ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่64 ปรึกษา
ตอนที่64 ปรึกษา
ตามที่จ้าวเฉียนสันนิษฐานไว้ไม่มีผิด ไม่กี่วันต่อมา คนจากฟูจิโมริ กรุ๊ปก็เดินทางมาหาเพื่อเจรจากับหงซิ่ว
หงซิ่วทำตามที่จ้าวเฉียนสั่งไว้ทุกประการ พยายามกดดันฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่สุด และเรียกร้องให้ทางเทียนซูวได้รับผลประโยชน์สูงสุด ตัวอย่างเช่น หากจะขาย ทางแพลตฟอร์มเทียนซูวจะยอมขายเฉพาะหุ้นบางส่วนเท่านั้นและไม่มีสิทธิ์ในการแทรกแซงหรือเจ้าจัดการได้ รวมไปถึงส่วนแบ่งของเงินปันผลที่น้อยมาก ทั้งนี้เองทางฟูจิโมริ กรุ๊ปจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าทาง แพลตฟอร์มสวอนและหลงย่า ทำได้ยกเลิกค่าชดเชยกับทางเทียนซูวแล้วเช่นกัน และไม่ให้รับอนุญาตให้ทั้งสองแพลตฟอร์มดังกล่าว เข้ามาก่อปัญหากับเทียนซิ่วอีกตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ผู้ที่รับผิดชอบในการเจรจาครั้งนี้ของทางฟูจิโมริ กรุ๊ป มีชื่อว่า เหลียงเหวิน และเขาคนนี้เป็นบุคคลที่มีความสามารถอย่างยิ่งในการเจรจาเรื่องธุรกิจ เป็นคนที่หม่าเติงไว้ใจได้ มีหลายต่อหลายครั้งที่หม่าเติงไม่ต้องมาเอง และปล่อยให้เหลียงเหวินคนนี้ลงสนามแทน
เหลียงเหวินครุ่นคิดอยู่ครู่หยึ่ง ก่อนพยักหน้ากล่าวตอบไปว่า
“คำขอของคุณหงไม่ได้มากเกินไปเลยครับ ทางเราสามารถนำไปพิจารณาได้ แต่ก่อนอื่นทางเราต้องการทราบจำนวนหุ้นที่ทางคุณหงต้องการจะขายให้ก่อนครับ รวมไปถึงราคาที่ต้องการ”
หงซิ่วตอบไปว่า
“ทางคุณต้องยอมรับเงื่อนไขที่พูดไปให้ได้ก่อนค่ะ พวกเราถึงจะคุยกันต่อได้”
เหวียงเหวินหัวเราะเล็กน้อยและเอ่ยตอบไปว่า แน่นอน หงซิ่วจึงหยิบตัวสัญญาที่เตรียมไว้ล่วงหน้า พร้อมขอให้เหยีงเหวินเซ็นและประทับตรา
เหลียงเหวินอ่านสัญญาไปครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วแน่น เขาส่ายหัวตอบไปว่า
“คุณหงต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอน ในสัญญาไม่ได้ระบุไว้ว่าต้องการราคาเท่าไหร่ แล้วทางผมจะเซ็นได้ยังไงครับ?”
“คุณเหลียงมั่นใจได้ว่า เงื่อนไขในสัญญาฉบับนี้ถูกต้องทุกประการ และมีผลความร่วมมือในทันที ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมไม่มีราคาเขียนไว้ ทุกอย่างถูกระบุไว้ในส่วนเสริมของสัญญาแล้ว”
เหลียงเหวินเปิดสัญญาหน้าสุดท้ายเพื่ออ่านส่วนเสริมโดยละเอียด พร้อมหยิบปากกาแท่งหรูขึ้นมาเซ็นทันที และปิดผนึกกลับในซองพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อหงซิ่วยืนยันเสร็จสรรพว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เธอก็โทรหาจ้าวเฉียน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง จ้าวเฉียนเดินทางมาถึงห้องประชุมในออฟฟิศเทียนซูว
หงซิ่วรีบลุกขึ้นทักทายจ้าวเฉียน จากนั้นก็กล่าวแนะนำขึ้นว่า
“ประธานจ้าว คนนี้คือคุณเหลียงแห่งฟูจิโมริ กรุ๊ป คุณเหลียงค่ะ นี่คือประธานตัวจริงของแพลตฟอร์มเทียนซูว ประธานจ้าวเฉียนค่ะ เขามีหุ้นอยู่ในมือถึง90% และเป็นเจ้าของตัวจริง”
ดวงตาคู่นั้นของเหลียงเหวินสว่างวาบขึ้น กลยุทธ์การตีตลาดของแพลตฟอร์มเทียนซูวที่ผ่านมทาทั้งหมด ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มคนนี้ที่เป็นคนควบคุมและเดินเกมเอง นั้นหมายความว่า ไม่เพียงความเฉลียวฉลาดในการบริหาร แต่เขายังมีเงินทุนอยู่ในมือไม่น้อยกว่าพันล้านแน่นอน
เหลียงเหวินรีบยืนขึ้นและยื่นมือไปจับกับจ้าวเฉียน เอ่ยปากทักทายอย่างสุภาพว่า
“สวัสดีครับคุณจ้าว โชคดีจริงๆที่ได้พบคุณ แผนการตลาดที่ผ่านมาของคุณจ้าวช่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ใจกล้าและเด็ดเดี่ยวมากครับ! ไม่คิดเลยว่าคุณจ้าวจะเก่งขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย”
จ้าวเฉียนเองก็มีมารยาทเช่นกัน เอ่ยตอบไปว่า
“คุณเหลียงเยินยอผมเกินไปแล้ว เชิญนั่งก่อนครับ”
เหลียงเหวินคลี่ยิ้มกว้างพลางนั่งลง จู่ๆก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“ผมไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณจ้าวมาก่อนเลย อยากรู้จริงๆครับว่าเป็นคนที่ไหน มีภูมิหลังยังไงถึงกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้?”
“ผมไม่ชอบทำตัวให้โดดเด่นเท่าไหร่น่ะครับ แค่อยากใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป คุณเหลียงครับ เรามาเข้าเรื่องดีกว่า ทางฟูจิโมริ กรุ๊ปต้องการจ่ายเท่าไหร่ แล้วจำนวนกี่หุ้นครับ?”
เหลียงเหวินกล่าวตอบทันทีว่า
“ทางเราพร้อมที่จะลงทุนทันทีหนึ่งพันล้านหยวน เพื่อเข้าซื้อหุ้น40% ผมได้ตกลงเรื่องเงินปันผลกับให้สัญญาแล้วว่า จะไม่รบกวนหรือก่อปัญหาใดๆให้อีก”
จ้าวเฉียนร่วนหัวเราะขึ้นทันที ต้องการหุ้นถึง40%แต่ให้ได้แค่หนึ่งพันล้าน นี่ไม่โลภเกินไปหน่อยเหรอ?
“คุณเหลียง ผมไม่อยากทำให้คุณเสียเวลานะ ผมขายหุ้นให้คุณมากที่สุดได้แค่20% ในราคาสามพันล้าน”
เหลียงเหวินระเบิดหัวเราะออกมาทันที เขาเอ่ยถามจ้าวเฉียนว่า เสนอมาแบบนี้ไม่โลภเกินไปเช่นกันเหรอ?
หุ้น20%ในราคาที่สูงขนาดนี้ มันไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยเหรอ?
จ้าวเฉียนวิเคราะห์อย่างง่ายให้แก่เขาฟังว่า
“หากคุณต้องการลงทุนกับแพลตฟอร์มของเรา ทางคุณเองก็ควรมีการคำนวณเช่นกันเกี่ยวกับอนาคตของแพลตฟอร์มเรา ด้วยอัตราการเติบโตในปัจจุบัน อย่างเร็วสุดหนึ่งปี อย่างช้าสุดสองปี เทียนซูวจะสามารถแซงหน้าสวอนและขึ้นแท่นเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งได้แน่นอน ผมไม่คิดว่า พออธิบายมาถึงจุดนี้คุณจะยังไม่เข้าใจ ตอนนี้สวอนกำลังวางแผนตีตลาดไลฟ์สตีมทางฝั่งอเมริกา พร้อมเม็ดเงินอัดฉีกสามพันล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ตามการประเมินจะอยู่แค่สามพันล้าน แต่ในความเป้นจริงยังมีค่าเบ็ดเตล็ดอีกราวๆ600ล้าน รวมทั้งหมดก็3,600ล้านดอลลาร์ เราต้องการเงินแค่3พันล้านหยวน ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะครับ”
เหลียงเหวินพยักหน้าพร้อมตอบว่า
“คุณจ้าววิเคราะห์ทุกอย่างได้ถูกแล้วครับ แต่นั้นยังเป็นแค่แผนการและไม่ได้ลงมือทำจริง ปัจจุบันเทียนซูวมีมูลค่าตามจริงพันล้านหยวน จะให้ผมจ่ายมากเกินจริงก็ไม่ค่อยเหมาะสมนะครับ?”
“นี่จึงเรียกว่าการลงทุนไงครับ คิดจะเข้าซื้อธุรกิจที่อยู่ระหว่างขาขึ้นคงต้องทำใจหน่อยแหละครับ จะมาซื้อหุ้นโดยคำนวนแค่มูลค่าในปัจจุบันได้ยังไง? ไม่ใช่องค์กรการกุศลนะครับ ผมยังสามารถทำเงินกับแพลตฟอร์มนี้ได้อีกมากมายในอนาคต แล้วทำไมผมต้องแบ่งกับทางคุณตามมูลค่าปัจจุบัน? ทั้งหมดเป็นเงื่อนไขที่ผมตั้งไว้และจะไม่มีการต่อรองใดๆทั้งสิ้น ถ้าไม่เห็นด้วยก็เชิญกลับไปเถอะครับ”
เหลียงเหวินขมวดคิ้วแน่น เอ่ยถามจ้าวเฉียนว่า เขาพอมีที่ว่างสำหรับการเจรจาหรือไม่ จ้าวเฉียนส่ายหัวตอบทันทีไม่มีท่าทีใจอ่อน และตอบเสียงเรียบไปแค่ ที่แห่งนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับการเจรจาใดๆทั้งสิ้น
เหลียงเหวินเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเขาก็คลี่ยิ้มกว้างพร้อมลุกขึ้นยืนทันที
“ถ้าเป็นแบบนี้ ทางผมคงต้องกลับไปปรึกษากับเจ้านายอีกทีหนึ่ง ถ้าได้รับคำอนุมัติแล้ว ผมจะติดต่อคุณจ้าวกลับไปทันที หวังว่าคุณจ้าวจะลองคิดทบทวนอีกครั้งนะครับ ถือเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย ลดราคาครั้งนี้ แลกกับมิตรภาพระหว่างพวกเรา บริษัทฟูจิโมริ กรุ๊ปของเราค่อนข้างมีอิทธิพลในหลากหลายอุตสาหกรรม บางทีอาจช่วยเหลือคุณจ้าวในด้านอื่นๆได้นะครับ”
จ้าวเฉียนยิ้มและพยักหน้าตอบอีกฝ่ายไป และบอกให้หงซิ่วออกไปส่งเหลียวเหวินกลับไป ไม่ต้องพูดจาใหญ่โตให้มันมากมาย ต่อหน้าทายาทตระกูลจ้าวอย่างเขา เส้นสายจากฟูจิโมริ กรุ๊ป มันไม่นับว่ามีค่าอะไรเลย
หงวิ้ววิ่งกลับมาหาจ้าวเฉียนทันทีหลังจากส่งเหลียงเหวินออกไป
“ประธานจ้าว คุณคิดว่าพวกเราจะยอมตกลงกับเราไหม?”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและตอบไปว่า
“ไม่ต้องกังวลไป ถ้าพวกเขาอยากได้ความร่วมมือจริงๆ พวกเขาจะต้องนำความเสนอนี้กลับไปคิดไตร่ตรองโดยละเอียด สามพันล้านหยวนมันไม่ได้มีมูลค่าสูงเกินไปเลย มันน้อยไปด้วยซ้ำ หากเทียบกับสิ่งที่จะได้กลับมาอย่าง การผนวกสามแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ ถ้าผมตัดสินใจที่จะไม่ขายหุ้นให้ อีกไม่นานก็จะถูกพวกเราฝังลงไปอยู่ดี”
หงซิ่วไม่กล้าจินตนาการเลยแม้แต่น้อยว่า จ้าวเฉียนจะพูดออกจากปากเองว่า หุ้นจำนวน20%ในราคาสามพันล้านหยวนคือน้อยไป ในความเห็นของเธอ นำแพลตฟอร์มทั้งหมดแลกกับราคาแค่ร้อยล้าน เธอก็มีความสุขเกินบรรยายแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่ไม่น่าเชื่อกลับกลายเป็นความจริงขึ้นแล้ว ฟูจิโมริกรุ๊ป ต้องการซื้อหุ้น20%ในราคาที่สูงลิบลิ่วขนาดนี้จริงๆ? ถึงเรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น แต่การที่พวกเขาบอกว่า ต้องการเก็บเรื่องนี้ไปปรึกษา แสดงว่ามูลค่าของเทียนซูวก็เกินพันล้านหยวนแล้วแน่นอน
อย่างไรก็ตามแต่ ตอนนี้หงซิ่วถือหุ้นอยู่10% ถ้าฟูจิโมริ กรุ๊ปปฏิเสธข้อตกลงของจ้าวเฉียน เธอก็ตั้งใจว่าจะขายมันให้เอง
จ้าวเฉียนคล้ายจะทราบว่า หงซิ่วกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า
“หงซิ่ว ถ้าคุณยินดีจะขายหุ้น10%ที่มีให้กับฟูจิโมริ คุณมาขายให้ผมดีกว่า”
หงซิ่วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และรู้สึกคุ้มค่าไม่น้อยที่จะขายหุ้นออกไปบางส่วนเพื่อแลกเป็นเงินกลับมา ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอุตสาหกรรมไลฟ์สตีมที่มีความผันผวนสูงมาก สักวันหนึ่งถ้าภาครัฐออกนโยบายที่จำกัดสิทธิ์ขึ้นมา อาจทำให้แพลตฟอร์มล้มละลายได้เลยชั่วข้ามคืน ดังนั้นแทนที่จะเสี่ยงเก็บหุ้นต่อไป เธอสู้ขายไปส่วนหนึ่งเพื่อรับเงินที่เป็นหลักประกันชีวิตมาก่อนดีกว่า
“ประธานจ้าว ทำไมให้เอาหุ้นของดิฉัน5%นำไปขายให้ฟูจิโมริ กรุ๊ปล่ะ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบไปว่า
“เอาล่ะ ถ้าฟูจิโมริ กรุ๊ปตอบตกลง ผมจะหักหุ้นของคุณไป5%และจะแบ่งให้เป็นจำนวน800ล้านหยวน แต่เธอต้องสัญญาก่อนว่า หลังจากนี้จะตั้งใจทำงานและอุทิศตัวเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มไปพร้อมกับผม? คุณอยู่กับผมมาสักพักใหญ่แล้ว คงรู้ใช่ไหมว่า ผมไม่ใช่เจ้านายที่ปฏิบัติกับลูกน้องเหมือนทาส?”
หงซิ่วที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตื่นเต้นอย่างมาด เธอภักดีต่อจ้าวเฉียนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และตอนนี้มันยิ่งมากขึ้นไปอีกหลายทวีเท่า
“ประธานจ้าวโปรดเชื่อใจดิฉันได้เลยค่ะ! ฉันจะตั้งใจทำงานและอุทิศตัวเพื่อเทียนซูวต่อไป!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าพลางยิ้มตอบ ก่อนจะกล่าวลาหงซิ่งและกลับไปหาฟางนี่ที่บริษัทเกมฟางนี่
ทันทีที่มาถึงออฟฟิศ บรรดาเพื่อนร่วมงานต่างแห่เข้ามาร่วมตัวรอบข้างเขา
“ผู้จัดการจ้าว พวกเราไม่ได้ออกไปสังสรรค์ด้วยกันนานหลายเดือนแล้ว คืนนี้ออกไปหาอะไรกินกันไหม?”
“ถูกต้อง! ทางเราได้ส่งตัวเกมไปให้ซิงหยวนแล้ว ปิดลงไปหนึ่งโปรเจค! ถึงเวลาต้องฉลอง!”
“พวกคนจากแผนกพัฒนายุ่งมาหลายเดือนแล้ว ต้องตบรางวัลให้กันหน่อย พาไปผ่อนคลายให้สุดเหวียงกันเลยคืนนี้”
จ้าวเฉียนเองก็คิดเช่นกันว่า นี่ถึงเวลาที่เขาจ้องพาทุกคนออกไปผ่อนคลายบ้างแล้ว ไม่ควรให้ม้าวิ่งติดต่อกันโดยไม่ให้รางวัลตอบแทน คนเองก็เช่นกัน
“โอเค! วันนี้เจอกันด้านล่างบริษัทตอนเลิกงาน ฉันจะพาทุกคนไปกินเลี้ยงที่โรงแรมตงไห่ อยากกินอะไรสั่งมาให้เต็มที่!”
ทุกคนต่างโห่ร้องดีใจ แถมยังแหกปากร้องเพลงสรรเสริญจ้าวเฉียน
แต่ละคนต่างแยกย้ายกลับไปทำงานให้เสร็จโดยเร็ว ตั้งหน้าตั้งตาชนิดที่ว่าต้องทำให้เสร็จก่อนเวลา เพื่อไปแต่งหน้าแต่งผมเตรียมตัวเที่ยว
จ้าวเฉียนหมุนตัวกลับ เดินไปหาห้องเก็บอุปกรณ์ที่หวังเฉียงอยู่ เพื่อดูว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร
“มาทำอะไร? เยาะเย้ยฉันเหรอ?”
จ้าวเฉียนหัวเราะตอบไปว่า
“เปล่า ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่เห็นนายมีความสุขแบบนี้”