ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่267 ทานมื้ออาหารดีๆ
ตอนที่267 ทานมื้ออาหารดีๆ
พอถึง ณ จุดหนึ่ง เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงผ่านพ้นไป แต่จ้าวเฉียนก็ยังไม่มาสักที หวานเจียงจึงเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อยและโทรหาเขา
จ้าวเฉียนรับสายโทรศัพท์ แกล้งทำเป็นว่าอยู่ในห้องน้ำเอ่ยถามขึ้นว่า
“มีอะไรเหรอ?”
หวานเจียงกล่าวน้ำเสียงเย็นชาใส่ว่า
“นี่นายกะจะใช้ชีวิตที่เหลือในห้องน้ำเลยรึไง? นี่มันนานมากแล้วนะ!”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบทันทีด้วยท่าทีร้อนรน
“อย่าเพิ่งพูดตอนนี้ได้ไหม คนต่อแถวรอเยอะมาก ฉันรอห้านาทีกว่าแล้วมั่ง แทบจะถอดกางเกงตรงนี้แล้ว! เธอรออยู่ตรงนั้นไปก่อน รอฉันทำธุระเสร็จเดี๋ยวไปหา”
หวานเจียงไม่พูดไม่กล่าวอะไรและวางสายโดยตรง เธอยังคงยืนเฝ้ารออยู่สักครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็รอไม่ไหวแล้ว เธอเดินไปหาจ้าวเฉียนทันที
ไม่นานหวานเจียงก็ตรงมาถึงที่ห้องน้ำและโทรหาจ้าวเฉียนอีกครั้ง
จ้าวเฉียนรับสายเอ่ยถามขึ้นว่า
“ว่าไง? จะกลับแล้วเหรอ?”
“ไร้สาระ! ฉันอยู่หน้าห้องน้ำแล้ว รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”
หวานเจียงตะคอกใส่ในทันใด
“เอาน่า เอาน่า…ฉันก็เข้าห้องเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวออกไปหา”
หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็วางสาย รีบออกไปล้างมือและออกไปหา
สีหน้าของหวานเจียงดูยังไงก็รู้ว่ากำลังโกรธจัด เธอจ้องตาจ้าวเฉียนเขม็ง
จ้าวเฉียนรู้ตัวดีว่าตนเองผิด เขารีบคลี่ยิ้มอ่อนขอโทษทันทีว่า
“ฮะ-ฮ่า…ฉันขอโทษ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ไปกันเถอะ กลับบ้านไปทานมื้อเย็นกัน แม่เพิ่งโทรมาหาเมื่อกี้บอกให้รีบกลับมาทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน”
หวานเจียงพ่นลมหายใจเย็นยะเยือกออกไปเฮือกหนึ่งและตอบไปว่า
“นายจะไปไหนไม่ได้ เพราะฉันสัญญากับคนในกองถ่ายไว้แล้วว่า จะให้พวกเขาสั่งอาหารอร่อยๆ มากินด้วยกัน หรือนายไปสั่งอาหารกับฉันให้พวกเขาก่อนกลับก็ได้นะ”
โดยไม่พูดไม่จาใดๆ จ้าวเฉียนคว้าแขนหวานเจียงและเดินจากไปทันที
ทั้งสองเดินทางมายังร้านอาหารที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสนามแข่งเท่าไหร่นัก และเดินเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านโดยตรง
เจ้าของร้านคนนี้เป็นทั้งเจ้าของและเซฟ เขาเดินเช็ดมือจากห้องครัว ตรงเข้ามาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า
“ต้องการสั่งอาหารใช่ไหมครับ?”
จ้าวเฉียนตอบไปว่า
“ครับ พวกเราเป็นคนจากบริษัททำหนังที่กำลังใช้สนามแข่งข้างๆ ถ่ายทำกันอยู่ วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์แต่กลับต้องให้พวกเขามาทำงาน ก็เลยอยากสั่งอะไรพิเศษๆ ให้น่ะครับ ยังไงรบกวนคุณไปส่งข้าวให้ตอนเที่ยงได้ไหมครับ?”
เจ้าของร้านฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าตอบทันทีว่า
“แล้วคุณลูกค้าทั้งสองจะสั่งอะไรดีคครับ?”
จ้าวเฉียนหันไปมองหวานเจียง เอ่ยถามขึ้นว่า
“แล้วเธอสัญญากับพวกเขาว่าจะเลี้ยงอะไร?”
หวานเจียงส่ายหัว
“เปล่านะ ฉันแค่บอกพวกเขาว่าสั่งได้ตามใจเลย อยากให้ทานอาหารดีๆ กันน่ะ คุณเจ้าของร้านที่ร้านมีวัตถุดิบทำอาหารเพียงพอสำหรับสามร้อยที่ไหม? ขอเป็นชุดอาหารตามมาตรฐานนะคะ ชุดโปรตีน ผัก ซุป จับคู่ยังไงก็ได้ค่ะ”
เจ้าของร้านทั้งรู้สึกสุขใจและเศร้าในเวลาเดียวกัน ออเดอร์อาหารชุดนี้สามารถทำงานให้เขาเป็นกอบเป็นกำอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่วัตถุดิบในร้านของเขากลับไม่เพียงพอ ถ้าสักสองร้อยคนยังพอเป็นไปได้ แต่สำหรับสามร้อยแบบนี้คงเป็นไปไม่ได้แน่นอน
เชาจึงสารภาพไปตามตรงกับจ้าวเฉียนและหวานเจียงไปตามตรง และเสนอไปว่า สามารถลดปริมาณผักกับข้าวลงหน่อยได้ไหม เพราะอย่างไรเขาให้ความสำคัญสำหรับรสชาติมากกว่าอยู่แล้ว ถ้าทำตามที่เสนอ ออเดอร์สามร้อยที่ย่อมสามารถทำได้อย่างแน่นอน
แต่จ้าวเฉียนเองก็ไม่ใช่คนโง่ เขาไม่ปล่อยให้หวานเจียงต้องขายหน้าแน่นอน เธอสัญญากับทุกคนไปแล้วว่า จะให้ทุกคนได้รับประทานของดีๆ แต่จะมาโกงกันแบบนี้ได้ยังไง
จ้าวเฉียนจึงเอ่ยตอบไปว่า
“ถ้าอย่างนั้น ผมสั่งแค่ร้อยห้าสิบที่พอ ที่เหลือเดี๋ยวผมเดินไปสั่งร้านข้างๆ ให้พวกคุณสองร้านช่วยกันน่าจะแบ่งเบาภาระไปได้ด้วย ทำเสร็จก็ถึงเวลามื้อเที่ยงพอดี อย่างแรกเลยนะ เดี๋ยวผมจะโอนเงินให้คุณไปก่อนสักหมื่นหยวน”
คล้อยหลังพูดจบ จ้าวเฉียนก็หยิบมือถือสแกนรหัสQRจ่ายเงินให้เจ้าของร้านไป10,000หยวน
เจ้าของร้านคนนั้นรีบรับออเดอร์ วิ่งไปที่ประตูแขวนป้ายปิดร้านทันและวิ่งเข้าห้องครัวอย่างรวดเร็ว
จ้าวเฉียนและหวานเจียงเดินทางไปยังร้านอาหารอีกร้านที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล สั่งออเดอร์อาหารเพิ่มอีก150ที่พร้อมโอนเงินให้ล่วงหน้า10,000หยวน
อาหารในร้านพวกนี้ไม่ได้แพงอะไรเลย ลูกค้าโดยเฉลี่ยแล้วเป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุ20ต้นๆ อาหารที่ดูน่าสนใจมีเป็นสิบเมนู ราคาที่ประเมินไว้สัก5,000หยวนก็น่าจะพอ
ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงโอนเงินจ่ายให้ล่วงหน้าไปตั้ง10,000หยวน ซึ่งนี่มันเพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นให้พวกเจ้าของร้านตั้งใจเข้าครัวทำอาหารให้เสร็จทันเวลา
จ้าวเฉียนยิ้มและเอ่ยถามหวานเจียงว่า
“งั้นกลับบ้านไปรอทานมื้อเย็นกันเลยดีไหม?”
หวานเจียงส่ายหัวและตอบว่า
“ฉันต้องรอให้พวกเขาเตรียมอาหารเสร็จแล้วไปส่งก่อนถึงจะกลับได้”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบอย่างช่วยไม่ได้ว่า
“หลังจากที่ร้านทำอาหารเสร็จ พวกเขาจะดำเนินการส่งทันที พิกัดกองถ่ายก็ระบุไว้ชัดเจนแล้ว เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก หรือเธออายที่ต้องทิ้งพวกเขาไปแบบนี้? คิดมากหน่า!”
หวานเจียงสับสนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หลังจากพยายามเถียงอยู่สักพัก เธอก็จำใจพยักหน้าตกลงและกลับบ้านไปพร้อมจ้าวเฉียน
ระหว่างทางกลับ อวีกุ้ยเฟิงก็โทรสายมาหาจ้าวเฉียน
“นี่ลูกจะกลับรึยัง? มื้อเที่ยงเย็นหมดแล้ว ถ้ามาไม่ทันก็ควรกลับมาทานมื้อเย็นด้วยกันนะ”
จ้าวเฉียนรีบขอโทษแม่กลับไปทันที
“แม่ ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ ตอนนี้กำลังรีบกลับไปอยู่ ไม่ต้องรอ กินกันไปก่อนเลยครับ”
อวีกุ้ยเฟิงขมวดคิ้ว บ่นตอบกลับไปทันที
“บ้าหรือเปล่า ถ้ากำลังจะกลับมาแล้ว ก็รอกินข้าวพร้อมเสี่ยวเจียงสิ จะให้พวกเรากินก่อนได้ยังไง? แต่ไม่ต้องรีบนะ ค่อยๆ ขับรถกลับมา”
“ครับแม่ งั้นรอผมหน่อยนะ”
หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็กดวางสายไปทันที พูดกันตามตรง เขารู้สึกหัวเสียกับหวานเจียงมาก ถึงนี่จะเป็นแค่การแสดง แต่เธอก็ควรเคารพครอบครัวของเขาด้วย โดยเฉพาะกับพ่อแม่ของเขา
แม่ของจ้าวเฉียนเริ่มจัดเตรียมอาหารตั้งแต่เช้ากับพวกคนใช้ ทั้งหมดก็เพื่อใครหากไม่ใช่หวานเจียง? แต่ดูสิที่เธอทำสิ? ถ้าเขาไม่เข้ามาบอกว่าแม่กำลังรอ เธอคงไม่กลับไปกินข้าวเย็นกับที่บ้านของเขาด้วยซ้ำ
จ้าวเฉียนเริ่มไม่พอใจในตัวหวานเจียงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกลับไปถึงเมืองตงไห่ เขาจำเป็นต้องพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ใหม่อีกครั้ง
หวานเจียงเองก็ทราบดีว่า ครั้งนี้เธอทำผิด แต่ก็ไม่มีทางเลือกเช่นดัน ด้วยบุคลิกของเธอผนวกกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจ้าวเฉียนที่ไม่ชัดเจนพอ เธอจึงคิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องเอาใจใส่กับครอบครัวของจ้าวเฉียนขนาดนั้น
ทั้งสองไม่พูดไม่จากันตลอดทางจนกระทั่งเดินทางมาถึงตีนเขา
หลังจากลงมาจากรถ จ้าวเฉียนก็เดินล่วงหน้านำออกไป ส่วนหวานเจียงก็เดินตามหลัง ถ้าเป็นคนนอกมาเห็นก็คงไม่คิดเช่นกันว่า ทั้งสองเป็นคู่รักกัน
เมื่อเห็นว่ากำลังเดินขึ้นไปถึงยอดเขา จ้าวเฉียนก็ชะงักฝีเท้าหยุดลง พอหวานเจียงเดินมาถึงตัว เขาก็เอื้อมมือออกไปโอบเอวของหวานเจียง ทำเอาเธอตกใจอย่างมากและเอ่ยถามทันควันว่า
“นี่นายกำลังทำบ้าอะไร? ปล่อย! ลืมเรื่องที่ฉันบอกไปตอนเช้าแล้วรึไง? ถ้ากล้าทำอะไรฉันอีกแม้แต่ครั้งเดี๋ยว ฉันจะอจ่งตำรวจจับข้อหาข่มขืน! คิดว่าฉันพูดเล่นรึไง!”
จ้าวเฉียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เอ่ยตอบไปว่า
“ฉันไม่ลืมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เราต้องแกล้งทำเป็นรักกันเข้าไว้ หลังจากกลับเมืองตงไห่ เธอจึงจะเป็นอิสระตกลงไหม?”
หวานเจียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าตอบและไม่คัดค้านขัดขืนอะไรอีก
จ้าวเฉียนโอบกอดหวานเจียงในอ้อมอกและเดินขึ้นไปต่ออย่างแช่มช้า
อวีกุ้ยเฟิงสั่งให้คนรับใช้ไปยืนต้อนรับอยู่หน้าประตูแล้ว เมื่อเห็นกลุ่มคนหนึ่งกำลังเดินกลับมา พวกเธอจึงรีบเข้าไปทักทายทันที
เมื่อเห็นถึงความเอาใจใส่ของอวีกุ้ยเฟิงแล้ว หวานเจียงยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ เธอค่อนข้างพึงพอใจอย่างยิ่งกับอวีกุ้ยเฟิงกับจ้าวฝู่ และเธอยินดีอย่างยิ่งที่จะกลายมาเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่น่าเสียดายที่สันดานเสียของจ้าวเฉียนมันมีมากเกินไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้คงหนีเรื่องของจ้าวเฉียนไม่พ้น