ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่45 บีบให้ยอมจำนน
ตอนที่45 บีบให้ยอมจำนน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดจ้าวเฉียนก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทันทีที่ลุกขึ้นจากเตียง หวันซวนก็โทรสายเข้ามาอีกครั้ง และเอ่ยถามอย่างร้อนรนทันทีว่า เขาถึงไหนแล้ว
จ้าวเฉียนหาวเสียงกระเส่า ตอบไปลวกๆ ว่า
“ฉันเพิ่งตื่น หลับสบายมากเลย”
หวันซวนตะลึงไปชั่วครู่ สำหรับพฤติกรรมขวางโลกเช่นนี้ของจ้าวเฉียน เล่นเอาเขาพูดไม่ออก ชั่วขณะหนึ่ง เขาตะโกนดังลั่นว่า
“อะไรของนาย?! นี่ยังมัวแต่นอนอยู่อีกเหรอ! ลูกค้ามารอนายร่วมชั่วโมงได้แล้ว ยังมีอารมณ์มานอนอยู่ได้! คุณชายหยางหมิงดูอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย เขาบอกค้นพบปัญหาในตัวเกมหลายจุด รีบมาคุยกับเขาให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรฟ้องประธานฟางแน่!”
จ้าวเฉียนไม่ได้สนใจฟังอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เอ่ยตอบเสียงเรียบกลับไปว่า
“บอกอีกฝ่ายถางหญ้ารอไปก่อนแล้วกัน จะไปฟ้องอะไรก็ฟ้องไป ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว”
หลังพูดจบเขาก็กดตัดสายทิ้งทันที
สิ่งนี้ทำให้หวันซวนเดือดจัด เขารีบโทรหาฟางนี่ต่อทันทีเพื่อรายงานพฤติกรรมของจ้าวเฉียนให้ฟังทันที ทั้งยังละเลยหน้าที่ความรับผิดชอบ
เขามั่นใจอย่างมากว่า ฟางนี่จะต้องลงดาบกับจ้าวเฉียนแน่นอน แต่ผลที่ตามมากลับทำให้เขาต้องผิดหวัง ซ้ำร้ายยังถูกตำหนิแทน ฟางนี่ที่อยู่ปลายสายตอบแค่ว่า
“ตอนนี้จ้าวเฉียนเป็นคนรับผิดชอบและดูแลบริษัท ในฐานะผู้จัดการเขาแก้ไขปัญหาเอาเอง อย่ามาโทรเรียกฉันเพื่อมาร้องเรียนเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ที่เขาทำแบบนี้คงมีแผนอยู่ในใจแล้ว”
จากนั้นฟางนี่ก็ตัดสายไปทันทีที่เธอพูดจบ ไม่เปิดโอกาสให้หวันซวนเอ่ยกล่าวใดๆ ต่อ
หวันซวนรู้สึกว่า เธอลำเอียงเกินไปมาก ไม่แม้แต่จะกล่าวตำหนิจ้าวเฉียนเลยสักคำเดียว เขาคาดการณ์ได้เลยว่า หากบริษัทยังเป็นแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้าก็เร็วจะต้องล้มละลายแน่นอน
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดจ้าวเฉียนก็มาถึง
หวันชวนที่เห็นเขาเพิ่งมา ก็รีบวิ่งไปไถ่ถามทันทีอย่างร้อนรนว่า
“นี่นายต้องการบ้าอะไรกันแน่? แม้จะเป็นผู้จัดการ แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงลูกค้าบริษัทเราด้วย นายไม่ควรละเลยลูกค้าแบบนี้ ถ้าหากอีกฝ่ายโกรธขึ้นมาจนถึงขั้นยกเลิกโปรเจคกับเราขึ้นมาจะทำไง? งานที่พวกเราพัฒนากันมาอย่างยาวนานก็เปล่าประโยชน์งั้นเหรอ?”
สำหรับจ้าวเฉียน หวันซวนไม่เคยอยู่ในสายตาเลยแม้สักนิด และเขาเองก็ไม่อยากเสียเวลามาอธิบายกับอีกฝ่ายเช่นกัน
“กลับไปทำงานของตัวเองเถอะ”
พอพูดจบ จ้าวเฉียนก็ตรงไปที่ห้องประชุม
หยางหมิงที่เห็นจ้าวเฉียนเดินเข้ามา สีหน้าของเขาก็มืดขรึมลงทันที
จ้าวเฉียนจึงยิ้มและกล่าวขึ้นว่า
“เหอะเหอะ….ฉันไม่คิดเลยว่า นายน้อยหยางจะมาถึงที่นี่เป็นการส่วนตัว แผลช้ำที่โดนกระทืบไปหายดีแล้วเหรอ? เห็นนายมาฉลองกับตำแหน่งใหม่ของฉัน ฉันก็ดีใจนะ”
หยางหมิงหัวเราะเยาะอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยตอบไปว่า
“ก็แค่ตำแหน่งเศษเดนทั่วไป ไม่เห็นมีอะไรน่ายินดี ผู้จัดการในบริษัทกระจอกแห่งหนึ่ง ว้าว…คนไร้น้ำยาอย่างแกก็ดูเหมาะสมดีวะ ฮ่าฮ่าๆ … ทำเป็นอวดเบ่งต่อหน้าฉัน ก็คิดว่าเป็นคนใหญ่โตจากที่ไหน น่าสมเพชแทนจริงๆ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องของแก เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า เพียงเศษเสี้ยวความสามารถของบริษัทแก ฉันแค่สงสัยว่าจะมีปัญญาทำเกมให้ฉันได้จริงๆ เหรอ?”
ทันทีที่หยางหมิงทราบถึงโปรเจคนี้ที่ร่วมมือกับบริษัทเกมฟางนี่ เขาก็เดินทางเข้ามาที่นี่ทันทีเพื่อหาเรื่อง ยิ่งพอทราบว่า แท้จริงแล้ว จ้าวเฉียนมันไม่มีอะไรเลย ก็แค่พวกขี้โม้คนหนึ่ง เขาจึงไม่รู้สึกประหม่าเลยสักนิด กลับกันยังดูผ่อนคลาย ทำราวกับที่นี่เป็นบริษัทของตัวเอง
แต่พอหยางหมิงเห็นว่า จ้าวเฉียนไม่ได้สนใจฟังอะไรเลย เขาก็ยิ่งมีน้ำโหมากขึ้น
“นี่กูกำลังพูดกับมึงอยู่นะเว้ย! มีมารยาทหน่อยไอ้สถุน! เกมที่ฉันต้องการคือระดับไฮเอนด์ แล้วนายคิดว่าบริษัทเล็กๆ แบบนี้จะสามารถตอบสนองความต้องการได้ไหม? แผนกพัฒนาไร้คุณภาพแบบนี้ คุณจะหาวิธีแก้ไขยังไง?”
จ้าวเฉียนยังคงยิ้มตอบว่า
“นายน้อยหยาง ทำไมคุณถึงดูตีโพยตีพายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เกมยังอยู่ในกระบวนการพัฒนา ท้ายที่สุดก็ยังไม่ถึงวันส่งมอบที่ระบุไว้ในสัญญา ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง แต่ก็อย่าให้มันมากเกินไปดีกว่าครับ รอถึงวันส่งมอบ ผมรับประกันได้เลยว่า ตัวเกมต้องสมบูรณ์แบบตรงใจคุณแน่นอน”
“นี่แก…”
หยางหมิงถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเจอจ้าวเฉียนโต้กลับมาแบบนี้ อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ที่เขามาในวันนี้คือการสร้างปัญหา ดังนั้น เขาไม่ปล่อยให้เรื่องมันจบลงแค่นี้แน่นอน จึงกล่าวต่อว่า
“นี่แกกำลังแก้ตัวชัดๆ แค่เห็นตัวเกมในตอนนี้ก็รู้แล้วว่ามันห่วย! ต่อให้พัฒนาเสร็จสมบูรณ์คงไม่ได้ดีไปกว่านี้เท่าไหร่หรอก! แกต้องหาวิธีแก้ไขเดี๋ยวนี้ เพราะในสัญญา เงื่อนไขเสริมก็ระบุชัดเจนอยู่แล้วว่า ทางฉันสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ตามต้องการอยู่ตลอด ถ้ายังไม่รีบแก้ไข ฉันจะนำเรื่องนี้ขึ้นศาลทันที!”
หยางหมิงแสยะยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ เขารู้สึกว่าตอนนี้จ้าวเฉียนไม่เหลือข้ออ้างอะไรให้เห็นหูเล่นคำกับเขาอีกต่อไป
จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบว่า
“ได้เลยครับ ผมจะรีบไปแจ้งคนของแผนกพัฒนาสำหรับแผนการแก้ไขโดยเร็ว จะว่าไปแล้ว คุณพอมีเวลาอยู่บ้างไหมครับ จะได้เรียกคนจากแผนกพัฒนามาให้คุณชี้จุดที่ต้องแก้ไขโดยตรงเลย ยิ่งละเอียดยิ่งดีนะครับ ทางเราจะพัฒนาเกมให้ตรงโจทย์กับที่คุณต้องการที่สุด ดังนั้นนายน้อยหยางไม่ต้องกังวลไปครับ”
หยางหมิงไม่เคยรู้เรื่องงานด้านไอทีเลยแม้แต่น้อย กล่าวคือไม่เคยลงมาจัดการงานส่วนนี้ด้วยตัวเองเลยสักครั้ง แต่ถ้าเขาหาข้ออ้างปฏิเสธไป ทางแผนกพัฒนาก็จะไม่แก้ไขเช่นกัน?
คล้อยหลังคิดอยู่สักครู่ใหญ่ หยางหมิงจึงเสนอให้ไปเรียกหวันชวงมา จ้าวเฉียนก็พยักหน้าและเดินออกไปเรียกหวันชวงให้เข้ามาหา
“หวันชวน คุณจะต้องรับหน้าที่ดูแลแผนกพัฒนาให้ดีหลังจากนี้ และแก้ไขตามข้อกำหนดที่ทางบริษัทฉันจะส่งให้ทีหลัง ถ้าหากว่าหลังจากนี้งานที่สั่งให้แก้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ผมไม่เอาคุณไว้แน่! ผมเป็นใครคุณก็ควรทราบดันะ ถ้างานออกมาไม่ตามเป้า ผมก็ไม่รับประกันหรอกนะว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณหลังจากนี้”
หวันชวนกลัวแทบฉี่ราด เขารีบผงกศีรษะรีบเอ่ยปากสัญญากับหยางหมิงทันที
“โปรดมั่นใจได้เลยครับนายน้อยหยาง ผมจะคอยจับดูคนของแผนกพัฒนาให้อย่างดี จะไม่ให้พลาดแม้แต่จุดเดียวเลยครับ!”
“ดีมาก!”
สิ้นเสียงพูดจบ หยางหมิงก็เหลือบมองจ้าวเฉียนแวบหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นและจากไป
จ้าวเฉียนรีบเดินติดตามอีกฝ่าย และเอ่ยทักขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า
“นายน้อยหยาง จะรีบกลับไปไหนครับ? ไม่สนใจมารับประทานอาหารกับผมสักมื้อหน่อยเหรอ?”
เดิมทีหยางหมิงมาที่นี่เพื่อต้องการสร้างความอับอายให้กับจ้าวเฉียน ทว่ากลับเป็นตัวเขาที่โดนย้อนเกรด กลายเป็นฝ่ายที่ต้องอับอายแทน เขาไม่พูดไม่จาใดๆ และเดินผลักประตูออกไปโดยไว ระหว่างนั้นเองก็ส่งข้อความไปหาเจียงเสี่ยวปิงผ่านทางWeChat พยายามชักชวนให้เธอออกไปเที่ยวด้วยกัน
“ช่วงเที่ยงพอมีเวลาว่างไหม? ออกมาทานอาหารกลางวันกัน แต่ถ้าไม่ ผมจะขับรถเล่นแถวบริษัทคุณไปก่อน แล้วรอหลังจากคุณเลิกงาน พวกเราไปดินเนอร์กัน แล้วผมจะรอ”
เจียงเสี่ยวปิงอ่านข้อความเสร็จก็รีบลบแชทอย่างรวดเร็ว ลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ต้องตอบกลับไปว่า เธอไม่สามารถออกไปไหนกับเขาได้ในวันนี้ หากประจวบเหมาะวันหน้าค่อยนัดเจอกันดีกว่า
หยางหมิงเค้นเสียงเย็นชาด้วยความหงุดหงิด วันนี้ไม่มีอะไรได้ดั่งใจสักอย่าง ไม่เหลือหนทางอื่น เขาจึงส่งข้อความทักหาสตีมเมอร์สาวคนหนึ่ง และชวนเธอออกไปทานข้าวแทน ซึ่งแน่นอนว่าเธอคนนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ในอีกด้าน หวันซวนวิตกกังวลเกินทนไหวแล้ว เขาจึงรีบโทรหาจ้าวเฉียนและบอกไปว่า เขาได้กำชับกับพนักงานแผนกพัฒนาทุกคนแล้ว ว่าต้องแก้ไขตามข้อกำหนดของหยางหมิงที่จะส่งมาหลังจากนี้ให้ดี และทิ้งท้ายว่ามีข้อเสนออะไรเพิ่มอีกไหม
จ้าวเฉียนยิ้มและกล่าวปลอบโยนอีกฝ่ายไปว่า
“นายไม่ต้องกังวลเกินเหตุไป ประธานฟางมอบหมายให้ฉันดูแลบริษัทแห่งนี้ หากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมากจริง ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง ไม่ปล่อยให้นายต้องแบกรับภาระคนเดียว นายทำใจให้สบายแล้วกลับไปทำงานตัวเองเถอะ นายเป็นพนักงานของบริษัทฟางนี่ไม่ใช่เฟยอวี่ นายควรรู้ว่าต้องฟังใครมากกว่า”
หวันชวนที่แทบสติแตกเต็มทน คำรามตอกกลับทันทีว่า
“แกกำลังทำให้ฉันซวย! ก็แกไม่ได้เป็นฉัน จะพูดอะไรก็พูดได้หนิหว่า! ถ้าฉันทำอะไรพลาดขึ้นมาจนทำให้นายน้อยหยางไม่พอใจ ถึงตอนนั้นแกยังจะช่วยฉันอยู่ไหม?! แกสัญญาได้ไหมล่ะว่า แกจะออกตัวมาสนับสนุนฉัน!!”
“ใจเย็นๆ แล้วฟังฉันให้ดี ตราบใดที่ฉันยังอยู่ในบริษัทนี้ จะไม่มีใครหน้าไหนรังแกนายได้เด็ดขาด ฉันไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับนายแน่นอน! ฉันจะปกป้องนายเอง! ทำใจให้สบายแล้วกลับไปทำงานตัวเองซะ!”
หลังจากพูดจบ จ้าวเฉียนก็วางสายไป ปล่อยให้หวันชวนนั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่บนโต๊ะทำงานเพียงลำพัง เหมือนว่าเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จ้าวเฉียนพูดทุกอย่างที่เขาอยากได้ยินไปหมดแล้ว ดังนั้นจะให้หวันชวงพูดอะไรอีกล่ะ?
หลังเลิกงานในช่วงเย็น อู๋ซินก็โทรเข้ามาหาจ้าวเฉียน
“ฮาโหล จ้าวเฉียน นายพอมีเวลาไหม? ไปหาอะไรกินกัน! ฉันมีข่าวดีจะบอก!”
“โอ้จริงเหรอ? ข่าวดีอะไรกันเนี่ย? หรือว่า…เธอได้แฟนเป็นทายาทมหาเศรษฐีเข้า? แนะนำฉันให้เขารู้จักด้วยนะ!”
“ตาบ้า! จะมีทายาทมหาเศรษฐีที่ไหนเหลียวแลฉันห่ะ? ข่าวดีสุดๆ ไปเลยแหละ ฮิฮิ…นายจำบริษัทวงการบันเทิงที่อยู่ติดกับแพลต์ฟอร์มเทียนซูวที่ฉันทำงานอยู่ได้ไหม? พวกเขาเพิ่งให้ฉันเซ็นสัญญาในฐานะศิลปินคนแรก! พวกเขาบอกว่าต้องการปั้นให้ฉันขึ้นเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับประเทศ! แถมยังบอกว่าหลังจากนี้ฉันจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ดังนั้นจะต้องพัฒนาตัวเองและรักษาภาพลักษณ์ที่ดีอยู่เสมอ! ช่วงนี้มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา ฉันเลยอยากแบ่งปันความสุขนี้ให้กับคนอื่นด้วย มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง! ว่าไงจะมาไหม?”
อู๋ซินมีความสุขจนท้วมท้นหัวใจ จ้าวเฉียนเองที่ได้ยินแบบนั้นก็มีความสุขมากเช่นกัน
ห้าปีก่อน เขาเกือบทำลายชีวิตของเธอลง ดังนั้นแล้ว ตอนนี้เขาจึงต้องการใช้สิ่งที่ตัวเองมี มาทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น
“แน่นอนสิ! มีคนเลี้ยงข้าว ทำไมฉันจะไม่ไป?”
“อิอิ…งั้นเจอที่เดิมนะ!”
“ครับผมคุณซุปเปอร์สตาร์!”
จ้าวเฉียนตรงไปที่แผนกพัฒนาเพื่ออธิบายแผนงานหลังจากนี้ให้ฟังโดยทราบกัน พร้อมหิ้วถุงขนมมากมายมาให้พวกเขาเป็นเสบียงยามดึก จากนั้นเขาก็ขับรถไปที่โรงแรมเอ็มเพอเรอร์