ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่57 คุณต้องมาเป็นแฟนผมครึ่งปี
ตอนที่57 คุณต้องมาเป็นแฟนผมครึ่งปี
ทันทีที่จ้าวเฉียนวางสายไป หยางหมิงก็โน้มตัวเขยิบชิดใกล้ในทันที
“จ้าวเฉียน นายไม่ได้สำรองข้อมูลไว้ที่อื่นจริงๆใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนเห็นอีกฝ่ายยื่นหน้าเข้าใกล้ระยะเผาขนก็เริ่มรำคาญ จึงกล่าวตอบไปอย่างไม่ไยดีว่า
“ใกล้ขนาดนี้จูบฉันเลยไหมห่ะ? นี่แกจะถามเรื่องนี้ไปถึงไหน? โอ้จะว่าไป…คนที่นายมีสัญญาหมั้นอยู่คือหวานเจียงจากฮวาหยิงกรุ๊ปรึเปล่า?”
หยางหมิงพยักไหล่ตอบไปว่า
“ก็ใช่ ทำไมแกถามถึงเธอ?”
จ้าวเฉียนยิ้มบางพลางส่ายหัว และเอ่ยตอบกลับไปว่า
“เปล่า แค่อยากถามเฉยๆ แกก็ไสหัวไปได้แล้ว ถ้ากล้าก่อปัญหาอีก ฉันจะจ้างคนมาตามถ่ายแกอีกคอยดู ถึงตอนนั้นต่อให้แกจะขอร้องยังไงฉันก็ไม่ปราณีแน่!”
หยางหมิงไม่กล้าเซ้าซี้จ้าวเฉียนใดๆอีกต่อไป เขาเพียงครุ่นวิเคราะห์คำกล่าวของจ้าวเฉียนโดยละเอียด แต่ก็คิดว่า ในเมื่อจ้าวเฉียนไม่ได้เก็บคลิปสำรองเอาไว้ เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีก และเดินยืดอกจากไปอย่างมั่นใจ
ทันทีที่หยางหมิงเดินขึ้นรถ เจียงเสี่ยวปิงก็โทรเข้ามาหา ซึ่งเขากดปฏิเสธสายไป ทว่าเธอก็ยังโทรจี้ไม่หยุดจนเขาต้องรับในที่สุด
“เมื่อคืนแกยังโดนไม่พอใช่ไหม? หรือจะให้ฉันส่งลูกน้องไปซ้ำจะได้หายคันห่ะ?”
“เมื่อคืนนายบอกว่าจ้าวเฉียนมีคลิปวีดีโออยู่ในมือ จึงขู่บังคับให้นายซ้อมฉันกับหวังเฉียงจริงเหรอ?”
“ใช่ ฉันเพิ่งได้วีดีโอมา มีอะไร?”
“ในเมื่อมันแอบถ่ายคลิปนายได้ แล้วทำไมนายถึงไม่ถ่ายคลิปมันกลับ?”
หยางหมิงระเบิดหัวเราะลั่นและด่าเจียงเสี่ยวปิงไปคำหนึ่งว่า ไร้สมอง จ้าวเฉียนไม่ใช่คนมีชื่อเสียง ทั้งตัวมีแต่ไอ้จ๋อยห้อยติดตัว ต่อให้แบล็คเมลอีกฝ่ายไป ก็ไม่มีผลอะไรกับเขาอยู่ดี
เจียงเสี่ยวปิงรีบอธิบายทันทีว่า
“นายไม่รู้หรอกเหรอว่า ตอนนี้เขามีประธานบริษัทของฉันคอยอุ้มชูอย่างดี ถ้าเราสามารถถ่ายคลิปและเปิดโปงไปว่า เขาแอบไปมีอะไรกับสาวอื่น ประธานบริษัทฉันต้องไล่เขาออกแน่นอน ตราบใดที่มันออกจากบริษัทไปได้ มันก็ไม่เหลือคนคอยหนุนหลังแล้ว ถึงตอนนั้นนายจะแก้แค้นเขายังไงก็ได้ตามต้องการ”
หยางหมิงระเบิดหัวเราะลั่นซ้ำสองและตอบกลับทันทีว่า
“เธอนี่จะโง่ไปถึงไหน? ประธานบริษัทกระจอกแบบนั้น ฉันอยากจะบีบให้ตายตอนไหนก็ได้! ทำไมฉันต้องกลัวหัวหน้าพวกแกด้วย?”
เจียงเสี่ยวปิงลังเลไปครู่ใหญ่ แต่ก็ปฏิเสธที่จะยอมแพ้และเกลี้ยกล่อมต่อไปว่า
“ฉันรู้ดีว่านายมีอำนาจแค่ไหน ถึงนายจะไม่กลัวบริษัทของเรา แต่นายคงไม่กล้ากับบริษัทซิงหยวนแน่นอน เมื่อใดที่ประธานบริษัทของเราออกโรง ทางบริษัทซิงหยวนเองก็ต้องออกโรงตามมาสนับสนุนเช่นกัน เพราะต้องเห็นแก่โครงการความร่วมมือที่มีถึงสองโปรเจคใหญ่ ดังนั้นเราจึงต้องเปลี่ยนเป้าหมาย ให้ฝ่ายนั้นตีกันเอง จะทำยังไงก็ได้ อย่างหาวิธีชะลอความคืบหน้าของโปรเจคทั้งสองที่ร่วมมือกัน หรือทำให้จ้าวเฉียนแตกหักกับประธานบริษัทฉัน ขอแค่นายเคลื่อนไหว จ้าวเฉียนจะต้องหันมาต่อสู้กับทั้งบริษัทฟางนี่และบริษัทซิงหยวน ถึงเวลานั้นมันตายแน่นอน!”
คำวิเคราะห์ของเจียงเสี่ยวปิงค่อนข้างสมเหตุสมผล ในเมื่อจัดการจ้าวเฉียนโดยตรงไม่ได้ ก็ยุให้ซิงหยวนและพวกพ้องเล็งเป้าไปทางจ้าวเฉียนแทน
หยางหมิงเอ่ยตอบไปว่า
“อืม สมเหตุสมผลดี ถ้างั้นบอกฉันทีว่าเธอมีแผนยังไง?”
เจียงเสี่ยวปิงแววตาสว่างวาบพลันรู้สึกดีใจยิ่งยวด และรีบเสนอแผนการไปทันทีว่า
“นายไปหาวิธีซื้อยาปลุกอารมณ์มา ส่วนฉันจะแอบไปใส่ในอาหารที่เขาทานตอนเผลอ จากนั้นนายก็ใช้เงินจ้างผู้หญิงมาสักคน แล้วให้ไปนอนกับเขาจากนั้นก็เตรียมเก็บภาพได้เลย แค่นี้ยังไม่พอเหรอ?”
หยางหมิงระเบิดหัวเราะลั่นในทันใดที่ได้ยิน เขาเคยคิดกับตนเองเสมอว่า ตัวเองนี่ที่สุดแห่งความชั่วแล้ว ทว่ากลับคาดไม่ถึงเลยสักนิด เจียงเสี่ยวปิงคนนี้กลับชั่วและน่ารังเกียจยิ่งกว่าเขาอีก! เรื่องลอบวางยาปลุกอารมณ์อะไรเทือกนั้นไม่เคยอยู่ในสมองเขามาก่อนเลย
แต่นี่ก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน ตราบใดที่สามารถทำให้จ้าวเฉียนแตกหักกับฟางนี่ได้ ในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วที่จะจัดการ
ทั้งสองตัดสินใจเลือกแผนการนี้ในทันที หยางหมิงต่อสายติดต้อเพื่อนของเขาเพื่อขอซื้อยาปลุกอารมณ์ดังกล่าว และเดินทางไปมอบให้เจียงเสี่ยวปิง แต่อย่างไร เธอยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ จึงต้องอดใจรออีกสักพักถึงจะดำเนินการตามแผนได้
ในช่วงเย็น จ้าวเฉียนได้รับสายแปลกๆที่โทรเข้ามาหา โดยนิสัยส่วนตัวเขาไม่ชอบรับเบอร์แปลกหน้า จึงกดวางสายไป
แต่ไม่นานหลังจากนั้น เบอร์แปลกดังกล่วาก็ส่งข้อความมาหาเขาแทน
“ฉันหวานเจียงจากฮวาหยินกรุ๊ป พอดีมีธุระบางอย่างที่ต้องการคุยกับคุณ เจอกันที่โรงแรมตงไห่ ห้องอาหารที่608 ไม่เจอไม่กลับ ฉันจะนั่งรออยู่แบบนี้แหละ”
จ้าวเฉียนตกใจไม่น้อย ทำไมหวานเจียงคนนี้ถึงมีเบอร์ส่วนตัวของเขา? แถมดูแล้วเธอคนนี้จะหัวรั้นไม่ใช่น้อย เขารีบเก็บของออกจากบริษัททันทีและตรงไปยังห้องอาหารที่608ในโรงแรมตงไห่โดยตรง
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…”
จ้าวเฉียนเคาะประตูสามครั้งเป็นมายาท ในไม่ช้าสาวสวยคนหนึ่งในชุดมีสไตล์ ดูก็รู้ทันทีว่าเป็นผู้หญิงที่มีหัวด้านแฟชั่น เปิดประตูต้อนรับเขา
สมแล้วที่ได้ชื่อว่าคุณหนูคนโตแห่งฮวาหยินกรุ๊ป เธอครอบครองความงามชนิดที่ว่าโลกต้องหยุดหมุนไปชั่วขณะอย่างแท้จริง
หลังจากเหลือบสายตากวาดขึ้นกวาดลงอยู่สักครู่ จ้าวเฉียนก็ยิ้มถามว่า
“คุณคือ…คุณหนูคนโตแห่งฮวาหยินกรุ๊ป หวานเจียงใช่ไหมครับ?”
หวางเจียงยิ้มและพยักหน้าตอบว่า
“ฉันเอง ทำไม? ดูไม่เหมือนเหรอ?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวเล็กน้อยและเอ่ยตอบไปว่า ถามเพื่อยืนยันเท่านั้นเป็นมายาท
หวานเจียงเชิญให้จ้าวเฉียนเข้าไป ก่อนล็อกประตูห้อง
“คุณจ้าวเชิญนั่ง”
การที่หวานเจียงพูดแบบนี้ออกมา มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เธอทราบว่าเจ้าของบริษัท จ้าวเก๋อเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็คือจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง จึงเอ่ยไปว่า
“อ่ะแฮ่ม…นี่คงไม่ให้เกียรติกันเกินไปใช่ไหมครับ? คุณเป็นถึงคุณหนูคนโตแห่งฮวาหยินกรุ๊ป แต่กลับเรียกผมว่า คุณจ้าว ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีล่ะครับ?”
หวานเจียงยกมือป้องปากพลางหัวเราะคิกคัก ยิ้มหวานให้พร้อมคำตอบว่า
“เป็นถึงประธานใหญ่ แต่ทำไมถึงชอบทำตัวติดดินแบบนี้ค่ะ?”
“หุหุ…ผมไม่เข้าใจที่คุณหนูพูดหรอกครับ”
“ฉันว่า…มันน่าเบื่อเกินไปหน่อยนะคะที่คุณจ้าวยังคงเล่นบทติดดินแบบนี้ ฉันที่กล้าลงทุนในโครงการมูลค่ากว่าหลายร้อยล้าน ไม่คิดหน่อยเหรอว่า ฉันจะทำการสืบสาวข้อมูลผู้ถือครองบริษัทแห่งนี้มาก่อนล่วงหน้าแล้ว? ที่ฉันขอให้คุณมาในวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ก็แค่อยากคุยกับคุณแบบสองต่อสอง…โดยที่ไม่มีคนกลางหรือหุ่นเชิดของคุณมาคั่นกลาง หวังว่าจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ”
หวานเจียงพูดมาถึงขนาดนี้ จ้าวเฉียนก็ละอายใจเกินกว่าจะเล่นละครต่อไปได้ ดังนั้นเขาจึงตอบไปตามตรงว่า
“โอเคครับคุณหวาน งั้นผมของพูดตรงๆเลย ทุกอย่างที่ผมต้องการก็เป็นไปตามที่หยวนมี่บอกไปก่อนหน้าหมดแล้ว ถ้าไม่สามารถยอมรับข้อเสนอนี้ได้ ผมก็ขอตัว”
หวานเจียงยิ้มเยาะ เอ่ยตอบน้ำเสียงเข้มว่า
“ราคาที่เสนอมาตั้งห้าร้อยล้าน ไม่คิดว่าสูงไปหน่อยเหรอค่ะ?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบว่า
“ไม่สูงเกินไปเลยครับ คุณเองก็น่าจะทราบดีว่า อุตสาหกรรมสื่อมันร้อนแรงขนาดไหนในตอนนี้? คุณที่เน้นทำสื่อภาพยนตร์จอเงิน แม้ว่าช่วงนี้ตลาดดังกล่าวจะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่อย่างน้อยที่สุด หนังเรื่องนี้ก็สามารถคืนทุนให้คุณได้ไม่ยาก”
หวานเจียงไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ของจ้าวเฉียน ถ้าทำได้แค่คืนทุนหรือกำไรเล็กน้อย หลายอย่างที่เสียไปล้วนไม่คุ้มในท้ายที่สุด เธอสามารถจ่ายให้เขาในราคาห้าร้อยล้านได้ แต่นั้นต้องเป็นลิขสิทธิ์ทั้งหมดแบบ100% ไม่ใช่เพียงครึ่งเดียวตามที่ตกลงกัน
จ้าวเฉียนจ่ายเงินไปแค่สามสิบล้านปลายก็ได้ลิขสิทธิ์นิยายเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》มาครอง แต่ตอนนี้กลับขายหุ้นของลิขสิทธิ์เรื่องนี้แค่49%ในราคาตั้งห้าร้อยล้าน เท่ากับเขาได้กำไรส่วนต่างมากถึงสิบเท่าภายในเวลาไม่กี่เดือน แถมยังเหลือสิทธิ์หุ้นอีก51% นี่มันจับปลาสองมือชัดๆ
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มเล็กน้อยและเปลี่ยนเรื่องทันที
“ฉันได้ยินมาว่า คุณมีสัญญาหมั้นกับหยางหมิงแห่งเฟยอวี่?”
สีหน้าของหวานเจียงเปลี่ยนไปทันที เธอเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“ทำไมคุณถึงมาถามเรื่องนี้?”
“เปล่า ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงตาต่ำขนาดนี้ ชอบขยะแบบนั้นลงได้ยังไง?”
“คุณก็บอกเองว่ามันเป็นขยะ แล้วหน้าอย่างฉันเหรอจะไปสนใจมัน? ทั้งหมดเป็นเพราะพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายจงใจคลุมถุงชน”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและพูดต่อว่า
“งั้นก็ดี หยางหมิงอยู่ในบัญชีดีที่ผมต้องกำจัดในไม่ช้าก็เร็ว ไม่สิ…ผมต้องการกำจัดตระกูลหยาง ดังนั้นตอนนี้ ผมไม่ต้องการให้คุณยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม ไม่งั้นอาจต้องผิดใจกันแน่ในอนาคต คงเป็นอะไรที่น่าเศร้าไม่ใช่น้อย”
หวานเจียงเข้าใจในทันทีว่าชายตรงหน้าเธอกำลังหมายถึงอะไร เธอระเบิดหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวถามขึ้นว่า การที่เขากล้าพูดถึงขนาดนี้มันไม่เกินตัวไปหน่อยเหรอ อีกฝ่ายเป็นถึงบริษัทเฟยอวี่ที่โด่งดังอย่างยิ่งในปัจจุบัน ตรายเท่าที่ไม่มีอุบัติเหตุอะไร อีกไม่นานตระกูลหยางจะขึ้นมาติดหนึ่งในรายชื่อบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในประเทศ แล้วบริษัทเล็กๆของจ้าวเฉียนที่เพิ่งก่อตั้งจะเอาอะไรไปสู้ได้?
จ้าวเฉียนส่ายหน้าและเสนอขึ้นว่า
“คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมยืนคำขาด ห้าร้อนล้านแลกกับลิขสิทธิ์นิยายเต็มรูปแบบ แค่ผมมีข้อแม้…คุณต้องมาเป็นแฟนผมครึ่งปี”
หวานเจียงที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธมาก ตบโต๊ะเสียงดังลุกขึ้นพรวดพร้อมใบหน้ามุ่ย สายตาคู่นั้นของเธอจับจ้องไปที่จ้าวเฉียนเย็นชายิ่งกว่าอะไร
ทว่าจ้าวเฉียนยังคงดูสงบสุขุมดังเดิม แถมยังยกมือขึ้นไปพิงกับพนักเก้าอี้ เหลือบมองหวานเจียงด้วยหางตาด้วยความหน่ายใจ