ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่76 บ้านหงซิ่วถูกทำลาย
ตอนที่76 บ้านหงซิ่วถูกทำลาย
จ้าวเฉียนและหวงหยิงเมิงรับประทานอาหารเย็นเสร็จสิ้น เขาก็หาข้ออ้างขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะรีบโทรหาหยวนมี่เพื่อเตี๊ยมกัน และค่อยพาหวงหยิงเมิ่งไปหาเธอ
ประมาณสี่สิบนาทีต่อมา จ้าวเฉียนพาหวงหยิงเมิ่งไปที่บ้านของหยวนมี่
หยวนมี่แสร้งปั้นสีหน้าไม่ค่อยพอใจและกล่าวตำหนิขึ้นว่า
“จ้าวเฉียน ทำไมมาหาฉันดึกๆดื่นๆแบบนี้? มีธุระอะไร?”
จ้าวเฉียนรีบยิ้มตอบทันทีว่า
“ผมต้องขอโทษจริงๆครับที่เข้ารบกวนคุณหยวนกลางดึกแบบนี้ พอดีเพื่อนของผมกำลังจะกลับหยานจิ้งในวันพรุ่งนี้แล้ว แต่ผมเล็งเห็นถึงความสามารถของเธอ เลยรีบพาเธอมาให้คุณลองสัมภาษณ์ดูก่อน ต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ”
หวงหยิงเมิ่งรีบโค้งศีรษะขอโทษตามเขาเช่นกัน และรีบกล่าวขึ้นโดยไวว่า
“ดิฉันต้องขอโทษจริงๆค่ะ เพราะดิฉันเองที่ทำให้คุณจ้าวต้องเดือดร้อน ฉันหวังว่าคุณจะให้โอกาสดิฉันเข้ารับการสัมภาษณ์สักครั้งนะคะ”
หยวนที่กรนเสียงฮึมคล้ายว่าไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะบอกให้ทั้งสองเข้าไปในบ้านมา สมแล้วที่หยวนมี่มารับช่วงต่อจากจ้าวเฉียนในการดูแลบริษัทวงการบันเทิงแบบนี้ ทักษะการแสดงของเธอนับว่ายอดเยี่ยมมีชั้นเชิง จนกระทั้งหวงหยิงเมิ่งปักใจเชื่อสนิท
ทั้งสามเข้าไปนั่งในห้องรับแขก หยวนมี่รินน้ำให้ทั้งคู่และนั่งสนทนากัน
หยวนมี่เปิดฉากเอ่ยถามทันทีว่า
“เข้าประเด็นเลยละกันนะ เธอลองแนะนำตัวมาหน่อย เคยมีประวัติการทำงานที่ไหนมาบ้าง?”
หวงหยิงเมิ่งพยักหน้า รีบแนะนำตัวทันที
“ดิฉันชื่อหวงหยิงเมิ่ง เป็นคนเขียนเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》ค่ะ”
หยวนมี่แสร้งทำเป็นประหลาดใจอย่างมาก เธอสะดุ้งโหย่งไปคราวพลันอุทานขึ้นว่า
“อะไรนะ? เธอคือคนเขียนเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》?! นี่มันโปรเจคแรกของบริษัทฉันไม่ใช่เหรอ? ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเธอ?”
หวงหยิงเมิ่งรู้สึกงุนงงแปลกๆ รีบเหลียวมองจ้าวเฉียนเล็กน้อย กระซิบถามขึ้นว่า ทำไมจู่ๆนิยายเรื่องนี้ของเธอถึงกลายมาเป็นโปรเจคแรกของบริษัท?
จ้าวเฉียนอธิบายให้ฟังว่า
“เวลาจะสร้างซีรีย์หรือหนังสักเรื่อง มักจะเป็นโปรเจคของหลายบริษัทร่วมมือกันผลิตขึ้น นี่เป็นเรื่องปกติ คุณพอจะเข้าใจไหม?”
หวงหยิงเมิ่งพยักหน้าตอบงึกๆ ปรากฏว่าเป็นแบบนี้นี่เอง
ท่าทางการแสดงออกของหยวนมี่เปลี่ยนไปทันที เธอคลี่ยิ้มกว้างกล่าวขึ้นว่า
“ฉันอยากเจอหน้าคุณมานานแล้ว ต้องมีฝีมือฉกาจขนาดไหนกันเชียว ถึงสามารถสร้างสรรนิยายที่สนุกขนาดนี้ออกมาได้! ฉันเคยได้ยินผ่านๆว่า คนแต่งเป็นสาววัยรุ่น แต่ไม่คิดเลยว่าจะยังเด็กและสวยขนาดนี้! ถ้าอย่างนั้นฉันคงไม่มีอะไรจะสัมภาษณ์คุณแล้วล่ะ ฉันจ้างคุณให้มาทำงานกับทางเรา หวังว่าต่อจากนี้คุณจะตั้งใจทำงานและสร้างสรรผลงานที่ดีแบบนี้ต่อไป”
เดิมทีหวงหยินเมิ่งคิดว่า การสัมภาษณ์ครั้งนี้ต้องทั้งกดดันและยากเป็นอย่างมาก แต่เธอคาดไม่ถึงเลยว่ามันจะง่ายแบบนี้ เมื่อครู่ก็ประหม่าแทบตาย เธอรีบขอบคุณทันที
“ขอบพระคุณอย่างมากค่ะคุณหยวน ฉันรับประกันได้เลยเรื่องคุณภาพและผลงาน ไม่มีลดหย่อนแน่นอน!”
หยวนมี่ดูท่าลังเลเล็กน้อย ไม่นานเธอก็เอ่ยขึ้นว่า
“ฉันอนุญาตให้เขียนนิยายเรื่องนี้ต่อไปได้ แต่คงเข้าใจใช่ไหมว่า ถ้ามีงานเข้ามา สคริปต์เขียนบทของบริษัทเราต้องมาก่อน?”
หวงหยินเมิ่งรีบพยักหน้าตอบและให้สัญญาว่า งานเขียนบทมาก่อนเสมอ และงานเขียนนิยายเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น
หยวนมี่พยักหน้า เธอลุกขึ้นและส่งสัญญาฉบับหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ
“นี่คือสัญญาจ้างงาน รับไปศึกษาอ่านให้ละเอียดก่อน ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้ติดขัดข้อไหนแล้ว ก็เซ็นแล้วส่งมาได้เลย ประทับลายนิ้วมืออีกที สัญญาใบนี้ถึงจะะมีผล”
หวงหยิงเมิ่งพยักหน้าตอบอีกคราและรีบหยิบสัญญามาอ่านทันทีโดยละเอียด ในความเป็นจริงแล้ว สัญญาจ้างงานล้วนเหมือนกันหมด นอกจากนี้นี่ยังเป็นหนังสือสัญญามาตรฐานที่ถูกตีพิมพ์ออกมาเผื่อ ไม่ได้ร่างสัญญาขึ้นมาเฉพาะสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เว้นเสียแต่ผู้จ้างวานและผู้ถูกจ้างมีเงื่อนไขพิเศษตกลงกันนอกรอบ ในส่วนนี้จะต้องร่างสัญญาขึ้นมาอีกฉบับโดยเฉพาะ
“คุณหยวน เรื่องสัญญาดิฉันไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่…”
หวงหยินเมิ่งคล้ายว่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอกลับหยุดฉะงักไปทั้งดื้อๆเนื่องจากอายเกินกว่าจะพูด
จ้าวเฉียนที่เห็นท่าทีของเธอแบบนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่หมายถึงอะไร เขารีบกล่าวแทรกขึ้นว่า
“คุณหยวนเคยบอกกับผมเพิ่มเติมทีหลังไม่ใช่เหรอครับว่า ถ้าคนเขียนบทที่จะรับมาสามารถรับประกันได้ว่า สร้างสคริปต์หนังได้สามเรื่อง คุณจะตอบแทนด้วยบ้านจัดสรรพร้อมกับวิวติดแม่น้ำตงไห่หนึ่งหลัง? ไม่ทราบว่าสัญญาข้อนี้คุณหยวนยังไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม?”
หยวนที่พยักหน้าและตอบไปว่า
“แน่นอนว่ายังเหมือนเดิม ฉันจะรีบร่างสัญญาอีกฉบับส่งไปให้ทีหลัง แต่มีกฎอยู่ว่า ภายในยี่สิบปี คุณจะต้องสร้างสคริปต์คุณภาพอย่างน้อยสิบเรื่อง มิฉะนั้นบริษัทของเรามีสิทธิ์ที่จะยึดบ้านจัดสรรดังกล่าวคืนกลับมา ถ้าคุณสามารถทำได้ตามกำหนด บ้านจัดสรรจะถูกโอนกรรมสิทธิ์เป็นชื่อคุณทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆเพิ่มเติมทั้งสิ้น”
สร้างบทละครทั้งหมดสิบเรื่องภายในยี่สิบปี โดยเฉลี่ยเท่ากับในปีหนึ่งต้องได้อย่างน้อยหนึ่งถึงสองเรื่อง หวงหยิงเมิ่งไม่คิดว่านี่เป็นปัญหาแต่อย่างใด ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าตอบไปว่า
“คุณหยวน ดิฉันยอมรับข้อเสนอค่ะ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้จะต้องมีการจดเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ ดิฉันไม่อยากให้มันถูกเปลี่ยนแปลงกระทันหัน”
“ฮ่าฮ่า…ไม่มีปัญหา ฉันต้องการบุคลากรที่มีคุณภาพแบบคุณเข้าบริษัท ฉันจะจัดการสัญญาดังกล่าวเองไม่ต้องห่วง ถ้าอย่างนั้นเรามาเซ็นตกลงกันให้เสร็จภายในคืนนี้เลยดีไหม?”
หวงหยิงเมิ่งเอ่ยตอบไปว่าขอเวลาศึกษาสัญญาอีกสักครู่ ส่วนหยวนมี่ก็ออกไปเตรียมเอกสารเพิ่มเติมมาให้เซ็น
พอหยวนมี่จากออกไปจากห้องรับแขก หวงหยิงเมิ่งก็รีบหันมากล่าวกับจ้าวเฉียนด้วยความซาบซึ้งตื้อตันใจว่า
“คุณจ้าว ดิฉันต้องขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับความหวังดีที่มีให้ตลอดมา พ่อแม่ของดิฉันกังวลเสมอว่า อาชีพนักเขียนเพียงอย่างเดียวจะไม่มั่นคงพอ แต่ตอนนี้ได้ทำงานเป็นมือเขียนบทหนัง พวกท่านต้องสบายใจขึ้นกองแน่นอน แถมนี่ยังเป็นสายงานที่ฉันชอบอีก นี่แหละค่ะคือชีวิตที่ดิฉันใฝ่ฝัน”
จ้าวเฉียนกล่าวทั้งเสียงหัวเราะไปว่า
“คุณไม่เห็นต้องสุภาพกับผมขนาดนั้นเลย สิ่งไหนดีผมก็ต้องแนะนำให้กับประธานหยวน แล้วเธอเองก็เล็งเห็นศักยภาพในตัวคุณ จากนี้ไปก็ตั้งใจทำงานให้หนัก เห็นว่าต้องสร้างสคริปต์อย่างน้อยสามเรื่องก่อนถึงจะได้บ้านจัดสรรไปครอง เร่งมือเข้านะครับ ผมนี่แหละจะเป็นแขกคนแรกที่บ้านคุณ!”
“อิอิ…ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันจะตั้งใจทำเต็มที่!”
ทั้งสองนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานในห้องรับแขกอยู่แบบนั้นกว่าสิบนาที ก่อนที่หยวนมี่จะออกมาพร้อมกับสัญญาอีกฉบับ
เพื่อความมั่นใจ หวงหยางเมิ่งไล่อ่านอีกครั้งก่อนหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นและประทับลายนิ้วมือ เธอยื่นสัญญาฉบับนั้นส่งให้แก่หยวนมี่อย่างรวดเร็ว
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณคือมือเขียนบทของบริษัทเราแล้ว อ่อจะว่าไป…ฉันได้ยินจ้าวเฉียนบอกว่า คุณต้องกลับบ้านเกิดใช่ไหม กี่วันล่ะ?”
“กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดประมาณสามวันค่ะ แล้วก็ไปขนของบางส่วนที่จำเป็นมาด้วย จะกลับไปบอกข่าวดีเรื่องนี้กับพ่อแม่ด้วย หลังจากนั้นดิฉันจะเข้ามาทำงานเต็มตัวค่ะ”
หยวนมี่ปั้นหน้าครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจแล้ว และเธอก็หันไปกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า
“จ้าวเฉียน นายทำดีมาก ถึงได้มือดีอย่างเธอคนนี้มาเขียนบทให้ จากนี้ฉันคงต้องชวนนายไปทานอาการเย็นด้วยกันสักมื้อแล้ว”
จ้าวเฉียนยิ้มแห้ง เอ่ยตอบไปอย่างช่วยไม่ได้ว่า
“ไม่ต้องสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้ครับ เอ่อ…นี่ก็ดึกแล้ว งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณหยวน”
หวงหยิงเมิ่งยังกล่าวเสริมอีกว่า
“ฝันดีนะคะท่านประธานหยวน”
หยวนมี่เดินออกไปส่งทั้งคู่หน้าบ้านและโบกมือลา
จ้าวเฉียนพาหวงหยิงเมิ่งขึ้นรถ ขณะที่กำลังจะขับออกไป จู่ๆหงซิ่วก็โทรมาหาเขา
“ฮาโหล ว่าไงหงซิ่ว?”
หงซิ่วรีบกล่าวตอบทันทีด้วยความหวาดกลัว น้ำเสียงของเธอสั่นเทาไม่หยุด
“ประธานจ้าว ช่วย…ช่วยด้วยค่ะ! มีเรื่องเกิดขึ้นกับที่บ้านดิฉัน มีคนปาหินใส่กระจกบ้านดิฉันแตก แถมประตูหน้าบ้านยังถูกสาดสีอีก…”
“อะไรนะ?! ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
“ดิฉันอยู่ในป้อมยามหมู่บ้านค่ะ ฉันกลัวจะเป็นอันตรายจึงไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียว ฉัน…ฉันไม่รู้ต้องทำยังไงแล้ว ฝีมือใครมีจุดประสงค์อะไรก็ไม่รู้…”
“คุณรออยู่ที่นั่นแหละ ฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้ จำไว้ให้ดี ระหว่างที่ฉันกำลังไปห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!”
“ค่ะ…”
จ้าวเฉียนวางสายโทรศัพท์และหันมาพูดกับหวงหยิงเมิ่งว่า
“คุณหวง ผมต้องขอประทานโทษจริงๆ มีเพื่อนผมกำลังเจอปัญหา ผมต้องรีบไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้ เลยคิดว่า คุณจะตามไปด้วยไหมหรือจะนั่งแท็กซี่กลับเอง?”
หวงหยินเมิ่งตกใจอย่างมากพอได้ยิน เธอรีบเอ่ยถามท่าทีกระวนกระวายใจว่า
“ร้ายแรงรึเปล่าค่ะ? ให้ดิฉันช่วยโทรเรียกตำรวจไหม?”
จ้าวเฉียนผงะเล็กน้อยกับคำถามของเธอ และเอ่ยตอบกลับไปทันควันว่า
“ไม่มีอะไรร้ายแรงขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมต้องไปดูให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พรุ่งนี้คุณต้องบินกลับหยานจิ้งแล้ว คิดว่าคุณควรนั่งแท็กซี่กลับไปก่อนนะ จัดเก็บกระเป๋าให้พร้อม ผมไม่อยากทำให้คุณต้องช้า”
หวงหยิงเมิ่งพยักหน้าตอบ จ้าวเฉียนมาส่งเธอบริเวณที่มีผู้คนค่อนข้างพลุกพล่านเพื่อป้องกันอันตราย และรีบเหยียบขันเร่งบึ่งไปหาหมู่บ้านที่หงซิ่วอยู่ทันที