ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่274 ฉันต้องการมือของมัน
ตอนที่274 ฉันต้องการมือของมัน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกบอดี้การ์ดทั้งหมดเริ่มระดมพลมารอที่โถงใหญ่ทีละคนสองคน ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง กลุ่มรปภ.ทั้งหมดที่อยู่ภายใตเครือบริษัทของจ้าวฝู่ทั้งหมดรวมตัวกันพร้อมที่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์ อีกสองชั่วโมงผ่านไป จัดแถวกระดาษเรียงหนึ่ง บรรดาลูกเรือที่ไม่ได้ออกทะเลก็มาถึงอย่างพร้อหน้า รวมเป็นจำนวนกว่า800คน
หวานเจียงมองไปที่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์จากหน้าต่างบนห้อง ยามนี้เธอถึงกับตกใจจนหน้าถอดสี ความแข็งแกร่งของตระกูลจ้าวเหนือจินตนาการอย่างแท้จริง สามารถเรียกระดมพลได้ขนาดนี้ภายในเวลาอันสั้น
แต่เมื่อเห็นแบบนี้เธอก็รู้สึกเศร้าใจไม่น้อย มันต้องเป็นศึกใหญ่ขนาดไหนกัน? แล้วจ้าวเฉียนจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม?
สีหน้าของจ้าวเฉียนยามนี้มืดทมิฬเข้ม พอเห็นทุกคนมากันพร้อมหน้าก็ตะโกนเสียงลือลั่นว่า
“ไป! ไปบ้านตระกูลหัว!”
หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็ขึ้นรถของจ้าวฝู่ ส่วนคนอื่นๆก็นั่งรถตู้ที่ทางตระกูลจ้าวจัดเตรียมไว้ให้
นี่เป็นเวลาหกโมงเย็นกว่าแล้ว และยังเป็นวันเทศกาลไหว้พระจันทร์อีกหนึ่งวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาร่วมญาติของทุกครอบครัว
ในฐานะตระกูลใหญ่ ครอบครัวหัวได้จัดงานฉลองใหญ่ โดยมีหัวเซินซวนเป็นประธานจัดงานหรือแม้แกระทั่งหัวเซียงตงผู้อาวุโสใหญ่สุดของตระกูลยังต้องนั่งรถเข็นออกมา
หัวเซียงชานถือแก้วไวน์ไปเดินชนกับพี่น้องๆของเขา เพื่อเริ่มดื่มอวยพรให้แก่หัวเซียงตงและหัวเซินซวน แต่ทันใดนั้นเอง บอดี้การ์ดคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยความติ่นตระหนัก
“นายท่าน! แย่แล้ว! มีรถตู้หลายสิบคันมาจอดขวางประตูหน้าบ้าน พวกเขากำลังบุกเข้ามาที่นี่!”
ทันทีที่สุ้มเสียงของเขาดังขึ้น บรรยากาศท่ามกลางงานฉลองของตระกูลหัวพลันเงียบลงชั่วขณะ
หัวเซินซวนใจเต้นแรงขึ้นทันใด เขารีบหันไปถามหัวเซียนชานทันทีว่า
“เซียงชาน วันนี้แกไล่ตามมันไปถึงไหน?”
หัวเซียงชานเพียงยิ้มและตอบไปว่า
“ก็ไม่ได้ไล่ตามไปขนาดนั้น แต่ผมขับรถไปทุบหลุมศพของย่ามันทิ้งเท่านั้น ทุบโลงซะเละเลย! ฮ่าฮ่าๆๆ…”
ทันทีที่วาจาประโยคนี้เปล่งดังออกมา สมาชิกทุกคนในครอบครัวตระกูลหัวพลันเงียบสงัดลงทันที แม้ว่าตระกูลหัวจะเสียหน้าไม่ได้ แต่การกระทำของหัวเซียงชานในครั้งนี้มันก็เกินไปจริงๆ ถึงขนาดไปทุบทำลายหลุมฝังศพบรรพบุรุษคนอื่น นี่เท่ากับยั่วยุให้ฟ้าดินโกรธชัดๆ
หัวเซินซวนตะโกนด่าสาปแช่งไปทันทีว่า
“ฉันเตือนแกแล้วไม่ใช่เหรอ! ว่าอย่าทำอะไรให้มันเกินไป! นี่หูหนวกรึไง! ฉันไม่เคยสอนให้แกไปลบหลู่บรรพบุรุษคนอื่นเลยสักครั้ง!”
หัวเซียงชานเริ่มรู้สึกหงุดหงิดแล้วเช่นกัน เขาตอบกลับเสียงเย็นไปว่า
“คุณปู่ มีอะไรต้องกังวล? ใครหน้าไหนในหยานจิ้งทำอะไรตระกูลหัวของเราได้บ้าง!”
หลังจากพูดจบ หัวเซียงชานก็ชักชวนให้บรรดาญาตพี่น้องของเขาออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกทันที
ในเวลาเดียวกัน คนของจ้าวเฉียนได้บุกเข้ามาแล้ว เข้าทุบตีรุมกระทืบพวกบอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าบ้านจนหมดสภาพ แต่เท่านั้นยังไม่พอ ก่อนที่หัวเซียงชานจะได้ย่างก้าวออกไปดู กลับต้องรีบวิ่งหนีหางจุกตูด เพราะคนของจ้าวเฉียนบุกเข้ามาถึงในตัวบ้านแล้ว เข้ากระหน่ำทุบตีของมีค่ามากมายภายในบ้านจะแตกกระจาย
จ้าวเฉียนเดินเข้ามาตรวจงานด้วยความพึงพอใจ และสั่งให้คนกว่า800คนเข้าปิดล้อมสมาชิกตระกูลหัวทั้งหมด
ทุกคนในตระกูลหัวตื่นตกใจกันอย่างมาก พวกเขารีบรวมตัวกอดกันด้วยความหวาดกลัว ทั้งลูกเด็กเล็กแดงต่งากรีดร้องและร้องไห้ออกมาไม่หยุดหย่อน ส่วนบรรดาญาติผู้หญิงที่ขวัญอ่อนก็กลั้นน้ำตาไม่หยุดแล้วเช่นกัน
หัวเซียงชานใจเต้นกระหน่ำแทบพุ่งออกมาจากลำคอ เขาในขณะนี้เองก็หวาดกลัวจนเสียขวัญไปแล้วเช่นกัน ถึงขนาดที่ว่ากลัวจนพูดอะไรไม่ออก
ในเวลานี้เอง เป็นหัวเซินซวนที่ต้องก้าวออกมาเผชิญหน้า เขายิ้มสู้กล่าวว่า
“หนุ่มน้อย นี่หมายความว่ายังไงกัน? วันนี้เป็นวันเทศกาลไหว้พระจันทร์นะ ทำแบบนี้มันดูไม่เสียมารยาทไปหน่อยเหรอ?”
จ้าวเฉียนกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง สายตาคู่แดงเดือดจ้องไปที่หัวเซียงชานเขม็งและกล่าวตอบว่า
“กูไม่อยากพูดจาไร้สาระกับมึงไอ้แก่ ส่งตัวมันออกมาให้พวกกูกระทืบเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นกูจะทุบที่นี่ให้เละแบบที่พวกมึงทำกับหลุมศพย่ากู!”
ทันทีที่วาจาประโยคนี้เปล่งดังออกมา สมาชิกทุกคนของตระกูลหัวพลันยิ่งหวาดกลัวเข้าไปใหญ่ และเด็กน้อยทั้งหลายก็เริ่มร้องไห้หนัก
จ้าวเฉียนยังมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง ทั้งเด็กและผู้หญิงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวต่อว่า
“พวกผู้หญิงกับเด็ก ไสหัวไปซะ! แต่ถ้าคนอื่นนอกเหนือจากนี้กล้าออกไป กูจะไล่หักขาพวกมึงทีละตัว!”
หัวเซินซวนโบกมือขอใหญ่ญาติผู้หญิงพาตัวเด็กๆออกไปจากที่นี่โดยเร็ว
หัวเซียงซิ่ว เธอถูกเลี้ยงดูและเติบโตในอเมริกาจึงได้รับการศึกษาด้านกฎหมายและหลักประชาธิปไตยมามากพอสมควร เธอจึงกล่าวเตือนขึ้นว่า
“นี่แกกล้าลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของคนอื่น ทำผิดกฎหมายร้ายแรง! พวกเรามีสิทธิ์ฟ้องให้แกติดคุกหัวโตได้นะ!”
จ้าวเฉียนเหลือบหางตามองหัวเซียงซิ่วอย่างว่องไว เขายิ้มตอบไปว่า
“ถ้ายังพล่ามอีกแม้แต่คำเดียว กูจะจับมึงโยนเข้าซ่อง!”
หัวเซียงซิ่วพยายามจะเถียงกลับ แต่เป็นหัวเซินซวนที่รีบตะโกนขัดขึ้นก่อนว่า
“หุบปาก! ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากฉันห้ามใครพูดเด็ดขาด! นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย! พวกผู้หญิงและเด็ก ทุกคนกลับไปที่ห้องหลังคฤหาสน์!”
แม่ของหัวเซียงซิ่วรีบดึงตัวลูกสาวออกไป ส่วนญาติผู้หญิงคนอื่นๆเองก็พาตัวเด็กออกไปเช่นกัน
ในไม่ช้า ทุกคนในที่เกิดเหตุในตอนนี้ล้วนแต่เป็นสมาชิกระดับสูงของตระกูล
หัวเซินซวนเอ่ยถามน้ำเสียงจริงจังว่า
“ไอ้หนุ่ม ถ้าสามารถพาคนมาขนาดนี้ได้ภายในเวลาอันสั้น คงต้องมาจากตระกูลใหญ่แน่นอน เอาแบบนี้ดีกว่านะ คราวนี้เป็นพวกเราตระกูลหัวเองที่หยาบคายใส่ก่อน ฉันยินดีไปพบพ่อแม่ของนายเพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัว ถ้าต้องการค่าเสียหาย ก็แจ้งมาได้ตลอด เราจะไม่ต่อรองใดๆทั้งสิ้น”
จ้าวเฉียนตอบกลับพร้อมน้ำเสียงเย็นชายิ่งว่า
“คุณหัวค่อนข้างจริงใจกับผมมากเลยนะครับ ผมเองก็ไม่อยากทำเรื่องยากสำหรับคุณเหมือนกัน ผมไม่ได้ต้องการเงินหรือคำขอโทษ ขอแค่มือของมันเท่านั้น!”
หลังจากพูดจบ กลุ่มคนเคียงข้างจ้าวเฉียนก็ขว้างมีดสั้นใส่เท้าของหัวเซินซวนเชิงข่มขู่ทันที
หัวเซียงชานกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สบถด่าขึ้นว่า
“นี่มึงคิดว่าตระกูลหัวของเราเป็นพวกกินเจรึไงกัน มึงถึงจะทำอะไรกับพวกเราก็ได้! คุณปู่ อย่าไปขอโทษมันให้เสียเวลา รีบโทรแจ้งตำรวจเร็วเข้า!”
พอหัวเซียงชานพูดจบ เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาตำรวจโดยเร็ว แต่หัวเซินซวนกลับตบหน้าหลานชายไปทีหนึ่งและคว้ามือถือออกจากมือ พร้อมตะคอกใส่เสียงดังลั่น
“คุกเข่าลง!”
หัวเซียงชานแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาเอ่ยถามคุณปู่ขึ้นว่า
“ทำไมคุณปู่ถึงต้องกลัวมันขนาดนั้น? พวกเรายังมีคนอีกตั้งเยอะตั้งแยะทั่วหยานจิ้ง ไม่เห็นต้องกลัวไอ้ขยะนี่เลย!”
หัวเซินซวนคำรามใส่อีกระลอก
“ฉันบอกให้แกคุกเข่าลง! ไม่ได้ยินรึไง!?”
สิ้นเสียงคำราม หัวเซินซวนก็เดินไปเตะขาพับให้หลานชายคุกเข่าลงกับพื้น
หัวเซินซวนเป็นนักธุรกิจมือเก๋าแห่งวงการนี้ เขาเฝ้าสังเกตอย่างระมัดระวังอยู่ตลอดและเริ่มตรหนักได้ถึงตัวตนของคนพวกนี้ได้ทีละเล็กละน้อย บางคนเป็นลูกเรือของบริษัทท่าเรือเฉียนตง บางคนเป็นรปภ.ของบริษัทในเครือของมหาเศรษฐีจ้าวฝู่
อย่างไรก็ตามแต่ เขาไม่รู้เลยว่าจ้าวเฉียนคือลูกชายของจ้าวฝู่ เขาคิดแค่เพียงว่า เด็กหนุ่มคนนี้คงทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อจ้างคนพวกนี้ให้มาช่วยบุกรุกเข้ามาเท่านั้น
ดังนั้นหัวเซินซวนจึงพยายามเกลี้ยกล่อมว่า
“ไอ้หนุ่ม พวกเราเกินเลยมาไกลมากแล้ว ถึงขนาดใจใช้เงินทั้งชีวิตเพื่อจ้างคนจากท่าเรือเฉียนตงกับรปภ.ของบริษัทตระกูลจ้าวมาขนาดนี้ คงไม่เหลือเงินใช้ในช่วงบั้นปล่ายชีวิตแล้วใช่ไหม? เอาแบบนี้ดีกว่านะ ฉันจะจ่ายเงินชดเชยในส่วนตรงนี้ให้เอง แล้วถือซะว่าพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
จ้าวเฉียนเมินคำถามของหัวเซินซวนไปโดยสมบูรณ์ แค่ถามย้ำไปว่า
“ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย จะตัดมือของมันเองหรือจะฉันสั่งให้ใครสักคนมาตัดมือมัน! ถ้ายังไม่ตอบก็ถือว่าปฏิเสธ! ที่นี่เตรียมเละได้เลย!”
อาลีเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดส่วนตัวของจ้าวฝู่ เขาเป็นปรมาจารย์การต่อสู้ทุกศาสตร์แขนง การจะฆ่าหัวเซินซวนมันง่ายพอๆกับการหั่นเต้าหู้
อาลีไม่พูดพล่ำทำเพลงอะไร เพียงนับถอยหลังอย่างช้าๆ
“สาม…สอง…หนึ่ง…”
หัวเซินซวนตะโกนสุดเสียง
“มึงกล้ารังแกพวกกูตระกูลหัวจริงๆ งั้นกูจะโทรฟ้องจ้าวฝู่ เจ้าของบริษัททั้งสองที่แกจ้างคนมา! กูจะสั่งให้เขาเรียกทุนคนกลับไปเดี๋ยวนี้ ถึงตอนนั้นขอดูหน่อยว่า มึงยังกล้าทำตัวกร่างแบบนี้อีกไหม!!?”
หลังจากพูดจบ หัวเซินซวนก็สั่งให้คนรับใช้รีบไปหาข้อมูลติดต่อจ้าวฝู่โดยเร็วที่สุด
แต่อาลีนับถึงหนึ่งแล้ว โดยไม่มีรีรอ เขาพุ่งตัวเข้าไปฟันแขนของหัวเซียงชานในจับงหวะทีเผลอดังฉับ!
“อ๊ากกกก!!! อร๊ากกก!!!”
เสียงกรีดร้องสุดแสนเวทนาของหัวเซียงชานแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของคฤหาสน์ พวกเด็กๆและผู้หญิงหวาดกลัวจัดจนเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
หัวเซินซวนตกใจสุดขีดกับภาพฉากต่อหน้า เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนที่จ้าวเฉียนจ้าวมาจะกล้าลงมือลงไม้จริงๆ ทีแรกคิดว่าไอ้หนุ่มคนนี้แค่ขู่เท่านั้น ไหงถึงกล้าลงมือจริงๆ!?