ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่47 ใครกันที่อยู่เบื้องหลัง
ตอนที่47 ใครกันที่อยู่เบื้องหลัง
ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังขับรถกลับคฤหาสน์ ก็เห็นอู๋ซินโทรสายเข้ามา เขาก็รีบเชื่อมต่อทันที สังหรณ์ใจผิดแปลก รู้สึกได้ทันใดว่า การที่เธอรีบโทรหาเขาในเวลาแบบนี้ อีกฝ่ายอาจต้องการความช่วยเหลือโดยด่วนก็เป็นได้
“นี่จ้าวเฉียน! มารับฉันที มีคนกำลังตามฉันมา!”
จ้าวเฉียนรีบหักพวงมาลัยกลับรถโดยไว พร้อมถามไปว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
“ฉันอยู่บนแท็กซี่กำลังขับวงรอบโรงแรมอยู่ รีบมารับฉันที ฉัน…ฉันกลัว”
“โอเคฉันกำลังรีบไป! ขอสายคุยกับคนขับเร็ว!”
อู๋ซินรีบมยื่นมือถือไปให้คนขับ เพราะตอนนี้เขากำลังมีสมาธิกับการขับรถอยู่ จึงไม่สามารถปฏิเสธเธอได้ ทำได้เพียงรับมือถือไปอย่างจำใจ
“สวัสดีครับ ผมเป็นคนขับแท็กซี่ คุณรีบมารับเธอเลย ผมเองก็กลัวมาก!”
“ฟังนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามหยุดรถเด็ดขาด ผมกำลังมุ่งหน้าไปหาเดี๋ยวนี้แหละ ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา…คุณตายแน่!”
“ตะ-แต่…แต่ผมเป็นแค่คนขับแท็ก…”
“ผมไม่สนว่าคุณเป็นใคร อย่าให้เธอเป็นอะไรไปเด็ดขาด! จำคำพูดของผมเอาไว้!”
ทันทีที่พูดจบจ้าวเฉียนก็วางสายทิ้งไปทันที และเร่งต่อสายโทรหาหยางหู่ต่อ
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครหรือใหญ่มากจากไหน แต่ถ้าพวกมันกล้าแตะต้องหรือทำอะไรอู๋ซิน เขาไม่ปล่อยไว้แน่ และไม่มีคำว่าปราณีกับคนพวกนี้
“สวัสดีครับคุณชายจ้าว โทรมาดึกแบบนี้คงมีปัญหาใช่ไหมครับ?”
“อู๋ซินกำลังตกอยู่ในอันตราย นายรีบพาคนไปที่โรงแรมเอ็มเพอร์เรอร์เร็ว ตอนนี้ฉันกำลังตามไป!”
“เข้าใจแล้วครับ!”
หยางหู่รีบลุกขึ้นจากเตียง โทรเรียกลูกน้องคนสนิทอีกสองสามคนและรีบไปที่โรงแรมเอ็มเพอร์เรอร์โดยเร็ว
“นังนั่นต้องรู้ตัวแล้วแน่นอน!”
“นี่พวกนายจะยอมให้คนขับแท็กซี่ทำแผนของเราเสียไปเฉยๆ แบบนี้เหรอ? ปาดหน้ามันเลยไหม?”
“ไอ้เวร รีบๆ หยุดแท็กซี่ได้แล้วโว้ย จากนั้นก็ฉุดเธอออกมาเลย น้องหมิงมันไม่ชอบรอนะ ถ้าพอส่งเธอขึ้นเตียงเสร็จ หลังจากนั้นดีไม่ดีอาจลาภลอยมาถึงเราต่อนะ ออมแรงกันด้วยล่ะเข้าใจไหม?”
“ฮ่าฮ่าๆๆ …”
หลายต่อหลายคนในรถต่างหัวเราะอย่างมีเลศนัยบางอย่างแอบแฝง จากนั้นคนขับก็เร่งเครื่องทันที
“ไอ้คนขับแท็กซี่ มึงกล้าเร่งเครื่องหนีใช่ไหม? ไปดักหน้าให้มันเบรกไม่ทันเลย!”
รถคันด้านหลังเร่งเครื่องอีกครั้ง เหยียบมิดสุดลิมิต แซงขวาแท็กซี่พร้อมหักซ้ายเต็มกำลัง ใช้ลำตัวรถขวางทางแท็กซี่โดยตรง
คนขับแท็กซี่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากใส่เกียร์R เหยียบคันเร่งแล้วพุ่งถอยออกไป
อู๋ซินยิ่งวิตกหนัก ตอนนี้เธอรอจ้าวเฉียนไม่ไหวแล้ว หนึ่งความคิดแวบผ่าน เธอรีบกดมือถือโทรแจ้งตำรวจทันที
“ฮาโหล ช่วยด้วย! ฉันอยู่ที่โรงแรมเอ็มเพอร์เรอร์ มีคนขับรถไล่ตามมา แถมยังแซงขวางแท็กซี่ที่ฉันอยู่ด้วย ตอนนี้กำลังหนี รีบมาช่วยที!”
ขณะเดียวกัน ปรากฏว่าแท็กซี่คันนั้นที่รีบเข้าเกียร์ถอยกลับไม่ดูตาม้าตาเรือ ดันถอยชนเข้ากับรถคนอื่นที่จอดอยู่แถวนั้น รถที่ขวางหน้าในทีแรกได้โอกาส เร่งขับมากั้นด้านหน้าแท็กซี่ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก จากนั้นก็มีชายกลุ่มหนึ่งวิ่งลงมาจากรถและทุบกระจบ พยายามเปิดประตูเพื่อดึงอู๋ซินออกมา
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย…”
อู๋ซินร้องตะโกนขอความช่วยเหลือทั้งน้ำตา แต่เนื่องด้วยจำนวนคนที่มากกว่า ไม่นานประตูก็ถูกทุบทิ้งจะหลุดออก ร่างของเธอถูกบรรดาชายหนุ่มพวกนั้นฉุกลากไม่มีเมตตา บังคับให้เธอขึ้นรถจากนั้นก็ขับแล่นออกไป ในเวลานี้เอง จ้าวเฉียนที่ขับจากัวร์ก็มาถึงแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าอู๋ซินถูกจับขึ้นรถอีกฝ่ายแล้ว เขาจึงเหยียบคันเร่งไล่ล่าตามไปโดยเร็ว พร้อมโทรหาหยางหู่เพื่อรายงานพิกัดในปัจจุบันแบบนาทีต่อนาที อาศัยพิกัดที่จ้าวเฉียนบอกมา หยางหู่และพรรคพวกรีบเร่งตามมา
ทั้งสองฝ่ายเริ่มขับไล่ล่ากันอย่างระห้ำ จากัวร์ของจ้าวเฉียนเร่งรอบจนสุดหน้าปัด และในไม่ช้าเขาก็ตีตื้นขนาบข้างกันจนทัน หวังลดความเร็วของรถอีกฝ่าย จ้าวเฉียนหักเลี้ยวเข้าบีบรถอีกฝ่ายจนแนบกับที่กั้นริมถนน
แต่เนื่องจากสมรรถนะของรถอีกฝ่ายที่เป็นถึงรถสปอร์ต กับแค่จากัวร์ตัวน้อยกลับไม่สามารถเทียบเคียงกันได้เลย
อู๋ซินที่เห็นว่าเป็นรถจากัวร์คุ้นตาก็รู้ทันทีว่าจ้าวเฉียนกำลังมาช่วย เธอร้องลั่นตะโกนสุดเสียงขอความช่วยเหลือ
“จ้าวเฉียน! ช่วยฉันด้วย! ช่วยฉัน…”
ยิ่งได้ฟังน้ำเสียงวิตกสุดขีดของอู๋ซิน ภายในใจจ้าวเฉียนดิ่งสะท้านเย็นชาสุดขั้ว ลึกลงในแววตาของเขาเหี้ยมเกรียมขึ้นหลายส่วน เท้าขวากระแทกคันเร่งเหยียบจนมิด หักพวงมาลัยเข้าบีบรถสปอร์ตอีกฝ่ายชนิดไม่มีลดละ
อาศัยสมรรถนะรถสปอร์ต เครื่องยนต์แรงม้าสูง อัดรถเร่งความเร็วทิ้งระยะตีห่างอีกครั้ง แต่ก็ทิ้งช่วงไม่ขาดพอ จากัวร์ของจ้าวเฉียนสะกิดท้ายสปอร์ตคันนั้นจนเสียการทรงตัว ส่ายไปมาราวกับงู ก่อนจะกลับมาควบคุมได้อีกครั้ง
เสียงท่อร้องกระหึม สมรรถนะเครื่องยนต์ถูกเร่งเร้าถึงขีดจำกัด จ้าวเฉียนพยายามเร่งความเร็วตีตื้ออีกครั้ง แต่ก็ถูกทิ้งห่างอย่างต่อเนื่อง
แต่โชคยังดีที่สปอร์ตคันหรูของหยางหู่พุ่งมาถึงทันท่วงที ตีประกบรถสปอร์ตอีกฝ่ายจนต้องหยุดในที่สุด
จ้าวเฉียนรีบลงมาจากรถพร้อมไม้เบสบอลจากท้ายรถ ตรงเข้ามาหวดกระจกรถสปอร์ตคันนั้น ทุบตีกระหน่ำไม่ยั้งมือ
คนของหยางหู่เองก็ใช่ว่าจะไม่มีกึ๋น แต่ละคนแห่กันลงมาพร้อมมีดประจำตัว ส่วนผู้คนในรถสปอร์ตคันนั้นต่างหวาดผวากันจัด รีบเปิดประตูรถลงมาคุกเข่าขอความเมตตา
“ผมยอมแล้ว ผมยอมแล้ว…”
อู๋ซินพุ่งลงมาจากรถพร้อมเข้าสวมกอดจ้าวเฉียนทั้งน้ำตาที่ไหลรินไม่หยุดหย่อน
จ้าวเฉียนรีบพาเธอเข้าข้างทาง และถามว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่
อู๋ซินร้องไห้ด้วยความกลัว ส่ายหัวเอ่ยตอบไปว่า
“ไม่…ฉันไม่เป็นอะไร แต่ฉันกลัวเหลือเกิน กลับแทบตายอยู่แล้ว! นายต้องเค้นความจริงให้ได้ว่า พวกนั้นเป็นใคร ทำไมถึงต้องตามลักพาตัวฉันขนาดนี้ มีใครอยู่เบื้องหลังรึเปล่า ต้องจับตัวการให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่หายวิตกแน่”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบ และกล่าวปลอบโยนไปว่า
“อย่ากลัวไปเลย เรื่องนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเอง เธอรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ ฉันจะไปคุยกับหยางหู่ก่อนแปปนึง เดี๋ยวไปส่งเธอที่บ้าน”
อู๋ซินพยักหน้าเล็กน้อย และนั่งรอบริเวณนั้น
จ้าวเฉียนตรงไปหาหยางหู่และกล่าวอธิบายว่า
“ตำรวจคงจะมาถึงในเร็วๆ นี้ นายรีบลากพวกมันออกไปก่อน ถ้าขัดขื่นก็จัดการได้เลยเต็มที่ แค่อย่าให้ตายก็พอ แล้วเค้นความจริงจากปากพวกมันให้ได้ว่า ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เข้าใจไหม?”
หยางหู่พยักหน้ารับคำสั่งในทันใด และตอบกลับไปว่า
“เข้าใจแล้วครับคุณชายจ้าว ไม่ต้องกังวล ผมรู้ดีว่าควรทำอะไรต่อจากนี้”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบและรีบวิ่งไปหาอู๋ซิน พาเธอขึ้นแท็กซี่และจากออกไป
หลังจากที่ส่งอู๋ซินถึงบ้าน จ้าวเฉียนก็ต่อสายโทรหาหยางหู่และถามว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน พอรู้พิกัดที่อยู่ จ้าวเฉียนก็รีบไปที่นั้นทันที
ปัจจุบัน คนพวกนั้นถูกหยางหู่กระทืบปางตาย ใบหน้าบวมเละแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ถึงขั้นที่ว่าต่อให้เป็นแม่พวกเขามาเห็นก็ยังจำหน้าลูกไม่ได้ ทว่าในท้ายที่สุดนี้ พวกเขาก็ยังปากแข็งไม่บอกว่าใครคือตัวการ
ทางตำรวจเองก็กำลังตามสืบสวนอย่างหนัก เพื่อค้นหาเจ้าของรถสปอร์ตที่หายไป ตอนนี้จ้าวเฉียนกำลังแข่งกับเวลา และทุกวินาทีไม่อาจเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ลูกน้องหยางหู่ไปหยิบค้อนมา จากนั้นก็หวดอัดกกหู่ของหนึ่งในพวกนั้นไปทีหนึ่งเต็มวงสวิง
“อ๊ากก! อ๊ากกก!! ….”
ห้าปีที่แล้ว จ้าวเฉียนคือทายาทมหาเศรษฐี ที่ทำตัวต่ำสถุลยิ่งกว่าหยางหมิงไม่รู้กี่ร้อยเท่า ทั้งเสพยา ข่มขื่นผู้หญิง ทรมานผู้คน อีกฝ่ายเทียบเขาไม่ติดฝุ่นด้วยซ้ำ ถ้าจะพูดให้ถูก…ไม่สามารถสรรหาคำไหนมาอธิบายความเลวทรามของจ้าวเฉียนในอดีตได้เลย
จ้าวเฉียนเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า
“ฉันไม่อยากเสียเวลากับพวกแกนัก ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แค่พูดมาก็จบ อย่าให้ฉันต้องลงมือเลย กลัวพวกนาย…เจ็บน่ะ”
ชายคนนั้นที่โดนจ้าวเฉียนหวดค้อนอัดกกหู่ มึนหัวอย่างหนัก แต่ก็ยังเล่นลิ้นไม่หยุดว่า
“ไม่…ไม่มี…ก็นังนั่นสวยขนาดนั้น ใครๆ ก็อยากได้ ก็เลยอยากจับมันมาลงแขก ทำไมวะ? แกจะทำอะ-…”
“ปังงง!!”
เสียงค้อนทุบกระแทกพื้นดังลั่น จ้าวเฉียนทุบมือข้างหนึ่งของชายคนนั้นอัดพื้นไม่มีปราณี จนกระดูกแหลกละเอียด!
“อ๊ากกก อ๊ากกกก!!!”
พวกพี่น้องทั้งหมายของหยางหมิงต่างหวาดผวาจัด เนื้อตัวสั่นเทาราวกับจับไข้ พวกเขาที่เหลือรีบจัดท่าคุกเข่าก้มหัวให้ ทั้งยังขอขมาจ้าวเฉียน น้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด หากต้องถูกทรมานแบบนี้ ร่างกายของพวกเขาไม่สามารถทานทนได้ไหวแน่นอน
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มกว้างให้พวกเขา และเอ่ยถามน้ำเสียงเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า
“พอดีฉันไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่น่ะ ใครคือคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้? อืม…ทำไมขาพวกนายสั่นแบบนั้น? ให้ฉันช่วยแล้วกัน”
คล้อยหลังพูดจบ จ้าวเฉียนก็ดึงขาขวาของชายคนหนึ่งให้เหยียดตรงแนบกับพื้น จากนั้นก็หวดค้อนฟาดไปที่หัวเข่าสุดแรง เสียงกระดูกแตกดัง ‘กร๊อก’ ดังลั่นไปทั่วบริเวณ ชายคนนี้ที่เสียขาไปแล้วข้างหนึ่ง อาจต้องกลายมาเป็นคนพิการตลอดชีวิตอย่างช่วยไม่ได้
กร๊อก…แกร๊ก…
จ้าวเฉียนใช้นิ้วโป้งค่อยๆ บดขยี้บริเวณหัวเข่าที่แตกละเอียดอย่างช้าๆ อีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ใครฟังต่างก็รู้สึกเวทนาไปตามๆ กัน
จ้าวเฉียนเอ่ยตามต่อพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มว่า
“เจ็บมากใช่ไหม? ถ้างั้นก็บอกมาสิว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เข่าแตกไปแค่ข้างเดียวเอง ยังไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่…ถ้ายังปากแข็งอีกล่ะก็ ฉันจะทำให้นายต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต เอาล่ะ ฉันจะนับถึงสาม หนึ่ง…”
“ขอร้องเถิด…ได้โปรด…”
จ้าวเฉียนยังคงฉีกยิ้มกว้าง นับต่อโดยไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น
“สอง…”
“ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังจริงๆ ปล่อยผมไปเถิด ปล่อยผมไปเถิด ฮือออ…”
จ้าวเฉียนนับอีกครั้ง
“สาม…”
“ปังงง!!”
“อ๊ากกกก…!!!”