ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่56 เก็บความเสียใจไปชั่วชีวิต
ตอนที่56 เก็บความเสียใจไปชั่วชีวิต
โดยปกติสำหรับคู่รักที่เลิกรากันไป จ้าวเฉียนควรหาหนทางช่วยเจียงเสี่ยวปิง แต่อย่างไร เธอทั้งทรยศหักหลังเขาเพียงเพื่อเงิน แถมยังเป็นฝ่ายล่อลวงหยางหมิงเพื่อยืมมือจำกัดเขาอีก คนสันดานแบบนี้ไม่สมควรที่จะช่วยเหลือแล้วจริงๆ
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว จ้าวเฉียนก็ตัดสินใจที่จะเมินเฉยและไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆแก่เจียงเสี่ยวปิง ที่เธอมาถึงขั้นนี้ได้เพราะความเห็นแก่ตัวล้วนๆ ไม่สามารถโทษจ้าวเฉียนหรือแม้แต่ตัวหยางหมิงเองได้
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หยางหู่ก็ต่อสายตรงโทรเข้ามา
“คุณชายจ้าว ผมอัปโหลดเสร็จแล้ว ตราบใดที่คลิปวีดีโอดังกล่าวถูดเผยแพร่หรือส่งมอบให้ตำรวจ หยางเฉิงไม่สามารถเข้าปกป้องหยางหมิงได้แน่นอน”
“โอเค! นายไปจัดแจงมาให้เรียบร้อยและส่งให้ฉันพรุ่งนี้”
“ครับผม”
หลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมง หยางหมิงก็โทรมาหาจ้าวเฉียนว่า
“เห้ออ…จัดการเรียบร้อยแล้ว ฉันว่าพวกมันคงไม่มีทางลืมเรื่องในคืนนี้ได้ลงตลอดชีวิตแน่นอน แล้วแกจะส่งคลิปวีดีโอคืนฉันเมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้เวลาเที่ยงตรง ฉันจะรออยู่ชั้นล่างบริษัท นายมาเอาเลยทั้งคลิปวีดีโอและหลักฐานทั้งหมด”
“เออ อย่าลืมทำตามสัญญาล่ะกัน แล้วอย่าให้รู้นะว่าแกสำรองข้อมูลเผื่อไว้น่ะ!”
“ฮ่าฮ่า…ไม่ต้องห่วง ฉันจ้าวเฉียนพูดคำไหนคำนั้น คนอย่างฉันไม่สำรองข้อมูลเผื่อไว้แน่นอน”
หยางหมิงฮัมเพลงแสนสุขใจพลางวางสายมือถือลง
เห็นว่าเป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว จ้าวเฉียนจีบรีบเปิดดูไลฟ์สดของอู๋ซินทันที
“ทุกคน ฉันมีอะไรจะบอกด้วยแหละ คือ…ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันไม่สามารถมาไลฟ์สดได้ตามปกติอีกแล้ว แต่เมื่อไหร่ที่ว่างฉันจะรีบกลับมาหาทุกคนนะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงอู๋ซิน ทุกคนต่างพิมพ์ถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆถึงเป็นแบบนี้ไปได้
“ฮิฮิ…บริษัทของฉันอนุมัติให้ฉันเริ่มถ่ายทำหนังอย่างเป็นทางการน่ะ”
แทบจะในทันใด บริเวณช่องสนทนาแทบแตกราวกับเขื่อนกั้นน้ำ
“555 ไอดอลซินของเรากำลังจะไปถ่ายหนังแล้ว!”
“แล้วเล่นกันใครเหรอ?”
“ใครเป็นตัวเอก? หวู่หยานซู?”
……….
อู๋ซินรีบตอบกลับไปทันทีว่า
“เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ ผู้กำกับยังไม่อนุญาตให้เปิดเผยต่อสื่อทุกช่องทาง แต่ฉันคิดว่าทางต้นสังกัดน่าจะออกมาประกาศในเร็วๆนี้ เนื่องจากได้ข้อสรุปกันแล้วว่าจะทำเป็นหนังซีรีย์ โดยกำลังจะเริ่มถ่ายทำซีซั่นแรกจำนวน20ตอน ผู้กำกับบอกไว้ว่า การถ่ายทำน่าจะเสร็จสิ้นภายในหนึ่งเดือน หลังจากนี้ก็จะออกอากาศทางช่องทางออนไลน์ ทันทีที่ผู้กำกับอนุญาตให้ฉันโปรโมท ฉันจะรีบมาแจ้งให้ทุกคนทราบโดยเร็วที่สุด”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มกว้าง และเริ่มกดส่งของขวัญทันที
“พี่เฉียนมอบจรวดX1,X2…X100…..”
ทันทีที่เห็นว่าพี่เฉียนเปย์จ่ายให้เธอต่อเนื่องไม่หยุด ช่องสนทนาก็ยิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้นเข้าไปใหญ่
“555 พี่เฉียนของเรามาแล้ว!”
“ไอดอลซิน ถ้าในอนาคตมีจัดแฟนมีตติ้งเมื่อไหร่ พวกเราอยากเจอพี่เฉียนสักครั้ง!”
“ใช่เลยๆ!”
“เขาคือผู้มีพระคุณของพวกเราทุกคน!”
แทบจะในทันใด อู๋ซินกล่าวขอบคุณพี่เฉียนโดยทันทีว่า
“ขอบคุณพี่เฉียนสำหรับของขวัญพวกนี้ อันที่จริงฉันเองก็อยากจัดงานแฟนมีตติ้งบ้างเหมือนกัน แต่เนื่องจากความเป็นส่วนตัวของฉันต้องถูกจำกัดเอาไว้ในระดับนึง จึงไม่สามารถทำได้ หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นจริงๆ ผลเสียที่ตามมาอาจเลวร้ายกว่าที่คิดและอาจเกินกว่าที่ฉันควบคุมได้”
พอได้ยินแบบนั้น เหล่าแฟนคลับก็ต่างขอให้พี่เฉียนออกมาจัดงานแฟนมีตติ้ง โดยจัดหารสถานที่ที่เหมาะสมและจ้างคนมาจัดการความเป็นระเบียบเพื่อความปลอดภัย ถึงอย่างไรพี่เฉียนคนนี้ก็รวยมาก ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับเขา
ทุกคนต่างดูกระตือรือร้นกันอย่างมาก จ้าวเฉียนเองก็ไม่เก้อเขินที่จะตอบกลับไปว่า
“นี่ไม่ใช่ปัญหาเลย ฉันจะลองติดต่อหาผู้รับผิดชอบแพลตฟอร์มดังกล่าว เพื่อขอให้พวกเขาจัดงานแฟนมีตติ้งให้กับอู๋ซินสักครั้ง แต่ถ้าทางนั้นไม่เห็นด้วย ผมจะถอนตัวออกจากเรื่องดังกล่าวทันที”
ทุกคนเริ่มพิมพ์ตอบกลับไปว่า พวกเขาดีใจอย่างมากที่พี่เฉียนคิดริเริ่มแบบนี้และทางแพลตฟอร์เองก็น่าจะเห็นด้วยกับคำขอจากมหาเศรษฐี งานแฟนมีตติ้งต้องเป็นจริงดั่งฝันแน่นอน
หลังจากไลฟ์สตีมสิ้นสุดลง จ้าวเฉียนก็ดึงหงซิ่วเข้าในWeChatของหยวนมี่ เพื่อเริ่มคุยแบบกลุ่มสนทนา
“ฉันจะให้พวกเธอทั้งสองคนประสานงานกัน ไปหาสถานที่จัดงานแฟนมีตติ้งให้อู๋ซิน”
หยวนมี่ส่งข้อความตอบกลับมาทันทีว่า
“ช่วงนี้ซีรีย์เองก็กำลังจะเข้าสู่ช่วงโปรโมตแล้วเหมือนกัน ดีเลย ฉันจะจัดแฟนมีตติ้งให้เธอเอง”
จ้าวเฉียนทักเรียกหงซิ่วและส่งข้อความหาว่า
“เบต้าตัวเกมใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แบบแล้ว แก้บัค[1]อีกนิดหน่อยก็สามารถเปิดให้บริการได้แล้วในเร็วๆนี้ ทางแพลต์ฟอร์มเตรียมประชาสัมพันธ์เกมได้เลย”
หงซิ่วพิมพ์ตอบกลับมาทันที
“รับทราบค่ะ ดิฉันขอให้แผนกกราฟฟิกทำภาพโปรโมตเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ดิฉันจะเริ่มทำการโปรโมตในแบนเนอร์[2]และหน้าแรกของเว็บไซต์แพลตฟอร์มทันที”
พอได้ยินแบบนั้นจ้าวเฉียนก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก และขอให้ทั้งสองพักผ่อนตามอัธยาศัย ส่วนเขาก็หลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวเฉียนเดินทางมาถึงบริษัทเกือบเที่ยงพอดี ทว่าทันทีที่เขาเข้ามาในออฟฟิศ บรรดาเพื่อนร่วมงานก็แห่กันมารายงานกับเขาว่า หวังเฉียงกับเจียงเสี่ยวปิงขาดงานกระทันหันโดยไม่มียื่นใบลามาเลย
เมื่อคืนทั้งคู่คงโดนหยางหมิงซ้อมหนัก สภาพน่าจะครึ่งเป็นครึ่งตาย คงน่าแปลกมากกว่าหากพวกเขายังสามารถเดินทางมาทำงานไหว
“เข้าใจแล้ว ฉันจะโทรไปถามเองว่าเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวฉันจัดการเอง พวกนายไปกลับไปทำงานกันเถอะ”
หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็เข้าไปนั่งในห้องทำงานของตน พร้อมโทรหาหวังเฉียงโดยตรง แต่นี่ก็หลายสายแล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่รับ เขาจึงสันนิษฐานได้ว่า หวังเฉียงคงอาการสาหัสน่าดีจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติขึ้นมา
จ้าวเฉียนจึงโทรไปหาเจียงเสี่ยวปิงแทน และสายก็ติดในทันที
เพียงคำแรก เจียงเสี่ยวปิงก็อ้าปากกรนด่าสาปแช่งปลายสายไม่หยุดหย่อน
“ไอ้บัดซบจ้าวเฉียน แกยังมีหน้าโทรหาฉันอีกเหรอ?! แกนี่มันเลือดเย็นเกินมนุษย์ไปแล้วจริงๆ! แม้ในอดีตฉันจะเคยทำให้นายเสียใจแค่ไหน แต่แกก็ไม่ควรโหดร้ายกับฉันขนาดนี้!! อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน…หรือแกเสียสติไปแล้ว?”
จ้าวเฉียนเองก็ไม่สุภาพเช่นกัน พร้อมเอ่ยตอบไปตามตรงว่า
“แล้วใครใช้ให้พวกเธอไปหาอีกฝ่ายเมื่อคืนล่ะ? ได้ข่าวว่าก็นัดกันเองไม่ใช่เหรอ? ที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็โทษใครไม่ได้นอกจากต้องโทษตัวเอง ฉันเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำแบบที่เธอคิด แต่กลับเป็นตัวเธอเองที่หวังใช้ประโยชน์จากหยางหมิง”
เจียงเสี่ยวปิงรู้สึกสะท้อนใจไม่น้อย เธอยังกล่าวว่า
“ถ้าแกไม่จองล้างจองผลาญพวกฉัน ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้! ทำไมแกถึงต้องทำกับพวกเราขนาดนี้? เพื่ออะไร?”
“น่าตลกดีนะ เหมือนกับว่าเธอฆ่าพ่อฉัน แล้วตอนนี้ก็มาขอร้องให้ฉันยกโทษ? จำไม่ได้เลยเหรอว่าแต่ก่อนเธอทำอะไรกับฉันไว้บ้าง ทั้งหลอกเอาเงิน ทั้งหักหลังทรยศ เลิกพล่ามไร้สาระกันดีกว่า ฉันจะโทรมาบอกเธอว่า รีบกลับมาทำงานได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะหักเงินเดือน!”
เจียงเสี่ยวปิงทุกข์ระทมใจสุดขีด เธอเอ่ยปากสาปแช่งอีกฝ่ายด้วยความแค้นว่า
“ใจแกมันเหี้ยมเกินมนุษย์แล้วใช่ไหม? ตอนนี้ฉันนอนอยู่โรงพยาบาล จะทำงานแม่แกเถอะ! จ้าวเฉียน แกจำไว้เลย ฉันจะไม่มีวันให้อภัยแกตลอดชีวิต ตราบเท่าที่ฉันยังมีลมหายใจ แกจะต้องรับผลกรรมที่ก่อไว้! ฉันจะมีชีวิตต่อไปเพื่อฆ่าแก!”
จากนั้นเธอก็ตัดสายทิ้งทันทีพร้อมกรนเสียงสาปส่งต่อไม่หยุดหย่อน ดูท่าเธอยังแข็งแกร่งดี อาการบาดเจ็บไม่ได้ร้ายแรงนัก
ไม่นาน หยางหมิงก็โทรมาหาจ้าวเฉียนและบอกว่า เขารออยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทแล้ว
จ้าวเฉียนมีคลิปวีดีโอใหม่แล้วที่สามารถเอาผิดหยางหมิงได้ตามข้อกฎหมาย ดังนั้นคลิปวีดีโอที่เกิดขึ้นในห้องน้ำโรงแรมจึงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ดังนั้นจ้าวเฉียนก็ยอมมอบคืนให้อีกฝ่ายแต่โดยดี
หยางหมิงเอ่ยถามด้วยความกังวลว่า
“แกแน่ใจแล้วใช่ไหมว่า ไม่มีสำรองข้อมูลไว้ที่อื่น?”
จ้าวเฉียนยิ้มและตอบไปว่า
“ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก คิดว่ามีก็มี คิดว่าไม่มีก็ไม่มี”
ต่อหนึ้คำกล่าวอันแสนกำกวมของจ้าวเฉียน หยางหมิงเริ่มมึนงงขึ้นมาทันใด และเอ่ยถามต่อทันทีว่า
“นี่แกหมายความว่ายังไง? บอกฉันให้ชัดเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยแกไปแน่!”
ทว่าเวลานั้นเอง มือถือของจ้าวเฉียนก็ดังขึ้น ปรากฏว่าเป็นหยวนมี่ที่ต่อสายเข้ามา
จ้าวเฉียนผลักร่างหยางหมิงออกไปให้ห่าง และเดินมาหลบมุมหนึ่งเพื่อรับสาย
“ฮาโหล ว่าไงหยวนมี่?”
“ประธานจ้าว มีนายหญิงจากฮวาหยิน กรุ๊ป หวานเจียง มาที่บริษัทเรา เธอต้องการร่วมมือกับเราเพื่อพัฒนาโปรเจค‘ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์’ โดยเธอเสนอซื้อลิขสิทธิ์49% พร้อมจ่ายเป็นเงินสดจำนวน100ล้านหยวน แต่ดิฉันคิดว่าราคานี้ค่อนข้างต่ำ แต่ถ้ายอมให้ความร่วมมือ หนทางเติบโตบนเส้นทางนี้ในอนาคตน่าจะดีขึ้นไม่น้อยเลย”
จ้าวเฉียนยืนขำเล็กน้อย ก่อนเอ่ยตอบไปว่า
“ต้องการซื้อลิขสิทธิ์ตั้งครึ่งหนึ่งในราคาแค่100ล้านหยวน? เธอโลภเกินไปแล้วมั่ง บอกไป500ล้านสำหรับสิทธิ์การฉายในช่องทางทั้งหมดที่เธอมี พร้อมกับหุ้น40% ไม่มีการเจรจาใดๆอีกแล้ว นี่คือยื่นคำขาด ถ้าไม่เอาก็ส่งแขกกลับไปได้เลย”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หยวนมี่วางสายไปและเดินกลับไปคุยกับหวานเจียง เพื่อรายงานความตามที่จ้าวเฉียนสั่งการไป
[1]ข้อผิดพลาดทางเทคนิคที่ค้นพบทีหลังเวลารันโปรแกรม
[2] เป็นการวางภาพโฆษณาลงไปบนหน้าเว็บ