ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่288 ปลดชื่อสกุล
ตอนที่288 ปลดชื่อสกุล
หัวเซินซวนไม่กล้าต่อริ้วต่อรองอีกต่อไป เพราะเขากังวลจริงๆ ว่าจ้าวเฉียนจะปิดโอกาสและจากไปโดยไม่แยแส ดังนั้นเขาจึงรีบตอบกลับไปว่า
“เอาล่ะ! ห้าสิบล้านก็ห้าสิบล้าน แต่ถึงยังไงมือของหลานชายฉันก็ยังขาดไปแล้ว เรื่องค่ารักษาพยาบาลจะเอายังไง?”
จ้าวเฉียนยิ้มตอบกลับไปว่า
“ผมใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของศีลธรรมอยู่แล้ว ไม่ทำเรื่องไร้ยางอายแน่นอน ผมมีงบให้หนึ่งล้านหยวนสำหรับค่ารักษาและต่อมือเทียมให้หลานชายของคุณ”
หัวเซินซวนคลี่ยิ้มออกมาทันที หนึ่งล้านมันมากเพียงพอแล้วสำหรับการต่อมือเทียม เพียงว่า ปัญหาทุกอย่างใช่ว่าจะจบไปหลังได้รับแขนเทียมแล้วซะหน่อย
“หนึ่งล้านมันน้อยเกินไปไหม? เรื่องนี้มีอิทธิพลอย่างมากกับหลานชายฉันในอนาคต ค่าเสียโอกาสจำเป็นต้องนับรวมด้วยจริงไหม? ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากน้องจ้าวมากเลย แค่สิบล้านพอว่าไง?”
ยังคงหยิบยกประโยคเดิมมากล่าว จ้าวเฉียนไม่ได้สนใจเรื่องจำนวนเงินอยู่แล้ว เขาแค่ต้องการถ่วงเวลาตระกูลหัวเพื่อเตรียมตัวสำหรับแผนการบ่อนทำลายตระกูลหัวเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าตอบรับคำขอของหัวเซินซวนไป
ขนาดหัวเซินซวนเองยังไม่ได้คาดหวังเลยว่า จ้าวเฉียนจะเห็นดีเห็นงามด้วยง่ายดายเพียงนี้ จนเผลอคิดไปว่าตัวเองได้ยินผิดรึเปล่า
หลิวเซียะที่ได้ยินทั้งคู่เจรจากันด้วยดีก็ยิ้มและกล่าวว่า
“นี่เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าน้องชายต้องการคืนดีกับคุณหัวจริงๆ การมาเจรจาในวันนี้เขาค่อนข้างจริงใจกับคุณมากเลยนะคุณหัว ดังนั้นหลังจากนี้คงไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ถ้าในอนาคตจะมีโครงการอะไรร่วมกันก็บอกผมได้เสมอนะ เดี๋ยวผมจะคอยสนับสนุนอีกแรง ฮ่าฮ่า…”
หัวเซินซวนหัวเราะและตอบกลับไปว่า
“ต้องขอบคุณผู้ว่าหลินกับน้องจ้าวจริงๆ เอาล่ะ งั้นพวกเรากลับกันเถอะ”
หลินเซียะกับหัวเซินซวนระเบิดหัวเราะขึ้นอย่างเร่งร่า พวกเขาคิดว่าปัญหาทุกอย่างคงจบลงเรียบร้อยดีแล้ว อย่างไรก็ตาม จ้าวเฉียนยังคงตั้งคำถามขึ้นอีกครั้ง โดยเอ่ยถามหัวเซินซวนขึ้นว่า แล้วประเด็นที่หัวเซียงซิ่วกำลังปลุกปั่นสังคมให้มาโจมตีเขาจนเสื่อมเสียชื่อเสียงล่ะ เขามีแนวทางจัดการอย่างไร?
หัวเซินซวนยิ้มตอบกลับไปทันที
“น้องจ้าวไม่ต้องกังวล ฉันจะเกลี้ยกล่อมเธอไม่ให้ไปยุ่งกับน้องจ้าวอีกแน่นอน!”
จ่าวเฉียนกล่าวต่อขึ้นทันทีว่า
“คุณหัว คุณยังไม่ทราบสถานการณ์ในโลกโซเซียลขณะนี้มันกำลังระอุขนาดไหน ทุกคนล้วนเขียนข้อความทั้งด่าและสาปแช่งผม ทั้งยังกล่าวหาว่าผมเป็นฆาตรกร แล้วคุณหัวจะแก้ปัญหาโดยบอกเธอแค่ให้เลิกยุ่งกับผมงั้นเหรอ? ชื่อเสียงของผมในตอนนี้ถูกวิจารณ์จนป่นปี้หมดแล้ว เรื่องนี้คุณจะรับผิดชอบยังไง?”
หัวเซินซวนตกตะลึงอย่างมากเมื่อได้ยิน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฉียนจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูด เขาคลี่ยิ้มแห้งเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไปทันทีว่า
“แล้วน้องจ้าวต้องการให้ฉันทำยังไงล่ะ?”
จ้าวเฉียนยิ้มตอบกลับไปว่า
“ผมไม่รบกวนอะไรคุณมาก แค่ช่วยไปลบข่าวลือทั้งหมดบนโลกอินเตอร์เน็ต และให้หัวเซียงซั่วมาขอโทษผมเป็นการส่วนตัว แค่นั้นพอครับ”
หัวเซินซวนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เขาพยักหน้าตอบตกลงตามคำขอของจ้าวเฉียนทันที
หลิวเซียะเองก็พลันถอนหายใจไปตามด้วยเช่นกัน ในที่สุดปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลก็จบลงเสียที เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และกล่าวขึ้นว่า
“เอาล่ะ ถ้าพวกคุณเจรจากันเรียบร้อยดีแล้ว คุณหัว ผมจะพาคุณไปเกลี้ยกล่อมหลานสาวคุณต่อ ปัญหานี้จะได้จบสักที”
หัวเซินซวนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และกล่าวเสนอขึ้นว่า
“งั้นน้องจ้าวมากับพวกเราเลยดีกว่า ผมจะให้เธอขอโทษน้องจ้าวในวันนี้แหละ”
จากนั้นทั้งสามก็เดินไปห้องสอบสวนเพื่อเข้าพบหัวเซียงซิ่วทันที
พอหัวเซียงซิ่วเห็นว่าคุณปู่เธออยู่ที่นี่ เธอก็พลันหลงคิดไปว่า คุณปู่มาที่นี่เพื่อช่วยเธอ แต่ทว่าพอเห็นจ้าวเฉียนเดินตามหลังมาติดๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางหายไปในทันใด
“ทำไมแกถึงมาที่นี่ได้?”
หัวเซียงซิ่วเปิดฉากถามทันควันอย่างดุเดือด
จ้าวเฉียนยกมือป้องปากหัวเราะคิกคัก ยิ้มตอบไปว่า
“หุหุ ต้องให้ปู่ของคุณตอบคำถามนี้แทนซะแล้ว”
หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็นั่งข้างๆ คุณปู่ของเธอราวกับหลานชายคนสนิท
หัวเซียงซิ่วตะโกนถามคุณปู่ทันทีด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า
“ปู่! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงมากับมัน?”
หัวเซินซวนทำได้เพียงบอกหลานสาวไปตามตรงว่า ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น และขอให้เธอขอโทษจ้าวเฉียนแต่โดยดี และติดต่อไปทางสื่อเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อลบข่าวลือทิ้งไปทั้งหมด
“ไม่มีทาง! ไอ้ฆาตกรนี้จะต้องติดคุก! คิดที่สมควรต้องขอโทษควรเป็นมันไม่ใช่หนู! เอาสิ! เร็วเข้าไอ้ฆาตกร! รีบขอโทษฉันซะ!”
หัวเซินซวนทนฝีปากของหลานสาวตัวเองไม่ไหวอีกแล้ว เขาลุกขึ้นไปตบหน้าของเธออย่างแรง พร้อมสบถด่าต่อว่า
“ฉันสั่งให้ขอโทษเขา! ไม่ได้ยินรึไง! เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว หัดเข้าใจสถานการณ์อะไรบ้างสิ! ถ้ายังไม่เชื่อฟังอยู่แบบนี้ ในภายภาคหน้าแกไม่ต้องมาใช้ชื่อสกุลหัว! และแกจะไม่ใช่หลานของฉันอีกต่อไป!”
หัวเซียงซิ่วยกมือปิดหน้าตัวเองทันทีและเริ่มร้องไห้ปล่อยโฮออกมา เธอไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่า ทำไมครอบครัวของเธอต้องเข้าข้างคนผิด
หลินเซียะรีบกล่าวชักชวนขึ้นโดยไว
“คุณหนูหัว เรื่องนี้พี่ชายของคุณเองก็ผิดจริงๆ ที่ไปทำลายหลุมฝังศพของบรรพบุรุษตระกูลอื่นเขาจนเละ วางไปตามกฎหมายถือว่ามีความผิด ส่วนคดีความของคุณหนูหัวคือ จงใจยุยงปลุกปั่นมวลชนจนทำให้บุคคลอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ตอนนี้คุณจ้าวถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรทั้งที่บริสุทธิ์ โทษขนาดนี้ ผมสามารถจับคุณเข้าคุกได้ทันทีโดยไม่ต้องสอบสวนด้วยซ้ำ”
“ถูกคือถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด! ไอ้คำตัดสินจอมปลอมพวกนี้ ฉันขอคัดค้าน!”
หัวเซียงซิ่วยังคงตะโกนเถียงคำไม่ตกฟาก
หัวเซินซวนกล่าวดุทันทีว่า
“แกควรเข้าใจจุดยืนของตัวเองในตอนนี้ได้แล้ว หัดคำนึงถึงสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวบ้าง สิ่งที่แกทำลงไปรู้ไหมว่ามันเห็นแก่ตัวมากขนาดไหน ทุกคนที่อยู่เฉยๆ ต้องเดือดร้อนกันหมดเพราะแก!”
หัวเซียงซิวผิดหวังอย่างยิ่งกับปู่ของเธอ
“ก็ได้ หนูจะไม่เถียงกับคุณอีกแล้ว จะไปไหนก็ไป และไม่ว่ายังไงฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่า สิ่งที่ทำลงไปทั้งหมดหนูถูกต้อง ไม่ใช่ชื่อสกุลหัวก็ได้ หนูไม่สน ต่อไปนี้ไม่มีอีกแล้ว หัวเซียงซิ่ว จะมีก็แต่เซียงซิ่ว! ถ้าพวกคุณจะเปลี่ยนชื่อสกุลของหนูออกไปได้ แต่พวกคุณไม่สามารถเปลี่ยนค่านิยมในหัวหนูได้!”
หัวเซินซวนแทบจะระเบิดลงของจริงแล้ว เขายกมือขึ้นอีกครั้งและต้องการจะตบหน้าเธอซ้ำอีกระลอก แต่ครั้งนี้หลินเซี่ยะห้ามไว้ได้ทัน และกล่าวอย่างใจเย็นว่า
“คุณหัวอย่าเพิ่งทำร้ายร่างกายเธอตรงนี้ นี่ถือเป็นเขตความรับผิดชอบของเรา คุณหนูหัว คุณจำเป็นต้องจัดการลบข่าวลือทั้งหมดที่กระจายว่อนทั่วโลกอินเตอร์เน็ตเดี๋ยวนี้ เพราะมันผิดกฎหมาย ถ้าไม่อย่างนั้น ต่อจากนี้ถ้าตระกูลหัวจะมาขอร้องให้ช่วยเรื่องดำเนินธุรกิจอะไรอีก ผมกับรัฐมนตรีหวังจะไม่ยื่นมือมาช่วยเหลือใดๆ อีกต่อไป”
หัวเซินซวนที่ได้ยินแบบนั้น แขนขาของเขาพลันสั่นเทาไม่หยุดด้วยความหวาดกลัว ตบโต๊ะเสียงดังปังลุกขึ้นชี้หน้าหัวเซียงซิ่วโดยตรง คำรามลั่นว่า
“ตั้งแต่นี้ต่อไปแกไม่ใช่สมาชิกตระกูลหัวอีกแล้ว! เปลี่ยนชื่อสกุลตามที่แกต้องการเลย! แล้วฉันจะโทรหาพ่อของแก สั่งให้มันประกาศตัดสัมพันธ์พ่อลูก!”
ทันทีที่พูดจบ หัวเซินซวนก็หยิบมือถือโทรไปหาหัวฉีเฉินทันทีและสั่งให้หัวฉีเฉินตัดพ่อตัดลูกกับหัวเซียงซิ่วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แล้วถ้าทำไมได้ จะเป็นตัวเขาเองนี่แหละก็ตัดพ่อลูกกับหัวฉีเฉิน
หัวฉีเฉินงุนงงอย่างมากเมื่อได้ยิน ตอนนี้จับหัวชนปลายไม่ถูกแล้ว เขาเอ่ยถามอย่างร้อนรนขึ้นว่า
“พ่อ นี่เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมถึงต้องให้ผมตัดพ่อลูกกับเซียงซิ่วด้วย เพราะเธอเป็นพวกหัวตะวันตกนี่นะ? ผมว่ามันไร้สาระเกินไป!”
“เออ! ได้! ฉันก็ไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับแกแล้วเหมือนกัน! พรุ่งนี้แกเตรียมดูข่าวได้เลย ฉันจะประกาศตัดพ่อตัดลูกกับแก!”
หัวเซินซวนตอนนี้สติขาดแล้ว เขากล่าวออกไปโดยไม่แม้แต่จะมีเหตุผลใดๆ มารองรับ
แต่หัวฉีเฉินยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมต่อว่า
“พ่อ ใจเย็นก่อน ทำอะไรค่อยๆ …”
หัวเซินซวนตะคอกสวนตอบทันทีว่า
“หุบปาก! ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แกไม่ใช่ลูกชายของฉันอีกต่อไปแล้ว! ลูกชายแกก็สร้างแต่เรื่อง ลูกสาวแกก็สั่งสอนมาไม่ได้เรื่อง! พวกเขาไม่สมควรเข้ามารับสืบทอดสมบัติตระกูลหัว! พี่สามของแกยังมีเหตุผลกว่าแกอีก! แถมเขาเองก็มีลูกชาย ทั้งเก่งทั้งถ่อมตัวมีมารยาท เหมาะสมกว่าพวกลูกแกตั้งเยอะ!”
หลังจากพูดจบ หัวเซินซวนก็กดตัดสายทิ้งทันที และหันมากล่าวกับจ้าวเฉียนต่อว่า
“ตอนนี้ว่ายังไงล่ะ? ฉันแยกทางกับพวกเขาแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำต่อจากนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหัวของฉันอีก”
จ้าวเฉียนปรบมือพลางยกนิ้วโป้งให้หัวเซินซวน เขากล่าวชื่นชมขึ้นว่า
“คุณหัวเป็นคนใจเด็ดจริงๆ! ชี้นกเป็นนกชี้ไม่เป็นไม้โดยไม่มีลังเล แต่ก็ต้องทำตามที่พูดไปนะครับ พรุ่งนี้ผมจะรอดูข่าวว่าคุณตัดพวกเขาออกจากตระกูลหัวจริงๆ รึเปล่า”
หัวเซินซวนพยักหน้ากล่าวตอบไปว่า
“ไม่มีปัญหา! ฉันจะออกแถลงการณ์ทันทีที่กลับไปถึงบ้าน!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าเป็นคำตอบ จากนั้นก็โบกมือลาทั้งสองและเดินทางกลับจากสำนักงานเขต
หัวฉีเฉินนั่งสงบสติอยู่เป็นเวลานาน พยายามครุ่นคิดทบทวนกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาไม่สามารถถูกตัดออกจากกองมรดกทั้งแบบนี้ได้ ส่วนเรื่องลูกสาวเขา ยังไงซะ เธอก็ต้องแต่งงานออกเรือนในสักวัน ดังนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วมันคุ้มแล้วเหรอที่เขาจะเลือกรักษาสถานะพ่อลูกกับหัวเซียงซิ่ว แต่ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียสิทธิ์ครอบครองมรดกของตระกูลหัวในอนาคต?
ดังนั้นหัวฉีเฉินจึงโทรหาพ่อของเขาทันทีและรีบขอโทษขอโพย
“พ่อ ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมยังสับสนอยู่เล็กน้อย แต่ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะรีบติดต่อสื่อเพื่อแจ้งว่า ผมกับเซียงซิ่วตัดขาดความเป็นพ่อลูกกันแล้ว”
ไม่ว่าอย่างไร ลูกชายคนโตย่อมสำคัญที่สุดสำหรับพ่อแม่ และแน่นอนว่าหัวเซินซวนเองก็ไม่เต็มใจขับไล่หัวฉีเฉินออกจากตระกูลเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงกล่าวตอบไปว่า
“ยังดีที่แกเข้าใจ รีบดำเนินการเดี๋ยวนี้เลย!”