกันรึไง?”
หงซิ่วไม่คิดจะหาเรื่องด้วย จึงกล่าวตอบไปอย่างสุภาพว่า
“นายน้อยหยาง คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกสักทีเดียว เรามีสิทธิ์ที่จะเซ็นสัญญากับสตีมเมอร์ไร้สังกัดคนใดก็ได้ และผู้ชมเองก็มีสิทธิ์เลือกแพลตฟอร์มที่จะรับชมเองเช่นกัน ดิฉันไม่เคยไปแทรกแซงเรื่องของบริษัทคุณเลยนะคะ ทุกอย่างดำเนินภายใต้ข้อกฎหมายอย่างถูกจ้อง แล้วการที่คุยมายืนด่าดิฉันอยู่ตรงนี้ มันหมายความว่ายังไงค่ะ?”
หยางหมิงแสร้งหูทวนลม เพิกเฉยต่อคำพูดของเธอและพูดขู่ขึ้นว่า
“ผมไม่สน! คุณขโมยลูกค้าผมไป ดังนั้นคุณจะมอบหุ้นให้ผมเป็นจำนวน20% หรือไม่ก็รอให้แพลตฟอร์มนี้โดนสั่งปิดได้เลย! พวกเราเป็นใครคุณควรรู้อยู่แก่ใจ กับอีแค่ผู้ประกอบการตัวกระจ๋อยอย่างคุณ ผมจะกลั่นแกล้งยังไงก็ได้!”
หงซิ่วระเบิดหัวเราะคิกคักและเอ่ยถามกลับไปว่า คุณล้อเล่นกันหรือเปล่า? ต้องการหุ้น20%แบบฟรีๆ ไม่ขอแพลตฟอร์มไปเลยล่ะ?
หยางหมิงยิ้มเยาะและตอบกลับว่า
“ถ้าคุณไม่ยอมให้ ก็อย่าโทษผมว่าไม่สุภาพ ผมจะแจ้งเรื่องนี้อีกที และอีกไม่นานอู๋ซินเตรียมตกกระป๋องได้เลย!”