ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่285 โทษสูงสุด
ตอนที่285 โทษสูงสุด
หลิวเซียะโกรธจัดแล้วในขณะนี้ หัวเซียงซิ่วไม่แม้แต่สำนึก ท้าทายปีนเกลียวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนี่เป็นพฤติกรรมที่น่ารังดกียจเกินทนไหวแล้ว เขาจึงโทรหาหัวเซินซวนทันที และเอ่ยกล่าวไปตามตรงว่า
“คุณหัว พาหัวเซียงซิ่วกลับมาเดี๋ยวนี้! ตอนนี้ผมยังลงโทษเธอขั้นเบาได้ เพราะยังเห็นแก่หน้าตระกูลหัว แต่ถ้าผมออกโรงไปจับกุมตัวเธอด้วยตัวเอง เตรียมรับโทษสูงสุดได้เลย!”
หัวเซินซวนไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“เกิดอะไรขึ้นอีกผู้ว่าหลิน หลานสาวผมไปสร้างปัญหาให้คุณอีกแล้วเหรอ?”
หลินเซียะหัวเราะเยาะคำหนึ่งและกล่าวว่า
“คุณหัว เลิกแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องได้แล้ว ถ้าคุณฉลาดพอจะรู้ว่าไม่ควรกระตุกหนวดเสือ จะเลือกทางไหนก็ตัดสินใจเองเถอะ ผมมีเวลาให้ก่อนบ่ายสามโมง หากยังไม่เห็นหัวเธอมาที่นี่ ผมจะส่งคนไปที่บ้านคุณเพื่อเข้าจับกุมเธอทันที! ครั้งนี้ไม่มีรอลงอาญาแล้ว!”
พูดจบหลิวเซียะก็วางสายทิ้งไปทันที
หัวเซินซวนตื่นตระหนกยิ่งยวด เห็นได้ชัดว่าหลินเซียะกำลังโมโหสุดขีดแล้วจริงๆ หากไม่ยอมส่งตัวหัวเซียงซิ่วให้วันนี้ มีหวังธุรกิจของตระกูลหัวในอนาคตจะต้องถูกทางสำนักงานเขตขัดแข้งขัดขาแน่นอน
แต่สุดท้ายนี้ หัวเซียงซิ่วก็เป็นถึงหลานสาวของเขา แล้วมีหรือที่เขาจะยอมส่งตัวให้ทางตำรวจ?
ในเวลานี้เอง หัวฉีเฉินก็เดินมาหาและกล่าวกับพ่อเขาว่า
“พ่อ อย่าเพิ่งกังวลไปเลย ผมจะไปคุยกับเซียงซิ่วเอง เธอแค่กำลังสับสนเท่านั้น”
หัวเซินซวนพ่มลมหายใจเย็นเฮือกใหญ่ออกมา เอ่ยตอบน้ำเสียงเย็นชากลับไปว่า
“ยังจะไม่ให้กังวลได้ไง! ผู้ว่าหลินโทรมาบอกให้ฉันส่งตัวเซียงซิ่วไปให้เดี๋ยวนี้ เพื่อลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม ถ้ายอมแต่โดยดีเธอจะได้รับโทษสถานเบา แต่ถ้าไม่ ทางผู้ว่าหลินจะส่งตัวมาจับและปล่อยให้เธอรับโทษสถานหนัก!”
หัวฉีเฉินตื่นตูมอย่างยิ่งเมื่อได้ยิน เขารีบถามทันทีว่า
“ทำไมผู้ว่าหลินถึงจริงจังขนาดนี้?”
ใช่แล้ว ทำไมหลินเซียะถึงต้องจริงจังกับสาวน้อยคนหนึ่งขนาดนี้? ทว่าอย่างไรข้อเท็จจริงและสาเหตุยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา ทำได้เพียงรับมือตามสถานการณ์เท่านั้น
หัวฉีเฉินลังเลใจเป็นอย่างมาก เขาในฐานะพ่อจะยอมส่งตัวลูกสาวเข้าโรงพักโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ได้อย่างไร? เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ตระกูลจ้าวที่พวกเขาเพิ่งเหยียบหางไปกลับไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน ดีไม่ดีอาจทรงอำนาจกว่าตระกูลหัวของพวกเขาด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นหลินเซียะคงไม่มีทัศนคติแบบนี้ต่อตระกูลหัวแน่นอน
“พ่อ ทำไมพ่อถึงไม่ลองคุยกับเทศมนตรีที่รู้จักดูล่ะ? ยังไงซะเราไม่มีทางปล่อยให้เซียงซิ่วเข้าโรงพักอีกรอบแน่นอน นี่ไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยของเธอแล้ว แต่มันยังเหมารวมไปถึงศักดิ์ศรีของตระกูลหัวของเราด้วย พวกเราเป็นใหญ่ขนาดไหนในหยานจิ้ง แล้วจะปล่อยให้ตำรวจกับตัวทายาทตระกูลไปได้ยังไง แค่เซียงชานโดนตัดมือก็แทบไม่เหลือหน้าไปมองใครแล้ว ถ้าเซียงซิ่วโดนยัดเข้าคุกอีก พวกเรายังมีหน้าอยู่หยานจิ้งได้อีกเหรอ?”
หัวเซินซวนครุ่นคิดอย่างหนักอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดจำต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของลูกชาย หยิบโทรศัพท์โทรออกไปหาเทศมนตรีที่รู้จักทันที
ในไม่ช้าก็โทรติด หัวเซินซวนยิ้มและเอ่ยทักทายขึ้นทันทีว่า
“เทศมนตรีหวัง สบายดีไหมครับ?”
หวังจินหลง ผู้ดำรงตำแหน่งเทศมนตรีใหญ่ในเมืองหวานจิ้งยิ้มตอบกลับไปว่า
“ฮ่าฮ่า… สบายดี สบายดี คุณหัวอุตส่าห์สละเวลาโทรมาหาผมแบบนี้ คงมีโครงการดีๆ มาให้ทางภาครัฐช่วยใช่ไหม?”
“ฮ่าฮ่า…เทศมนตรีหวังยังฉลาดหัวไวเหมือนเดิมเลยนะครับ ผมมีโครงการใหม่ที่จะมาปรึกษากับเทศมนตรีหวังพอดี”
หัวเซินซวนกล่าวพร้อมหัวเราะแห้งใส่
หวังจินหลงพอจะเดาได้ว่า หัวข้อหลักที่หัวเซินซวนโทรมาในครั้งนี้คือเรื่องอะไร เมื่อครู่ที่ทักทามถึงโครงการใหม่เป็นแค่การหยอกล้อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่า หัวเซินซวนจะยอมรับไปตามตรง สงสัยว่าชายชราตัวน้อยคนนี้จะเดือดร้อนจริงๆ
เพราะการเสนอโครงการใหม่มาให้ก่อนแบบนี้ ย่อมต้องมีค่าใต้โต๊ะ
ต้องมาลองดูกันหน่อยแล้วว่า หัวเซินซวนจะเสนออะไรเพื่อมาซื้อใจหวังจินหลงในครั้งนี้
“จริงเหรอครับ? คุณหัวนี่มีเรื่องให้ผมสนใจอยู่ตลอดจริงๆ ไม่ทราบว่าครั้งนี้เป็นโครงการเกี่ยวกับอะไรครับ?”
หวันจินหลงก็ตามน้ำเอ่ยถามไปต่อ
หัวเซินซวนก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ในเมื่อเขาพูดไปแล้วก็ทำได้เพียงกัดฟันงัดโครงการที่วางแผนไว้ ออกมาเสนอให้ฟังจริงๆ
“เมื่อไม่นานมานี้ ผมวางโครงการจะสร้างตึกเชิงพาณิชย์ขึ้นมา ถ้าทางภาครัฐสามารถออกนโยบายพิเศษที่เอื้อต่อโครงการดังกล่าว ผมก็อยากเชิญเทศมนตรีไปเลี้ยงดินเนอร์สักมื้อ แล้วมีของขวัญที่อยากจะมอบให้ครับ ไม่ทราบว่าเทศมนตรีพอมีข้อเสนออะไรดีๆ มาแนะนำไหมครับ?”
หวานจินหลงยิ้มและตอบกลับไปว่า
“เรื่องนี้ผมคงให้คำตอบในเร็วๆ นี้ไม่ได้เช่นกัน แต่ถ้าคุณหัวต้องการจริงๆ เรื่องภาษีที่ดิน ผมน่าจะช่วยลดทอนลงไปบ้างด้นะ”
หัวเซินซวนยิ้มและตอบกลับไปว่า
“ขอบคุณมากครับ เรื่องธุรกิจก็จบไปแล้ว เอ่อ…ผมยังมีเรื่องส่วนตัวที่อยากขอร้องให้เทศมนตรีหวังช่วยเหลือหน่อยน่ะครับ หวังว่า…เทศมนตรีหวังจะพอช่วยได้?”
หวังจิตหลงเกือบหลุดขำ หัวเซินซวนประเดิมเกริ่นเรื่องอ้อมไปซะไกล แต่สุดท้ายก็ยังกลับเข้าประเด็นของหัวเซียงซิ่วได้ ยอมใจเขาเลยจริงๆ
“โอ้? คุณหัวมีเรื่องอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือจากผมงั้นเหรอครับ? ลองพูดมาก่อน ถ้าเป็นอะไรที่ผมสามารถช่วยได้ผมก็จะช่วยครับ”
หวังจินหลงยิ้มตอบ
หัวเซินซวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่รอช้า รีบสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นของหัวเซียงซิ่วให้ฟังโดยสังเขป และบอกกับหวังจินหลงว่า ความเป็นจริงแล้ว หลานสาวของเขาไม่ได้เจตนาเผยแพร่ข่าวลือพวกนี้ออกไป เธอแค่พยายามทวนคืนความยุติธรรมให้แก่พี่ชายของเธอที่โดนตัดมือ และไม่มีเจตนาหาเรื่องพวกตำรวจด้วย
แต่พูดไปตามความจริง เขาเป็นรัฐมนตรีจะมายุ่งกับเรื่องของทางตำรวจก็ดูจะไม่ค่อยถูกต้องนัก
อย่างไรก็ตามแต่ หัวเซินซวนอุตส่าห์โทรมาขอความช่วยเหลือเป็นการส่วนตัว และหวังจินหลงจำต้องแสดงความรับผิดชอบอะไรสักอย่างออกไป
“ดูเหมือนว่าคุณหนูตระกูลหัวจะหัวดื้อไม่ใช่น้อยเลยนะครับ เอาแบบนี้แล้วกัน ผมสัญญาว่าเธอจะกลับบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอนภายในสองชั่วโมง ผมรับประกันได้แค่นี้ ส่วนเรื่องของทางตำรวจผมไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้”
กว่าที่หวังจินหลงจะขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรี เขานี่แหละทหารผ่านศึกมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ นี่ถือเป็นวิธีแก้ตัวที่สมบูรณ์แบบ ประการแรกคือ ไม่ผิดใจกับหัวเซินซวนที่โทรมาขอความช่วยเหลือ และสองไม่ต้องเข้าแทรกแซงอำนาจของตำรวจให้เสี่ยงโดนโทษ
แต่แน่นอนว่าสิ่งที่หัวเซินซวนต้องการกลับไม่ใช่แบบนี้เลย
สิ่งที่หัวเซินซวนต้องการจริงๆ คือ การไม่ปล่อยให้หลานสาวโดนกุมตัวไปโรงพัก ไม่ใช่รับประกันความปลอดภัยหลังจากเธอกลับมา
“เทศมนตรีหวัง ที่ผมหมายถึงคือ หลานสาวของผมบริสุทธิ์และเธอไม่ควรต้องโดนทางตำรวจจับกุมไปสอบสวนแบบนี้ รบกวนเทศมนตรีหวังโทรไปบอกผู้ว่าหลินให้หน่อยว่า อย่าส่งคนมาจับตัวหลานสาวผมเลย หลานสาวผมไม่ได้ทำอะไรผิด”
หวังจินหลงที่ได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยตอบเสียงเข้มว่า
“คุณหัว นี่คุณพยายามทำให้ผมอับอายอยู่นะ ผมเป็นคณะรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งกับทางตำรวจ แล้วอย่างที่ผมพูดไป ถ้าคุณหนูหัวเธอบริสุทธิ์จริงๆ ผมสามารถรับประกันความปลอดภัยของเธอได้เลย แต่ถ้าเธอจงใจก่อคดีขึ้นมาจริงๆ ผมในฐานะคณะรัฐมนตรีของเมืองหวานจิ้ง จำเป็นต้องส่งเธอดำเนินการตามขบวนการยุติธรรมต่อไป ถ้าผมใช้อำนาจในมือเข้าไปแทรกแซง คิดว่าผมจะโดนเด้งออกไหม? หวังว่าคุณหัวจะเข้าใจ?”
หัวเซินซวนพอจะคาดการณ์ได้แล้วว่า ผลลัพธ์ที่ได้จะออกหน้ามาเป็นแบบนี้ แต่พอได้รู้ว่าผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้จริงๆ เขากลับรับไม่ได้เลย
หวังจินหลงไม่อยากจะเสวนากับหัวเซินซวนต่อแล้ว จึงกล่าวขึ้นว่า
“แค่นี้นะครับ ผมมีแขกคำสำคัญมาเยี่ยม ถ้าว่างผมจะช่วยคุณออกมาจิบชาด้วยกันนะครับ ขอตัวก่อน”
คล้อยหลังพูดจบ หวังจินหลงก็วางสายไปทันที จากนั้นเขาก็โทรศัพท์หาจ้าวฝู่ต่อโดยตรง
“ฮ่าฮ่า…คุณจ้าว แผนการของคุณนี่สุดยอดจริงๆ! ไอ้เจ้าหัวเซินซวนมันโทรขอความช่วยเหลือจากผมจริงๆ!”
หวังจินหลงระเบิดหัวเราะออกมาในทันควัน
จ้าวฝู่หัวเราะเช่นกันและถามกลับไปว่า
“แล้วเทศมนตรีหวังจะจัดการยังไงต่อครับ?”
หวังจินหลงรีบตอบกลัยบไปทันทีว
“ผมบอกเขาไปว่า ตราบใดที่หลานสาวของเขาบริสุทธิ์ ผมย่อมสามารถรับประกันความปลอดภัยของเธอได้ แต่ถ้าเธอทำผิดจริง ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หัวเซินซวนพูดไม่ออกอยู่นานเลยครับได้ยินไปแบบนั้น”
“ฮ่าฮ่า…ขอบคุณเทศมนตรีหวังมรดกเลยครับที่ช่วย วันหน้าเดี๋ยวผมชวนคุณมาไดร์ฟกอล์ฟ จิบชายามบ่ายด้วยกันสักครั้ง”
จ้าวฝู่ยิ้มตอบ
หวังจินหลงเองก็หัวเราะเช่นกัน เขาเอ่ยตอบกลับไปว่า
“คุณจ้าวสุภาพเกินไปแล้วครับ เดี๋ยวผมจะโทรหาหลินเซียะอีกรอบ กำชับให้เขาสั่งตำรวจจัดการเรื่องนี้อย่างเคร่งขรัด หัวซียงซิ่วไม่รอดแน่นอนครับ”
“ฮ่าฮ่า…”
จ้าวฝู่ระเบิดหัวเราะลั่นอย่างสบายอกสบายใจ