ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่301 ต้องด้นสดแล้ว
ตอนที่301 ต้องด้นสดแล้ว
จ้าวเฉียนไม่คิดเลยว่าโจวเหว่ยซูจะเป็นคนตรงไปตรงมาขนาดนี้ เธอไม่มีอ้อมค้อมใดๆและจู่โจมเขาในทันที เขาแค่เดินเข้าห้องน้ำมาเพราะปวดฉี่ ไม่ได้คิดเรื่องอย่างว่าเลยสักนิด
“คุณโจว นี่ดูไม่ดีเลยนะครับ รีบออกไปก่อนจะดีกว่า”
จ้าวเฉียนพยายามหันหลังโต้ตอบกลับไป
เธอส่ายหน้าปฏิเสธอย่างชัดเจน เป็นอันทราบกันดีว่าเธอหมายความอย่างไรและต้องการอะไรถึงเข้ามาที่นี่ ซึ่งนี่ทำเอาจ้าวเฉียนพูดไม่ออก
“คุณจ้าว ฉันเข้าใจกฎที่คุณว่าก่อนหน้าไปนะคะ ถ้าอยากดังก็ต้องอุทิศตัวเองแม้จะเป็นร่างกายก็ตาม ฉันเข้าใจและเข้าใจดีเลยด้วย ทราบนะคะว่าคุณจ้าวต้องมีแฟนไม่ก็ภรรยาแล้ว ดังนั้นฉันสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาและจะเป็นเด็กดีของคุณ เรื่องนี้มีเพียงพวกเราสองคนเท่านั้นที่รู้ ไม่ต้องกังวลนะคะ อิอิ…”
แม้จ้าวเฉียนจะไม่ได้วางแผนพาเธอมาทำเรื่องอย่างว่า แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทนต่อการยั่วยุของเธอที่รุกหนักขนาดนี้ได้
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ มักไม่ต้องมีเหตุผลอะไรให้มากความและถือเป็นเรื่องปกติของคนเรา ดังนั้นเธอจึงค่อยๆเอื้อมมือไปปิดประตูห้องน้ำและถอดเสื้อผ้าอาบน้ำด้วยกันทันที
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลังศึกหนักในห้องน้ำเสร็จสิ้นลง ทั้งสองก็ล้างเนื้อล้างตัวและนอนเล่นบนเตียงพลางคุยกันไปเรื่อย
จังหวะนี้แหละถึงเวลาเข้าเรื่องธุรกิจกันแล้ว
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวว่า
“ฉันต้องกลับแล้ว ยังมีธุระอีกมากต้องสะสาง”
โจวเหว่นซูกัดฟันกล่าวตอบด้วยความโกรธไปว่า
“นี่คุณเจตนาฟันฉันแล้วทิ้งรึเปล่า? ถ้าจริงจะถือว่าคุณไม่มีความรับผิดชอบเลยนะ! แก้ตัวอ้างโน้นอ้างนี่ไปเรื่อย สุดท้ายก็ไม่ได้จริงจังกับฉัน?”
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวตอบไปว่า
“ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวแต่ทั้งหมดเป็นความจริง ตอนนี้บริษัทท่าเรือของผมกำลังมีเรื่องขัดแย้งกับท่าเรือหัวเมื่อเร็วๆนี้ และผมต้องการแย่งลูกค้ารายใหญ่ของท่าเรือหัวอย่างบริษัทเมล็ดพืชการาจมา พรุ่งนี้ผมมีนัดคุยกับผู้รับผิดชอบของบริษัทเมล็ดพืชการาจ จุดประสงค์ก็เพื่อพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาเปลี่ยนคู่ค้า ดังนั้นผมต้องเตรียมพร้อมให้ดี”
ร่องรอยความประหลาดใจเผยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโจวเหว่ยซู แต่ทันใดนั้นมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว เธอยิ้มกล่าวตอบไปว่า
“ฉันคิดว่าคุณไม่น่าแข็งแกร่งพอที่จะไปสู้รบกับพวกท่าเรือหัวไหวหรอกนะคะ”
เห็นได้ชัดว่า โจวเหว่ยซูไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเธอ
และถ้าเธอไม่ยอมเปิดเผยตัวตนออกมาแบบนี้ จ้าวเฉียนก็ไม่สามารถดำเนินแผนการต่อไปได้เช่นกัน
โดยไม่มีทางเลือกอื่นใด จ้าวเฉียนจะต้องเดินทางไปที่บริษัทเมล็ดพืชการาจแล้วจริงๆเพื่อหารนทางอื่น
จ้าวเฉียนลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าและกล่าวขึ้นว่า
“ผมไปก่อนนะ ถ้าคุณจะนอนต่อก็ระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย พอผมออกไปแล้วต้องล็อกประตูด้วยนะ แต้ถ้าจะกลับต้องเรียกแท็กซี่ไม่ก็คนขับไปส่งเข้าใจไหม?”
โจวเหว่ยซูได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มถามขึ้นว่า
“ดูท่าคุณจะเป็นห่วงฉันมากเลยนะ ไม่ใช่มาเพื่อฟันฉันแล้วทิ้งจริงๆใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนหัวเราะพลางเอ่ยตอบไปว่า
“ผมไม่ใช่ผู้ชายมักง่ายขนาดนั้น”
หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็เดินไปใส่รองเท้า ก่อนเปิดประตูออกไปเขาหันมาโบกมือลาให้โจวเหว่ยซู
โจวเหว่ยซูเอนกายนอนลงบนเตียงอีกครั้งด้วยความงุนงง
เธอนสงสัยอย่างยิ่งว่า จ้าวเฉียนรับรู้ถึงตัวตนของเธอตั้งแต่แรกและจงใจเข้ามาตีสนิทชิดเชื้อกับเธอ เพื่อหวังจะได้ออเดอร์จากทางบริษัทเมล็ดพืชการาจ?
หากเป็นกรณีแบบนั้นจริงๆ ทุกการกระทำของจ้าวเฉียนไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ล้วนผ่านการวางแผนและคำนวณมาหมดแล้ว นั้นจะทำให้เธอเสียความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง และอย่าหวังจะได้รับการอภัยจากเธอเลย
โจวเหว่ยซูคิดในใจ
‘พรุ่งนี้ฉันจะคอยดูว่า คุณจะไปที่บริษัทเมล็ดพืชการาจจริงตามที่พูดไว้ไหม ถ้าไปแสดงว่าเขาจริงใจกับฉันและไม่ได้โกหก ถึงตอนนั้นฉันจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฉันและช่วยเขาเอง แต่ถ้าไม่เห็น….แสดงว่าทุกอย่างที่เขาทำให้ฉันคือเรื่องโกหกทั้งหมด! และฉันจะให้พ่อจัดการกับคุณ!’
จ้าวเฉียนเดินทางออกจากโรงแรมและโทรหาหวางอวี่จุนโดยไว
“ฮาโหล ผู้จัดการหวาง พรุ่งนี้ออกมากับผมไปบริษัทเมล็ดพืชการาจตอนเก้าโมงเช้า”
“ได้ครับคุณชายจ้าว แล้วพรุ่งนี้นัดเจอกันก่อนที่ไหนดีครับ?”
“ตรงหน้าทางเข้าบริษัทเมล็ดพืชการาจเลย นำทุกอย่างที่จำเป็นกับการเซ็นสัญญามาใหเหมด เพราะถ้าเราเจรจาสำเร็จจะได้ดำเนินการเซ็นทันที งานนี้ต้องรีบรวบหัวรวบหางโดยเร็วที่สุด”
“เข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องห่วงคุณชายจ้าว ผมจะทำให้ดีที่สุด รับประกันได้เลยว่าไม่สร้างปัญหาให้แน่นอน เจอกันพรุ่งนี้ครับ”
จ้าวเฉียนตอบตกลงไปและวางสาย
ในเวลานี้ จ้าวเฉียนยังมีอาการเมาอยู่เล็กน้อย และไม่กล้าเสี่ยงขับรถกลับเอง ดังนั้นเขาจึงโทรหาคนขับรถส่วนตัวให้มารับ
หลังจากกลับมาถึงบ้าน จ้าวฝู่ก็รีบตรงมาหาเขา
“ไอ้ลูกชาย แกไปไหนมา ดื่มมาด้วย?”
จ้าวฝู่เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวปลอบพ่อไปว่า คราวนี้ไม่ได้ดื่มหนักแล้วไปขับรถชนใครอีกเมื่อหกปีก่อน ดังนั้นไม่ต้องห่วงไป
จ้าวฝู่ระเบิดหัวเราะยกใหญ่ก่อนเอ่ยถามขึ้นต่อว่า
“แน่นอน ฉันรู้ว่าแกไม่ผิดซ้ำสองหรอก แล้วเป็นไงบ้าง? เปิดศึกกับตระกูลหัวเป็นยังไง?”
จ้าวฝู่คงรู้สถานการณ์ทุกอย่างดีอยู่แล้ว ที่เอ่ยถามออกมาแบบนี้เพียงเพราะอยากชวนลูกตัวเองคุยเท่านั้น
“พ่อไม่ต้องกังวล ทุกอย่างเป็นไปตามแผนด้วยดี อีกไม่นานเตรียมได้ท่าเรือใหม่เพิ่มได้เลย”
จ้าวฝู่ยิ้มและตอบไปว่า
“ฉันรู้ว่าแกเอาอยู่ แต่แกเองก็หัดใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของตัวเองด้วย รีบร้อนกระโดดข้ามกำแพงไปมีแต่เจ็บตัว แกจำเอาไว้ให้ดีนะ เวลาหมามันจนตรอกมันแว้งกัดสู้ขาดใจเลยนะ ดังนั้นอย่ารีบบีบพวกมันเร็วเกินไป”
จ้าวเฉียนพยักหนน้ากล่าวไปว่า
“ผมรู้ดีครับว่าตัวเองควรทำยังไง พ่อนั้นแหละนอนได้แล้ว อ่อ…แล้วพบสมัครสมาชิกฟิตเนสVIPเผื่อพ่อด้วยนะ เพื่อออกกำลังกายคนเดียวเบื่อๆก็ไปได้ตลอด”
จ้าวฝู่ยักไหล่เป็นคำตอบและเดินจากออกไป
จ้าวเฉียนนั่งชิบชาอยู่สองสามแก้ว ยามนี้ค่อยฟื้นสติสัมปชัญญะได้หน่อย จากนั้นก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปยังบริษัทเมล็ดพืชการาจในวันพรุ่งนี้ งานนี้เขาต้องด้นสดล้วนๆ และกำลังหาวิธีว่าจะด้นสดยังไงให้ดูเหมือนมีนัดกับทางนั้นจริงๆเพื่อไม่ให้ดูโง่
จ้าวเฉียนผล็อยหลับบนเตียงไปโดยไม่รู้ตัว
ในเวลาเดียวกัน ณ เมืองตงไห่อันแสนห่างไหกล หวานเจียงกำลังประสบปัญหาอันเลวร้ายอย่างที่สุด เธอได้แต่จับจ้องโทรศัพท์ของเธอโดยหวังว่าจ้าวเฉียนจะโทรมาหาเธอบ้าง
เธอไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่า จ้าวเฉียนจะอ่อนโยนและดีกับเธอ แต่อย่างน้อยถ้าโทรมาหากันบ้างคงดีไม่น้อย
แต่จ้าวเฉียนก็ไม่ยอมโทรมาปล่อยให้เธอเฝ้าคอยจนดึกจนดื่น และสุดท้ายก็ผล็อยหลับไปท่ามกลางความผิดหวัง
อากาศเย็นสบายช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงยามเช้านี่ช่างสดชื่นอย่างแท้จริง
จ้าวเฉียนตื่นขึ้นมาแต่เช้า รับประทานอาหารและออกเดินทางไปที่บริษัทเมล็ดพืชการาจทันที
เมื่อไปถึงที่นั่นหวางอวี่จุนก็รออยู่แล้ว
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณชายจ้าว กินอะไรรองท้องรึยังครับ? แวะไปหาอะไรทานก่อนดีไหม?”
หวางอวี่จุนยิ้มกว้างต้อนรับเช้าวันใหม่อย่างสดใส
จ้าวเฉียนทักทายเขาอย่างสุภาพตอบไปว่า
“อรุณสวัสดิ์เช่นกัน ฉันกินมาแล้ว ถ้านายยังไม่ได้กินอะไรก็แวะร้านกาแฟล่างตึกก่อนเถอะ”
เวลา9:30น. หลังจากหวางอวี่จุนทานแซนวิชและกาแฟเสร็จสรรพ พวกเขาก็พยายามเดินเข้ามาในตัวออฟฟิศ แต่กลับถูกพนักงานต้อนรับห้ามเอาไว้
“คุณพวกทั้งสองท่านต้องการมาพบใครค่ะ มีนัดมารึเปล่า?”
พนักงานต้อนรับสาวเอ่ยถามอย่างสุภาพ
หวางอวี่จุนรีบก้าวย่างออกไปตอบแทนทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“สวัสดีครับ พวกเรามาจากบริษัทท่าเรือเฉียนตง ผมประธานบริษัทหวางอวี่จุน ส่วนนี่คือผู้ช่วยของผมเอง เราต้องการพบผู้รับผิดชอบด้านการขนส่ง ทางคุณช่วยพาไปพบได้ไหมครับ?”
พนักงานต้อนรับสาวเปิดสมุดนัดทวนอยู่สองสามรอบ ก่อนจะส่ายหัวและกล่าวว่า
“ประทานโทษนะคะ ไม่มีนัดจากบริษัทท่าเรือเฉียนตง ถ้าไม่มีนัดหมายกันมาก่อน ดิฉันเกรงว่าจะไม่สามารถพาพวกคุณเข้าไปได้ค้ะ”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนโทรหาผู้จัดการฝ่ายขนส่งได้ไหมครับ แล้วแจ้งชื่อผมเข้าไป?”
หวางอวี่จุนพยายามตื้อโน้มน้าว
หวางอวี่จุนเป็นถึงประธานท่าเรือเฉียนตง แต่อย่างไรในเมื่อไม่มีนัด การจะทำเรื่องติดต่อไปโดยส่วนตัวถือว่านอกเหนือหน้าที่ของเธอแล้ว ดังนั้นเธอจึงลำบากใจไม่น้อยเลยในขณะนี้
แต่ในท้ายที่สุดพนักงานต้อนรับสาวก็ทำได้เพียงส่ายหัวปฏิเสธคำขอไป ถ้าไม่มีนัดก็ไม่สามารถเข้าไปรบกวนเวลาของคนในได้
แต่ทันใดนั้นเอง โจวเหว่ยซูก็เดินเข้ามา
เมื่อเธอเห็นว่าจ้าวเฉียนมาที่นี่จริงๆ เธอก็คลี่ยิ้มกว้างดูมีความสุขอย่างมากทันที
“คุณจ้าว! คุณมาที่นี่จริงๆ!”
โจวเหว่ยซูรีบเดินเข้ามาทักทายทันที
จ้าวเฉียนรีบเร่งหันหน้ากลับไปมองโดยไว พอเห็นว่าเป็นโจวเหว่ยซูเขาก็ดีใจอย่างมาก
พระเจ้า! รอดวะ!