ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่305 ขุดหลุมพรางให้โจวเจียงเฉินโดดลงไป
ตอนที่305 ขุดหลุมพรางให้โจวเจียงเฉินโดดลงไป
จ้าวเฉียนรีบรินน้ำแก้วหนึ่งส่งให้โจวเจียงเฉินทันทีและเอ่ยถามว่า
“ประธานโจว ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
โจวเจียงเฉินรีบหยิบแก้วน้ำมาจิบยกใหญ่ พยายามระงับไม่ให้ไอ เขาลงแก้วลงด้วยความโกรธจัดแล้วกล่าวขึ้นว่า
“นี่แกต้องมีตรรกะยังไง? หลับนอนด้วยกันแล้วก็คือได้เสียกันแล้ว จะใส่หรือไม่ใส่ถุงยางมันก็ไม่ต่างกันหรอก!”
“ทำไมล่ะครับ? การสวมถุงยางแบบนี้มันสามารถรับประกันได้นะครับว่า เธอจะไม่พลาดตั้งคครถ์และไม่มีโรคติดต่อใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากผมไม่สวมถุงยาง ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายยิ่งกว่าที่กล่าวไปขั้นต้นอีกนะครับ ผมตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบแล้ว คุณโจวเธอสวยมากจริงๆ ดังนั้นผมไม่มีวันทำร้ายคนที่รักกันได้ลงคอหรอกครับ”
จ้าวเฉียนปั้นสีหน้าอธิบายไปด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก
โจวเจียงเฉินโมโหกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่พอนึกย้อนไปสมัยที่ยังหนุ่ม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับจ้าวเฉียนเลย ไม่สิแย่กว่าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ พอคิดได้แบบนั้นเขาจึงสงบลงในที่สุด
ในเมื่อหลายสิ่งอย่างเกิดขึ้นมาแล้ว ก็คงทำอะไรไม่ได้มากกว่าการยอมรับความจริง และกุญแจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ จ้าวเฉียนตั้งใจทำลงไป ไม่ได้พลั้งเผลอเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
โจวเจียงเฉินเอ่ยถามอย่างจริงจังว่า
“ถ้าอย่างนั้นบอกฉันมาหน่อยว่า แกจะวางแผนยังไงกับเหว่ยซูต่อ? ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่า เธอคือลูกสาวของฉัน โจวเจียงเฉินแห่งบริษัทเมล็ดพืชการาจผู้นี้ ดังนั้นอย่าทำร้ายจิตใจของเธอเป็นอันขาด แกต้องซื่อสัตย์แก่เธอ เป็นที่พึ่งพาของเธอได้ เข้าใจไหม! ขอเพียงแกทำได้ตามที่ว่า ออเดอร์ทั้งหมดของบริษัทฉันจะมอบให้แกเท่าที่แกรับไหว แต่ยังไงก็เถอะ ได้ข่าวว่าตอนนี้แกกับท่าเรือหัวกำลังปะทะกันรุนแรง ถ้าฉันยื่นมือช่วยแกแบบนี้ ทางเราก็เสียหน้าไม่น้อย ดังนั้นพวกเราต้องคิดหาวิธีหาทางออกว่าจะทำยังไงดี? เพราะยังไงสุดท้ายแกก็เป็นลูกเขยฉัน ถือว่าพวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้ว”
‘บัดซบ! ตูแค่อยากแย่งลูกค้าของพวกตระกูลหัวเว้ย! ไปๆ มาๆ ตูกลายไปเป็นลูกเขยของตาแก่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?’
จ้าวเฉียนได้แต่สบถด่าอยู่ภายในใจ ถึงโจวเหว่ยซูจะทั้งหุ้นดีทั้งสวย แต่เธอก็ไม่ใช่สเปกของจ้าวเฉียน ดังนั้นเขาต้องรีบหาข้อแก้ตัวเอง
จ้าวเฉียนเร่งใช้สมองคิดหาทางแก้ไขอย่างหนักหน่วง ภาจใต้สถานการณ์แบบนี้ต้องรีบตัดสินใจโดยเร็ว
“ประธานโจวสมัยที่คุณยังเด็ก คุณก็น่าจะทราบดีนะครับว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายชายแค่คนเดียว แม้ว่าผมจะรักเธอแต่คุณโจวอาจยังไม่เต็มใจลงเอยกับผมก็ได้ คุณลองถามเธอให้แน่ใจก่อนดีกว่าครับ รวมไปถึงถามคุณแม่ของเธอว่าเต็มใจรับผมรึเปล่า แต่ตอนนี้ผมได้แสดงทัศนคติของตัวเองไปแล้ว”
จ้าวเฉียนก็พยายามหาทาบ่ายเบี่ยงสุดฤทธิ์ พยายามปฏิเสธโดยอ้อมและผลักความรับผิดชอบไปที่โจวเหว่ยซูแทน
โจวเจียงเฉินครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้าตอบกลับไปว่า
“ฉันเข้าใจในสิ่งที่แกพูด แต่ฉันในฐานะคนเป็นพ่อ สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ถ้าแกเต็มใจ เธอเองก็เต็มใจเช่นกัน ไม่อย่างนั้นจะออกหน้าช่วยเหลือแกแบบนี้เหรอ? นี่มันก็ชัดเจนแล้วว่าลูกสาวฉันคิดยังไงกับแก?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะออกมาทันทีอย่างมีความสุข แน่นอนว่าไอ้ที่มีความสุขล้วนเสแสร้งทั้งนั้น
“ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็สบายใจครับ ถ้าประธานโจวคิดว่าผมกับเธอเหมาะสมกัน ทุกอย่างก็คงต้องยกยอดให้ทางผู้ใหญ่ต่อแล้ว”
‘พ่อครับผมขอโทษ แต่ช่วยจัดการต่อทีเถอะ ถ้านึกแผนอะไรดีๆ ออกเดี๋ยวผมช่วยมาช่วยทีหลัง!’
จ้าวเฉียนนึกขอโทษจ้าวฝู่ภายในใจ
“ฮ่าฮ่า…แกนี่พูดรู้เรื่องอยู่นะ แต่จะว่าไปแกกับท่าเรือหัวทำไมจู่ๆ ถึงปะทะกันรุนแรงแบบนั้นได้?”
“เรื่องมันเกิดจากว่า ตาแกตระกูลหัว หัวเซินซวนเขาบังเอิญไปเห็นทำเลที่ตั้งของหลุมศพของคุณย่าผมก็สนใจอยากได้ขึ้นมา เลยคิดจะใช้เงินฟาดหัวให้ผมขาย แต่นี่มันใช่เรื่องเล่นๆหรอครับ? ครอบครัวผมก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน ไม่สนถึงจะจน แต่เราก็ไม่มีวันย้ายหลุมฝังศพของคุณย่าไปที่อื่นเด็ดขาด พอเราปฏิเสธที่จะขายไป ตาแก่นั้นก็ส่งคนมาทำลายหลุมศพจนยับเยิน ถ้าเป็นประธานโจวจะทำยังไงล่ะครับ? ก็คงเลือกปะทะเหมือนกันจริงไหม?”
“โอ๊ะ? ไอ้พวกตระกูลหัวนี่มันมากเกินไปจริงๆ! ทีแรกฉันก็คิดว่าเป็นแค่ปัญหาทางธุรกิจกัน แต่คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย!”
“ดังนั้นผมจึงต้องการโจมตีตระกูลหัวไม่ให้เหลือ! ยังไงก็เถอะครับ ในเมื่อผมก็จะกลายมาเป็นลูกเขยของประธานโจวแล้ว ก็ช่วยผมสักครั้งนะครับ”
โจวเจียงเฉินจิบน้ำพยักหน้าตอบ และบอกให้จ้าวเฉียนอธิบายแผนการมาก่อน
จ้าวเฉียนรีบตอบกลับทันทีว่า
“ท่าเรือหัวตอนนี้มีลูกค้ารายใหญ่อยู่สองเจ้า แห่งแรกคือบริษัทเมล็ดพืชการาจ และอีกกลุ่มคือบริษัทน้ำมัน แน่นอนว่าถ้าประธานโจวเห็นด้วย เราก็เหลือแค่เกลี้ยกล่อมให้พวกบริษัทน้ำมันยอมให้ออเดอร์แก่พวกเรา พอท่าเรือหัวถึงคราวจบสิ้น พวกเราจะได้ยึดท่าเรือทั้งหมดในน่านน้ำนั้นได้เบ็ดเสร็จ พอทุกอย่างจบลง ผมก็ตั้งใจจะปั้นคุณโจวให้ขึ้นกลายเป็นดาราแถวหน้าของประเทศ ความฝันสูงสุดของเธอคือการเป็นดารานักแสดง เรื่องนี้ประธานโจวเองก็ทราบใช่ไหมครับ?”
โจวเจียงเฉินพยักหน้าและตอบกลับไปว่า
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ แต่จากใจนักธุรกิจที่อยู่ในวงการมาครึ่งค่อนชีวิตเลยนะ วงการบันเทิงเป็นอะไรที่ซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าไปยุ่ง แถมแกจำต้องควักเงินเป็นจำนวนมหาศาลมากกกว่าจะปั้นใครสักคนให้เป็นที่นิยมขึ้นมา ฉันเคยเห็นนักแสดงหญิงดังๆ ตั้งหลายคน มีข่าวควงแขนนักลงทุนตั้งมากมายเข้าโรงแรมเพื่อหาหนทางในอนาคตให้ตัวเอง ฉันไม่อยากให้ลูกสาวฉันต้องทำแบบเดียวกับคนพวกนั้นเลยจริงๆ อย่างที่แกว่าไปแหละ ครอบครัวของฉันเองก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินเช่นกัน ทำไมต้องไปเปลืองตัวเพื่ออะไรแบบนั้นด้วย”
สมแล้วที่เป็นนักธุรกิจมือเก๋าแห่งวงการ เขาเข้าใจอะไรมากมายจริงๆ จ้าวเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มทันทีและกล่าวว่า
“ประธานโจวพูดถูกครับ ต่อให้มีพรสวรรค์แต่ไร้ซึ่งเงินทุนผลักดันก็เปล่าประโยชน์ จำเป็นต้องใช้ร่างกายแลกเปลี่ยนกับอะไรพวกนั้น แต่ผมมีบริษัทเกี่ยวกับวงการบันเทิงโดยตรงอยู่ ลองค้นหาดูในอินเตอร์เน็ตก็ได้ครับ บริษัทเฉียนเก๋อ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จดทะเบียนภายใต้ชื่อของผม แถมบริษัทของผมยังร่วมมือกับบริษัทภาพยนตร์ดังอีกมากมายของจีน ตราบใดที่คุณโจวเข้าวงการมา ผมจะสร้างผลงานระดับขึ้นหิ้งให้เธอแน่นอน”
โจวเจียงเฉินหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นมา เพื่อตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนของบริษัทเฉียนเก๋อดูทันที และชื่อเจ้าของตามกฎหมายก็ถูกระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นจ้าวเฉียน
“ฮ่าฮ่า….ฉันไม่คิดเลยว่าภูมิหลังของแกจะแข็งแกร่งขนาดนี้! พ่อแม่ของแกทำธุรกิจอะไรงั้นเหรอ?”
โจวเจียงเฉินเอ่ยถามทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่จ้าวเฉียนไม่ต้องการให้พ่อของเขาเข้ามามีส่วนร่วมเท่าไหร่นัก เขาอยากจะพึ่งพาความสามารถของตัวเองในการลงมือทำแผนการใหญ่ ดังนั้นจึงตอบกลับไปว่า
“ผมไม่อยากพึ่งพาพ่อกับแม่ของตัวเอง ดังนั้นประธานโจวอย่าเพิ่งถามตอนนี้เลยครับ เพราะยังไงในอนาคตพวกเราสองตระกูลจะต้องเจอกันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ แล้วผมขอร้องอีกอย่างนะครับ อย่าตรวจสอบประวัติของผม ผมต้องการจะจัดการท่าเรือหัวด้วยความสามารถของตัวเอง สัญญานะครับ?”
จ้าวเฉียนเอ่ยกล่าวขึ้นมาอย่างจริงใจยิ่ง
โดนจ้าวเฉียนพูดมาขนาดนี้โจวเจียนเฉินก็รู้สึกละอายเกินกว่าจะปฏิเสธ เขายิ้มและเอ่ยสัญญาทันทีว่า
“ไม่มีปัญหา ฉันจะไม่ถาม ไม่สืบค้นข้อมูลของแก แค่อยากจะบอกว่า ฉันรู้สึกดีใจแทนพ่อแม่ของแกนะที่มีลูกชายที่ทั้งฉลาด กล้าหาญ แล้วมากกลยุทธ์แบบแก เอาล่ะ เอาล่ะ! เรียกบริกรมาเร็ว ฉันอยากจะดื่มกับแกสักสองสามแก้วหน่อย!”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มกว้างพยักหน้าตอบทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูและวานให้หวางอวี่จุนไปเรียกบริกรมาเพื่อเสิร์ฟไวน์
ชางหย่าและโจวเหว่ยซูที่รออยู่หน้าประตูเช่นกัน จ้าวเฉียนจึงถือโอกาสนี้เรียกพวกเธอทั้งสอง
เรื่องบริษัทน้ำมัน โจวเจียงเฉินยังไม่ได้ตกลงกับจ้าวเฉียนว่าจะเอายังไงต่อ
ดังนั้นเขาจึงมากล่าวกับโจวเหว่ยซูแทนว่า
“คุณโจว ประธานโจวรักคุณมากจริงๆ นะ ถึงขนาดยอมช่วยผมไปเจรจากับฝั่งบริษัทน้ำมันเพื่ออนาคตของพวกเรา ดังนั้นคุณควรอ่อนโยนกับคุณพ่อหน่อย เข้าใจไหมครับ?”
โจวเหว่ยซูเหลือบมองไปที่โจวเจียงเฉินที่นั่งอยู่บนโต๊ะในห้องอาหารด้วยความสงสัย และเอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า
“จริงเหรอ? เขาเต็มใจช่วยคุณถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”
โจวเจียงเฉินยามนี้ตกลงในหลุมพรางของจ้าวเฉียนโดนไม่รู้ตัวเป็นที่เรียบร้อย พลันลอบแสยะยิ้มขึ้นภายในใจ เขายกมือตบหน้าอกตัวเองอย่างมั่นอกมั่นใจและกล่าวย้ำกับโจวเหว่ยซูว่า
“แน่นอนครับ ผมจะหลอกคุณกับแม่ของคุณไปเพื่ออะไร แต่อย่าเพิ่งเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะครับ ยังไงซะผมอาจต้องไปเจรจากับประธานโจวเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องจ้านชุนเล่อ”
จ้านชุนเล่อ ตามที่โจวเจียงเฉินกล่าวเอาไว้กับจ้าวเฉียน เขาคนนี้เป็นประธานบริษัทไชน่าปิโตรเคมี
บริษัทเมล็ดพืชกับบริษัทน้ำมัน ทั้งสองล้วนเป็นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีความแข็งแกร่งแทบจะเทียบเท่ากัน ทั้งคู่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนและพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ
ดังนั้นสถานะของประธานทั้งสองบริษัทจึงมีระดับเท่าเทียมกัน
โจวเจียงเฉินกล่าวไว้ว่า เดี๋ยวเขาอาสาลองไปคุยกับจ้านชุนเล่อเอง สุดท้ายนี้เขาก็อยากช่วยจ้าวเฉียนเพื่อให้ลูกสาวของเขามีความสุข
โจวเหว่ยซูเม้มปากด้วยความตื่นเต้น เธอเร่งพยักหน้ายิ้มตอบไปว่า
“เข้าใจแล้ว!”
โจวเจียงเฉินแม้จะพูดออกมาแค่ไม่กี่คำ แต่นี่ก็มันเพียงพอที่จะยืนยันแล้วว่า ทัศนคติของเขาที่มีต่อจ้าวเฉียนมันเป็นไปในทางบวก
จ้าวเฉียนแอบดีใจอย่างลับๆ เนื่องจากสัปดาห์นี้ไม่เพียงซื้อใจโจวเจียงเฉิน หัวเรือใหญ่แห่งบริษัทเมล็ดพืชการาจได้ แต่อีกฝ่ายยังจะช่วยไปเจรจากับบริษัทไชน่าปิโตรเคมีให้อีก