ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่51เดิมพัน
ตอนที่51เดิมพัน
หยางหมิงเห็นว่าทุกคนต่างเข้าประจบประแจง เลียแข้งเลียขาเขา ทว่าจ้าวเฉียนยังคงยืนนิ่งไม่ปริปากกล่าวอะไรสักคำ ก็อดหาเรื่องไม่ได้จริงๆ
“จ้าวเฉียน ทำไมนายยังเสนอหน้าอยู่ที่นี่อีกล่ะ? หรือจะรอจนกว่าผลการประมูลจะประกาศ ซ้ำเติมให้นายผิดหวัง?”
จ้าวเฉียนเหลือบมองหยางหมิง ประกบแววตาแสนเย้ยหยัน เอ่ยตอบไปว่า
“พอดีฉันเป็นคนไม่เชื่ออะไรจนกว่าจะเห็นด้วยตาตัวเองน่ะ ใครๆ ก็พูดได้ว่าจะชนะ ฉันไม่เชื่อคำพูดของนาย”
“โง่! แกนี่มันโง่ดักดานจริงๆ! เป็นแค่ผู้บริหารบริษัทกระจอกแห่งหนึ่ง ยังกล้าตีตัวทัดเทียมกับฉันอีกเหรอ?”
หยางหมิงพูดจบ เขาก็เขยิบตัวเข้าไปใกล้จ้าวเฉียนพร้อมกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาว่า
“กูจะบอกอะไรให้นะ กูเพิ่งไปมอบของขวัญให้กับผู้รับผิดชอบงานประมูลนี้ไปเอง ซึ่งเป็นของที่คนอย่างมึงไม่มีปัญญาหาซื้อด้วยซ้ำ! กูได้เอกสารสัญญาโปรเจคนี้นานแล้ว ส่วนงานประมูลที่จัดขึ้นก็แค่ฉากบังหน้า ให้ไอ้พวกโง่ๆ อย่างมึงติดกับไงล่ะ ทีนี่เข้าใจถึงความห่างชั้นระหว่างเรารึยัง? เลิกอวดดีได้แล้วไอ้ขยะ!”
จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นโมโหอย่างมากเมื่อได้ยิน กัดฟันกรนเสียงเย็นคำโตพร้อมถามไปว่า
“นี่แกกล้าใช้วิธีสกปรกแบบนี้ได้ยังไง? ทุกคนต่างมาที่นี่เพื่อแข่นขันกันอย่างยุติธรรม ต่อให้ชนะไปแกก็ไม่น่าภูมิใจหรอก!”
หยางหมิงเห็นอีกฝ่ายโกรธเป็นฝืนเป็นไฟก็ยิ่งพอใจเข้าไปใหญ่ เอ่ยตอบพร้อมเสียงหัวเราะขึ้นว่า
“ทำไม? ก็ฉันมีเงินเหลือกินเหลือใช้หนิหว่า อีกอย่าง…จำใส่กะโหลกแกไว้ซะ ฉันมีเส้นสายไม่น้อยในบริษัทซิงหยวน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปบริษัทของฉันจะร่วมมือกับทางนั้นอย่างเป็นทางการ โอ้ลืมไปเลย…ส่วนโปรเจคเกมที่บริษัทแกพัฒนาร่วมกับทางนี้ อีกไม่นานก็จะกลายเป็นของฉันเช่นกันในอนาคต การจะกลั้นแกล้งบริษัทกระจอกๆ แบบแกมันง่ายเกินไปสำหรับฉัน แค่กระดิกตีนทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว! ฮ่าฮ่าๆๆ …”
จ้าวเฉียนยังแสร้งทำเป็นเดือดจัด หันหน้าควับไปทางอื่นและจากไปพร้อมสีหน้าบูดบึ้ง
เจียงเสี่ยวปิงที่เห็นภาพฉากเหล่านี้ก็สุขอกสุขใจยิ่งยวด แต่โดยผิวเผินเธอก็กล่าวปลอบใจเขาเป็นมารยาทไปว่า
“เอาน่า ในเมื่อรู้ตัวว่าเราแพ้แล้ว ก็ไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อไป โชคร้ายดันมาเจอคู่แข่งระดับนี้ ถึงแพ้ก็ไม่มีอะไรให้เสียใจหรอก”
จ้าวเฉียนเหลียวศีรษะกลอกตาใส่เธอทันที
“นี่นาย…ทำไทนายถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนี้? ที่ฉันพูดไปมันก็จริงไม่ใช่เหรอ?”
“ฮ่าฮ่า…เธอปิดปังฉันไม่ได้หรอกนะ เจียงเสี่ยวปิง ฉันขอเตือนอีกครั้ง นอกเสียจากหวังเฉียง ฉันไม่อนุญาตให้เธอไปข้องเกี่ยวกับชายคนอื่น ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแน่นอน ฉันยังมีเงินสำรองอยู่ก้อนใหญ่ ถ้าคั่นเนื้อคั่นตัวนัก ฉันจะจ้างหยางหู่และลูกน้องของเขาจับเธอมาทำเมียซะให้เข็ด! ถ้าฉันเป็นเธอคงอยู่เฉยๆ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองโดยไม่จำเป็น”
เจียงเสี่ยวปิงผงะไปชั่วขณะ เธอรีบเถียงกลับทันทีว่า
“นี่นายกำลังพูดบ้าอะไร? นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันพบเขา แล้วทำไมต้องพูดให้ฉันดูด่างพร้อยด้วย! อย่ามาใส่ร้ายฉันส่งเดชนะ พอรู้ตัวว่าไม่ได้โปรเจคนี้ ก็ระบายอารมณ์ใส่ฉันเหรอ?!”
“ฮิฮิ…จริงหรือเท็จย่อมรู้อยู่แก่ใจ ฉันเตือนแล้วนะว่า อย่าหาความเดือดร้อนใส่ตัวเองดีกว่า ไม่อย่างนั้น…ก็อย่าโทษฉันว่าเลือดเย็น”
เจียงเสี่ยวปิงปั้นหน้ามึนงงอย่างมากและเอ่ยถามไปว่า
“หวังเฉียงมันแย่งฉันไปจากนาย นายก็ควรเกลียดมันไม่ใช่รึไง? แล้วทำไมยังขอให้ฉันอยู่กับมันแบบนี้อีก?”
“ก็ผู้หญิงเลวๆ อย่างเธอเหมาะสมแล้วที่จะอยู่กับผู้ชายเลวๆ อย่างเขา แล้วในเมื่อเธอรักเขามาก ฉันก็ทำให้สมความปรารถนาแล้วนี่ไง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เธอจะได้อยู่กับเขาตลอดไปจนวันตาย เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า จะเอายังไงดีกับงานประมูลนี้?”
เจียงเสี่ยวปิงยืนเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ในปัจจุบันจ้าวเฉียนแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอจะจัดการได้แล้ว แถมหวังเฉียนที่ต้องกลายมาเป็นพนักงานทำความสะอาดก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ยิ่งเธอถูกบังคับข่มขู่มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องรีบปลีกตัวไปหาหยางหมิงโดยเร็วที่สุด การจะสามารถปราบปรามจ้าวเฉียนได้ มีแต่ต้องพึ่งพาอำนาจอิทธิพลของหยางหมิงแล้วเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม บนผิวเผินเธอย่อมไม่กล้าเผชิญหน้ากับจ้าวเฉียนโดยตรง ดังนั้นเธอจึงแทรกทำเป็นว่าง่ายแต่โดยดีและตอบเสียงแผ่วว่า
“ฉันเข้าใจแล้ว ทีหลังอย่ามาขู่ให้ฉันตกใจอีกก็พอ”
ไม่นานนัก งานประมูลก็เริ่มต้นขึ้นโดยมี หยางเสวี่ยฉิง ผู้ช่วยของกัวหมิงต้ามาเป็นผู้รับผิดชอบการประมูลครั้งนี้
“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่ซิงหยวน ทุกคนมาที่นี่เพื่อเข้าประมูลโปรเจคเกมใหม่ของทางเรา ดังนั้นแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ดิฉันขอเข้าเรื่องเลย บริษัทของเราคือคติความยุติธรรมเป็นหลัก ทางเราได้ตรวจสอบเอกสารเสนอราคาทุกฉบับโดยละเอียดดีแล้ว จากทั้งหมดทางเราจำเป็นต้องเลือกหนึ่งบริษัทเท่านั้นที่เหมาะสมที่สุดเพื่อพัฒนาเกมดังกล่าว”
เมื่อหยางเสวี่ยฉิงพูกดมาถึงจุดนี้ เธอก็หยุดชะงักชั่วขณะและเปิดผนึกซองเอกสารออกมา ซึ่งภายในนั้นคือเอกสารเสนอราคาของบริษัทที่ชนะการประมูล
หยางหมิงเอนกายลงบาเบาะพร้อมสีหน้าเรียบเฉย เหลือบมองผู้คนรอบข้างเล็กน้อยอย่างมีนัยยะ ซึ่งคนพวกนั้นก็ยังประจบประแจงเขาไม่ขาดสาย แสดงความยินดีที่เขาได่รับโปรเจคนี้ไปพัฒนา และอวยพรให้เขาผูกมิตรกับบริษิทซิงหยวนได้สำเร็จ
รับฟังคำเยินยอของผู้คนจากบริษัทอื่นๆ หยางหมิงก็แทบลอยประดุจว่าตัวเองคือพระเจ้า เขาใช้หางตาเหลือบมองจ้าวเฉียนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและกล่าวเยาะว่า
“บริษัทฉันเพิ่งต่อตั้งมาได้ไม่นาน แต่นายกลับแพ้หมดท่า ไม่รู้สึกสมเพชเลยเหรอ?”
จ้าวเฉียนสาดสายตาใส่หยางหมิงอย่างไม่แยแสนัก ราวกับเขากำลังมองคนโง่ รอยยิ้มกระตุกขึ้นบนมุมปาก กล่าวตอบไปว่า
“ยังไม่ประกาศผลสักหน่อย นายรู้ยังไงว่าตัวเองจะชนะ? ตอนนี้ทุกบริษัทล้วนมีโอกาสทั้งนั้น แค่เขาไม่ได้แหกปากโวยวายแบบนาย!”
หยางหมิงตะคอกสวนกลับทันทีอย่างเย็นชา
“เหอะ เหอะ… ให้ตายเถอะ แกนี่มันหน้าด้านไร้ยางอายเกินไปแล้ว แกรู้หรือเปล่าว่าทุกคนต่างหลีกทางให้ฉันหมดแล้ว มีแต่ที่โง่ดักดาน ไม่สิ…คงรู้อยู่แกใจดีแล้วว่าตัวเองต้องแพ้ แต่ก็ยังกระเสือกกระสนอยู่ได้ น่าสมเพชจริงๆ!”
ท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนยังคงดูมั่นใจ เขาเอ่ยตอบไปว่า
“ไม่เลย ฉันคิดว่าบริษัทของเรายังมีโอกาสชนะ ในเมื่อผลลัพธ์ยังไม่ออก ฉันก็ไม่มีทางเชื่อว่านายจะชนะ”
สีหน้าของหยางหมิงเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ อัดแน่นไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“จริงเหรอ? แกมั่นใจขนาดนั้นเลย? ได้! ถ้ากล้านักหนาทำไมพวกเราถึงไม่เดิมพันกันหน่อยล่ะ? ถ้าฉันชนะ แกต้องคุกเข่าลงต่อหน้าทุกคนและขอโทษฉัน! แต่ถ้านายชนะ ฉันจะคุกเข่าและโศกศีรษะสามครั้งแทบเท้านาย! ว่าไง? กล้าเดิมพันกับฉันไหม?”
เกมนี้ที่ล็อกตัวผู้ชนะอยู่แล้ว จ้าวเฉียนไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลัวเลย เขาลุกขึ้นพรวดกลางงานประมูลและหันไปพูดกับหยางเสวี่ยฉิงว่า
“คุณหยางครับ กระผมขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ?”
หยางเสวี่ยปิงยิ้มพร้อมพยักหน้าตอบ อนุญาตให้จ้าวเฉียนดำเนินการตามส่วนตัว
จ้าวเฉียนกล่าวขอบคุณเธอและตะโกนเสียงดังลั่น ป่าวประกาศกับทุกคนในหอประชุมว่า
“ทุกคนครับ กระผมจ้าวเฉียนถูกส่งมาโดยฟางนี่ นายน้อยหยางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า โปรเจคนี้ต้องเป็นของเขาเท่านั้น แต่ผมคิดว่าบริษัทของนายน้อยหยางก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าบริษัทซิงหยวน ดังนั้นจึงไม่มีอำนาจกดดันวงในได้ ผมจึงแย้งบอกไปว่า ตราบใดที่ยังไม่ประกาศผล ทุกบริษัทยังมีโอกาสชนะ แต่นายน้อยหยางของเราก็มั่นใจซะเหลือเกิน จนท้าเดิมพันกับผมว่า ถ้าเขาชนะ ผมต้องขุกเข่าขอโทษเขาต่อหน้าทุกคน แต่หากผมชนะ เขาจะยอมคุกเขาและโขกศีรษะแทบเท้าผมสามครั้ง ซึ่งผมก็ขอรับคำท้า ทุกท่านที่อยู่ในหอประชุมแห่งนี้โปรดเป็นพยานให้พวกเราสองด้วย!”
พอมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นในระหว่างการประมูลให้รับชม ทุกคนล้วนเต็มใจเห็นพ้องต้องกัน ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายหนึ่งยังเป็นหยางหมิงแห่งเฟยอวี่กรุ๊ป ทุกคนจึงยิ่งสนใจกันเข้าไปใหญ่
ถ้าหยางหมิงแพ้ เขาจะกล้าคุกเขาโขกศีรษะต่อหน้าทุกคนหรือไม่? แล้วจ้าวเฉียนคนนี้จะกล้าทำตามที่เดิมพันไหม?
“ทำไมพวกเราต้องเป็นพยานให้คุณด้วย? งานประมูลครั้งนี้ก็รู้ผลกันอยู่แล้วว่าใครเป็นฝ่ายชนะ? เลิกก่อความวุ่นวายได้แล้ว!”
“ถูกต้อง! พวกเราที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงาการเกม ยังไม่อยากแข่งกับนายน้อยหยางเลย แล้วคุณเป็นใครถึงกล้าขัดแข้งขัดขาเขา?”
“นายน้อยหยาง พวกเราจะคอยสนับสนุนคุณเอง!”
“ใช่แล้ว พวกเราจะเป็นพยานให้นายน้อยหยาง ยังไงนายน้อยหยางก็ต้องชนะอยู่แล้ว!”
ยังมีคนอีกกลุ่มนี้ที่ประจบชนิดที่ว่าเลียยันวินาทีสุดท้าย พวกเขาต่างให้ท้ายหยางหมิงกันยกใหญ่
หยางหมิงลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมโค้งศีรษะให้พวกเขาเหล่านั้น และกล่าวขอบคุณทุกคนว่า
“กระผม หยางหมิงต้องขอขอบคุณทุกคนมา ณ ที่นี้ หากในอนาคตมีโอกาส กระผมเองก็อยากจะร่วมมือกับพวกคุณสักครั้งในอนาคต โปรดเป็นพยานให้ผมด้วย เจ้าหมอนี่ต้องคุกเข่าแทบเท้าผม! คุณหยางประกาศผลเลย!”
หยางเสวี่ยฉิงพยักหน้าตอบและป่าวประกาศทันทีว่า
“ทุกท่านโปรดลดเสียง และขอประกาศก่อนใน ณ ที่นี้ว่า ทางบริษัทซิงหยวนไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างใดกับการเดิมพันระหว่างคุณจ้าวและคุณหยาง ทั้งยังไม่ต้องการเข้าไปยุ่งในกิจส่วนตัวของคนอื่น ดิฉันจะประกาศผลการเสนอราคาแล้ว หวังว่าทุกคนจะเคารพต่อการตัดสินใจของทางเรา”
เว้นเสียแต่จ้าวเฉียนและหยางหมิง ทุกคนในหอประชุมแห่งนี้ยังคงรักษาความสงบ และรอให้หยางเสวี่ยฉิงประกาศผลอย่างเงียบงัน