ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่59 ลอบทำร้าย
ตอนที่59 ลอบทำร้าย
เมื่อเห็นว่าระบบเบรกรถเธอไม่ทำงาน ทั้งยังกำลังดันท้ายของรถจ้าวเฉียนต่อไปเรื่อยๆ เธอจึงตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวหักไปชนกับต้นไม้ใหญ่ขอบทาง เพื่อให้รถหยุด
ส่วนรถของจ้าวเฉียนกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร ก่อนที่จะหยุดลง
จ้าวเฉียนไม่เป็นอะไรเท่าไหร่ เขารึบออกมาจากรถและรีบวิ่งไปดึงหวานเจียงออกจากรถทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม?”
หวานเจียงในขณะนี้หวาดกลัวสุดขีดจนหน้าเสีย เธอโผเข้ากอดแขนของจ้าวเฉียนจนแนบแน่น เอ่ยเสียงสั่นคลอนวิตกขึ้นว่า
“ฉัน…เบรครถฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้ เหยียบยังไงก็ไม่หยุดเลย”
จ้าวเฉียนขมวดคิ้วถักแน่น เอ่ยถามอย่างสงสัยไปว่า
“แน่ใจนะว่าเหยียบเบรก ไม่ใช่คันเร่ง?”
หวานเจียงได้ยินแบบนั้นพลันกลอกตามองบนใส่ เอ่ยตอบน้ำเสียงเจือหงุดหงิดว่า
“นี่นายคิดว่าฉันเส้นตื้นขนาดนั้นเขียว?”
จ้าวเฉียนยิ้ม ขณะที่กำลังจะเดินไปคุยกับคู่กรณี ทางนั้นก็ตรงเข้ามาหาเขาก่อนอย่างรวดเร็ว
“พี่ขับรถภาษาอะไร ผมเพิ่งออกรถใหม่ไม่ทันไร ก็พังยับแล้วเห็นไหม?!”
จ้าวเฉียนเดินไปสำรวจรถของคู่กรณี ก่อนพบว่ารถคันนี้ยังอยู่ในสภาพใหม่มาก แถมยังไม่ได้ถอดป้ายแดงออกเลยด้วยซ้ำ คาดการณ์ได้ว่า อีกฝ่ายเพิ่งซื้อมาใหม่สดๆร้อนๆตามที่บอกทุกประการ
อย่างไรก็ตามแต่ รถคันนี้ไม่ใช่รถราคาแพงอะไร ก็BMW X5 ราคาแค่นี้จ้าวเฉียนเต็มใจจ่ายให้ทุกเมื่อ
“อ่า ว่ากันตามกฎหมายผมมาจากทางโท ครั้งนี้ผมผิดเองจริงๆ รถคันนี้ซื้อมาเท่าไหร่ ดูท่าจะแต่งมาด้วย ยินดีชดใช้ให้ทันทีครับ”
คู่กรณีเตรียมมาทะเลาะกับจ้าวเฉียนมาเต็มที่ แต่กลับไม่คิดเลยว่า อีกฝ่ายจะเป็นคนคุยง่ายขนาดนี้
“อืม พี่เป็นคนตรงไปตรงมาดีครับ ผมเองก็ไม่คิดฉวยโอกาสเช่นกัน รวมชุดแต่งนี้ก็820,000หยวนพอดีครับพี่”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบและหยิบเช็คขึ้นมาเซ็นทันที ก่อนยื่นให้อีกฝ่ายจำนวน900,000ถ้วน
“นี่ครับ เช็คมูลค่า900,000หยวน ยังไงก็ต้องขอโทษจริงๆนะครับ ส่วนที่เกินมาถือเป็นค่าทำขวัญล่ะกัน”
คู่กรณียิ้มเจื่อนพลางหยิบเช็คใบดังกล่าวมา
“เอ่อ…พี่ครับ ผมละอายเกินที่จะรับไหวจริงๆ จ่ายตามราคาจริงดีกว่าครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ นี่ถือเป็นความผิดพลาดของผมจริงๆที่ไม่ดูให้ดีก่อนเลี้ยวออกมา แถมเป็นรถใหม่ด้วยยังคงก็ต้องชดเชยราคานี้แหละ แต่ขอแค่ว่าพอตำรวจมากันแล้ว คุณก็ควรพูดสิ่งที่ควรพูด คงรู้นะครับว่าผมหมายความว่าอะไร? ถือว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วเนอะ?”
“ไม่มีปัญหาครับพี่ ผมสัญญาเลยว่าจะไม่ทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน”
จ้าวเฉียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และโทรเรียกตำรวจให้มาจัดการต่อ
แต่สิ่งเดียวที่จ้าวเฉียนยังคาใจคือ ระบบเบรกจะไม่ทำงานได้ยังไง? เป็นถึงMercedes-Benz ไม่น่าจะมีผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นได้เลย?
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรมากกว่านั้น บางทีอาจมีคนจงใจมาแอบตัดสายเบรกหรือทำให้ระบบรถมีปัญหา โดยมีเป้าหมายเป็นตัวหวานเจียง?
ในไม่ข้า ตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุ และทั้งสามก็รับผิดตามตรงโดยไม่มีขัดขืนใดๆจนทางตำรวจเองก็แปลกใจเล็กน้อย
“นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราพบกัน ก็เลยพยายามที่จะรับผิดชอบในส่วนที่ตัวเองผิด และอยากให้เรื่องดังกล่าวจบลงด้วยดี ไม่จำเป็นต้องโทรเรียกประกัน พวกเราจะชดใช้ค่าเสียหายกันเอง ไม่ต้องห่วงครับคุณตำรวจ”
ทั้งหวังเฉียนและหวานเจียงเองต่างก็มีหน้ามีตาในสังคมไม่น้อย จึงไม่อยากให้เรื่องแดงจนกลายเป็นข่าวเท่าไหร่นัก ส่วนคู่กรณีที่ขับBMWเองที่ได้รับค่าชดเชยในจุดนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วเช่นกัน จึงตกลงกับทางตำรวจไปว่า พวกเขาจะไม่โทรเรียกประกัน และจะจ่ายเงินชดเชยกันเอง
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าเห็นจะได้ ในที่สุกตำรวจก็จากไป จ้าวเฉียนเรียกรถพ่วงมารับรถทั้งสามคันไปยังศูนย์4S เช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวเฉียนไปที่โชว์รูมกาจัวร์เพื่อซื้อคันใหม่ จากนั้นก็ขับไปยังศูนย์4Sหาหวานเจียงที่นั่น
เหตุผลที่หวานเจียงมาที่ศูนย์4Sก็เพื่อตรวจสอบสาเหตุที่ระบบเบรกของรถเธอที่ไม่ทำงาน เมื่อจ้าวเฉียนมาถึง ผลการตรวจสอบก็ออกมาพอดี
“สวัสดีครับคุณหนูหวาน หลังจากที่ทางเราได้ตรวจสอบโดยละเอียด ก็พบว่า ท่อสูญญากาศระบบเบรกของรถคุณหนูถูกตัดขาด แล้วติดกาวเข้าไปใหม่แบบลวกๆ ทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ท่อดังกล่าวจึงถูกความร้อนละลายกาวออก ส่งผลให้ส่วนที่ถูกตัดฉีกตัวออกจากกันอีกครั้ง ทำให้ระบบเบรกไม่ทำงาน”
จ้าวเฉียนคิดไว้ไม่มีผิด ปรากฏว่ามีคนจงใจทำร้ายหวานเจียงจริงๆ ส่วนเธอเองก็ช็อกจนทำอะไรไม่ถูก
“นี่หมายความว่ายังไง? มีคนลอบทำร้ายฉัน?”
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตอบกลับทันทีว่า
“มันยากที่จะสรุปได้ครับ ทางเราบอกได้แค่ว่า ท่อสูญญกาศของระบบเบรกถูกตัดและเชื่อมด้วยกาวอย่างลวกๆเท่านั้น ส่วนใครเป็นคนทำและทำโดยเจตนาใด ทางเราไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดได้ครับ ผมแนะนำให้คุณหนูโทรแจ้งกับทางตำรวจนะเป็นการดีที่สุดครับ หากมีคนร้ายจริงๆ ครั้งแรกล้มเหลว ครั้งที่สองย่อมตามมาแน่นอนครับ ประสานงานให้ทางตำรวจช่วยเหลือและจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว”
หวานเจียงเธอยังคงลังเลพูดไม่ออก จ้าวเฉียนจึงดึงเธอไปมุมหนึ่งเพื่อปรึกษา
“ท่อสุญญากาศถูกตัดและติดกาวใหม่ ดูยังไงคนร้ายน่าจะวางแผนมาเพื่อจัดการคุณแน่นอน พนักงานคนนั้นก็พูดถูก ถ้าครั้งแรกล้มเหลว ครั้งต่อไปมันกลับมาใหม่แน่นอน เป็นผมจะแสร้งทำเป็นไม่สงสัยและคิดแค่ว่าเป็นอุบัติบนท้องถนนธรรมดา สิ่งนี้จะทำให้คนร้ายประมาท และลดความระมัดระวังตัวลง แต่ระหว่างนั้นเองคุณก็ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้คอยตรวจเช็คกล้องวงจรปิดทุกวัน ไม่นานจะต้องจับตัวคนร้ายได้แน่นอน”
นี่เป็นวิธีที่เสี่ยงน้อยที่สุดและสำหรับหวานเจียง หากเธอจ้องจับผิดและวานหาตัวคนร้ายอย่างเอิกเกริกจนคนร้ายรู้ตัวว่าโดยจับตาดูอยู่ แบบนั้นเธอไม่ยิ่งอันตรายกว่าเดิมหรอกเหรอ? อย่างไรเสียเธอไม่กลัว และพยักหน้าฟังคำแนะนำของจ้าวเฉียน
แต่ในเวลานั้นเองเสียงเรียกเข้าของมือถือเธอก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นหยางหมิงโทรเข้ามา หวานเจียงกรอกตาอย่างหน่ายใจเป็นที่สุด และถามจ้าวเฉียนไปว่า
“พวกนายเป็นคู่รักคู่แค้นกันรึไง ขนาดตอนนี้ฉันมีปัญหา มันก็ยังอุตส่าห์โทรมากวน น่ารำคาญจริงๆ!”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะลั่นและตอบไปว่า
“ถึงคุณจะไม่ชอบเขา แต่ที่เขาโทรจิกมาแบบนี้ก็อาจเป็นเพราะห่วงความปลอดภัยของคุณไง ก็แค่รับสายและพูดไปตรงๆ”
หวานเจียงมุ่ยหน้ายู่ด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะกดรับมือถือ เอ่ยปากทักทายทันทีพร้อมน้ำเสียงสุดแสนจะไม่รับแขก
“ฮาโหล มีอะไร?”
หยางหมิงร้อนใจจัดรีบพูดตอบทันทีว่า
“เธออยู่ไหน เธออยู่กับใคร? ออกมาพบฉันตอนนี้ได้ไหม?”
หวานเจียงสวนตอบทันทีอย่างเย็นชาว่า
“ฉันไม่ว่าง หยางหมิง นายเองก็รู้ดีว่าฉันคิดยังไง เลิกตอแยได้แล้ว”
“ใช่ ฉันรู้ดีว่าเธอไม่ชอบฉัน และฉันเองก็ไม่สามารถบังคับให้เธอมาชอบได้ แต่ถึงยังไง ขอเวลาฉันอีกสักหน่อยเถอะ ผมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นชายในอุดมคติของเธอได้แน่นอน!”
“หุหุ…เปลี่ยนแปลงตัวเอง? มีสตีมเมอร์หญิงคนไหนยังไม่ผ่านมือนายมาบ้าง? คิดว่าฉันโง่มากรึไง?”
เจอเรื่องนี้เข้าไปหยางหมิงถึงกับไปไม่ถูกชั่วขณะ และไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงข้อนี้ได้เลย แต่จะอย่างไร เขาก็ไม่มีทางให้จ้าวเฉียนได้ครอบครองหวานเจียงแน่นอน เธอต้องเป็นของเขาคนเดียว นี่ไม่ใช่แค่เรื่องความรักเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันถึงศักดิ์ศรีอีกด้วย
“เสี่ยวเจียง เธอจะดูถูกดูแคลนยังไงกับฉันก็ได้ แต่อย่าไปยุ่งกับไอ้จ้าวเฉียนเลยได้โปรด นี่ถือเป็นความอัปยศในชีวิตฉัน หันไปคบกับทายาทคนอื่น ฉันยังช้ำใจไม่เท่าหันไปคบกับไอ้ยาจนนั่นเลย”
หวานเจียงหัวเราะคิกคัก เอ่บตอบไปว่า
“ไม่ว่าฉันจะชอบหรือคบกันใคร นายก็ไม่มีสิทธิ์มาบงการฉัน ถ้าจะคุยเรื่องนี้ ก็เลิกพาพวกสตีมเมอร์สาวขึ้นเตียงให้ได้ซะก่อนเถอะ”
“นี่เธอยังไม่รู้จักเขาเลยสักนิด ไอ้จ้าวเฉียนมันเป็นเด็กเลี้ยงต้อยของเจ้านายมัน แถมยังแอบคบหากับสตีมเมอร์หญิงคนหนึ่ง ตอนนี้มันก็กำลังจะปลอกลอกเธออีก นี่ไม่รู้ตัวเลยใช่ไหมว่าเธอเป็นได้แค่รถไฟขบวนที่สาม มันแอบสับรางไปเรื่อยๆไม่ให้สาวในสต๊อกจับได้ ฉันยังไม่รู้เลยว่ามันยังมีสาวอื่นที่ไหนอีกไหม”
หวานเจียงเหลือบมองไปที่จ้าวเฉียนพร้อมขมวดคิ้วดุใส่ จากนั้นก็เอ่ยเสียงเย็นตอบปลายสายไปว่า
“ไม่เป็นไร! ฉันชอบเขาที่เป็นเขา! ต่อให้มันจะสับรางอีกสักกี่คน ฉันก็ยังชอบเขาไม่เปลี่ยนแปลง! ฉันจะไปทำงานต่อแล้ว อย่ามาจุ่นจานกับฉันอีก ไม่งั้นจะบล็อกนายแน่!”
พอพูดตบหวานเจียงก็กดตัดสายทิ้งทันทีราวกับกำลังหัวเสียอย่างบอกไม่ถูก เธอย่างสามขุมตรงไปหาจ้าวเฉียน และเอ่ยถามปนน้ำเสียงหงุดหงิดว่า
“ฉันได้ยินมาว่า นายเองก็คาสโนว่าไม่เบา! มีเจ้านายคอยเลี้ยงต้อย แถมยังแอบคบหากับสตีมเมอร์สาวอีกงั้นเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นายรู้ไว้ ฉันเกลียดผู้ชายแบบนี้ที่สุด! นอกจากพวกเธอแล้ว นายยังแอบซุกสาวคนไหนอีกล่ะห่ะ? ตอนนี้ฉันโกรธมาก โกรธมากจริงๆ! แล้วไม่มีอารมณ์แกล้งเป็นแฟนกับนายแล้ว ฉันรู้สึกไม่โอเค!”
จ้าวเฉียนตรงเข้าไปหาหวานเจียงพร้อมรอยยิ้มแสนเย้ยเยาะ ก่อนจะผลักร่างของเธอจนติดกำแพง
“ทะ-ทะ…นายจะทำอะไร? ไม่เห็นเหรอว่าคนอยู่ตั้งเยอะแยะ กลางวันแสกๆไม่รู้จักอายเลยรึไง?!”
หวานเจียงรวบรวมพละกำลังทั้งหมดอันน้อยนิดผลักร่างจ้าวเฉียนออกไป และเบี่ยงซ้ายถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว
ทว่าหวานเจียงไม่ทันระวัง ส้นสูงดันไปสะดุดเข้ากับก้อนกรวดบนพื้นจนเสียการทรงตัว และกำลังจะเซล้มไป
ช่วงอึดใจนั้นเอง จ้าวเฉียนเอื้อมแขนออกไปโอบร่างบางของเธอเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที มือข้างหนึ่งกำลังโอบอุ้ม ส่วนอีกข้างจับผสานมือของอีกฝ่ายเอาไว้
หวานเจียงหน้าแดงกล่ำโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนหน้านี้เธอเคยดูซีรีย์รักที่นางเอกสะดุดล้ม แล้วพระเอกบังเอิญรับได้พอดี ซึ่งภาพฉากในตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับในซีรีย์เลย คาดไม่ถึงเลยสักนิด พล็อตเรื่องแบบนี้กลับกลายเป็นความจริงได้
“นาย…อย่า…อย่ามายุ่ง…”
หวานเจียเอ่ยเสียงกระเส่า ไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายจึงรีบก้มหัวหลบหน้าทันที