ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่91 การเดินทางไม่ราบรื่นนัก
ตอนที่91 การเดินทางไม่ราบรื่นนัก
พออวี่กุ้ยเฟิงทราบว่าลูกชายของเธอไม่อยากให้พูดถึงเรื่อง การสืบทอดมรดกของครอบครัว เธอก็เลยไม่พูดถึงมันอีกเลย เธอเดินสำรวจไปรอบสวนดอกไม้ในบริเวณคฤหาสน์ประมาณรอบถึงสองรอบ เพื่อเป็นหลักประกันให้แน่ใจว่า สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของลูกชายเธอมีมาตรฐานพอ ซึ่งทุกอย่างก็สะอาดเรียบร้อยดี เห็นแบบนี้เธอก็โล่งใจ
“ลูก แม่ก็ว่าเดินสำรวจอยู่หลายรอบแล้วนะ ทำไมถึงไม่เห็นวี่แววผู้หญิงเลยล่ะ? แม้แต่ชุดเสื้อผ้า หรืออุปกรณ์สิ่งของๆ ผู้หญิงก็ไม่มีสักอย่าง ถึงลูกยังไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงาน แต่อย่างน้อยก็ควรหาแฟนไว้ควงสักคนได้แล้ว พออายุมากขึ้น ระวังจะหาเมียไม่ได้เอานะ”
“ก็ผมยังไม่เจอใครที่ชอบเลย ตอนนี้ก็ปล่อยมันไปก่อนเถอะ”
“จะว่าไป แม่ได้ยินมาว่า แกถูกผู้หญิงทิ้งมา?”
“แม่ก็รู้แล้วยังจะมาถามอีก? จงใจเปิดแผลเก่าผมเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ! ขอฉันฉีกแผลลูกขึ้นมาพูดหน่อย! นี่ถือเป็นความอัปยศสำหรับแม่และพ่อเลยนะ ลูกจะฟันสาวแล้วทิ้งกี่คนก็ได้ แต่ลูกห้ามเป็นฝ่ายถูกทิ้งก่อนเด็ดขาด!”
แม่ก็คือแม่อยู่วันยังค่ำ จ้าวเฉียนเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเช่นกันเกี่ยวกับเรื่องนี้
“แม่ผมก็คือแม่ผมจริงๆ สุดโต่งเหลือเกิน! สอนเรื่องแปลกๆ ให้ผมอยู่ตลอด! เอาเถอะ นี่ก็นานมาแล้ว พวกเราควรคุยในหัวข้อที่แม่ลูกทั่วไปควรคุยกันดีไหม?”
“เหอะ เหอะ อย่าให้เจอนังนั่นนะ แม่จะฟาดให้ลืมความเป็นคนไปเลย! จะว่าไป…ไหนๆ แม่ก็มาถึงที่นี่แล้ว พรุ่งนี้ต้องพาแม่ออกไปเที่ยวนะ”
“พรุ่งนี้ทางบริษัทมีจัดกิจกรรมไปเที่ยวที่ซ่งต้าวกัน หรือแม่จะไปด้วยก็ได้ แต่เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ แม่ต้องแยกกันไปนะ แล้วค่อยออกมาเจอกันทีหลัง”
อวี่กุ้ยเฟิงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่อุตส่าห์เดินทางมาหาลูกชายถึงที่ แล้วทำไมเธอยังต้องแอบมาเจอลูกตัวเองอีก?
“นี่ฉันเป็นแม่นะ ทำไมต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ อีก? บริษัทนี้สักกี่พันล้านเชียว? เดี๋ยวแม่ซื้อขึ้นมาให้ลูกเลยดีกว่า”
“แต่ผมไม่อยากเปิดเผยตัวตนไงแม่ อยากให้ลูกคนนี้โดนลักพาตัวแบบในข่าวเหรอ?”
อวี่กุ้ยเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าตอบไปอย่างจนใจ
“โอเค แล้วพรุ่งนี้นัดเจอกันกี่โมงล่ะ?”
“พวกเรานัดเจอแปดโมงที่บริษัท แม่ค่อยตามไปทีหลังก็ได้”
“อ่าห่ะ แม่หิวแล้ว ขับรถพาฉันออกไปทานข้าวหน่อย ได้ยินมาว่า ลูกมักจะพาแขกไปเลี้ยงที่โรงแรมตงไห่ใช่ไหม? งั้นพาแม่ไปที่นั่นแหละ”
“ฮ่าฮ่า…ไม่มีปัญหา คุณชายจ้าวขอเป็นเจ้ามือดินเนอร์นี้เอง คุณหญิงอวี่สามารถรับประทานได้ตามต้องการเลยครับ”
“ฮ่าฮ่า…”
สองแม่ลูกเข้าไปในคฤหาสน์เปลี่ยนเสื้อผ้าจัดผมเผ้าให้ดี และขับรถออกไปรับประทานดินเนอร์ในโรงแรมตงไห่
เวลาแปดโมงตรงของวันรุ่นขึ้น ฟางนี่พาทุกคนขึ้นรถบัส ล้อหมุนเดินทางตรงเวลา มุ่งสู่ซ่งต้าว
วันนี้ดูท่าจะโชคร้ายไม่น้อย สภาพอากาศขมุกขมัวทำท่าทำทางราวกับฝนจะตกตลอดเวลา อย่างไรเสียทุกคนต่างคาดหวังกับทริปเที่ยวครั้งนี้มาก และฟางนี่ก็รู้สึกอับอายเกินกว่าจะยกเลิกทริปนี้ได้ บางทีสภาพอากาศบนชายหาดขาวที่ซ่งต้าวอาจจะดีกว่าภายในเมืองตงไห่ก็เป็นได้
จ้าวเฉียนเดินไปนั่งที่เกือบหลังสุด ทันทีที่จัดท่าทางเรียบร้อยดีก็รีบส่งข้อความไปหาแม่ แต่ขณะเดียวกันจู่ๆ หลิวเหม่ยที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ก็ตรงมานั่งข้างเขา แถมบนมือยังถือข้าวกล่องและขนมมาเต็มไปหมด ก่อนจะส่งข้าวกล่องนั้นให้จ้าวเฉียน
“พอดีฉันซื้อมาเกินน่ะ คงกินไม่หมดแน่นอนก็เลยแบ่งมาให้นาย หวังว่า…จะไม่รังเกียจใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนไม่ได้โง่จนถึงขนาดจะไม่ทราบว่า เธอทำข้างกล่องมาให้เขาเป็นพิเศษ ภายในใจของเขาคิดอยากปฏิเสธ ทว่าก็กังวลเช่นกันว่าหลิวเหม่ยจะเสียหน้า เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยในรถบัสจับตามองอยู่ ท้ายที่สุดนี้เธอเป็นสาวสวยคนดังในออฟฟิศ ย่อมมีความภาคภูมิใจในตัวเองอยู่ไม่น้อย
“ขอบคุณมากนะ แต่เอาจริงๆ ฉันยังไม่ค่อยหิวเลย พอดีไม่ได้ตื่นเช้าแบบนี้มานานแล้ว ท้องฉันเลยยังไม่ชินทำให้ไม่มีความอยากอาหารเท่าไหร่น่ะ”
“อิอิ…ฉันเข้าใจน่า ไม่มีใครอยากทานอาหารเช้าทันทีหลังตื่นหรอก”
ทันทีที่บรรดาเพื่อนร่วมงานได้ยินบทสนทนากุ๊กกิ๊งกันระหว่างทั้งคู่ พวกเขาก็อดแซวไม่ได้
“หลิวเหม่ย ฉันเองก็ยังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาเลย ช่วยเอาข้าวกล่องน้ำไปถ่ายสำเนาแบ่งฉันบ้างสิ!”
“ถ่ายสำเนาบ้างป้าแกดิ ข้าวนะเว้ยไม่ใช่เอกสาร!”
“ฮ่าฮ่า…”
จ้าวเฉียนเองก็ร่วมวงหัวเราะกับทุกคนเช่นกัน และกล่าวขึ้นว่า
“อย่าแซวกันสิพวกนาย! ฉันเป็นผู้ชายยังพอว่า แต่หลิวเหม่ยเธอเป็นผู้หญิงนะ พูดแบบนี้เธอก็เสียหายหมด ถ้าต่อไปเธอหาคู่ไม่ได้จนนก พวกนายต้องรับผิดชอบนะ!”
“โอ๊ยยย~ จะไปหาที่ไหน๊~ นายนั่นแหละต้องรับผิดชอบเธอ!”
“ถูกต้องๆ! มีคนทำข้าวเช้า อุ๊บ…หมายถึงซื้อมาเกินน่ะ นายก็ควรรับไว้ด้วยความเต็มใจนะ!”
“เป็นฉันรักตายเลยนะ!”
“ฮ่าฮ่าๆๆ …”
หลิวเหม่ยคลี่ยิ้มบาง ก้มหน้าก้มตาขวยเขินอยู่แบบนั้น ด้วยท่าทางการแสดงออกของเธอ ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เธอน่าจะชอบจ้าวเฉียนแล้วจริงๆ
จ้าวเฉียนไม่อย่าให้เรื่องราวมันเกินเลยไปกว่านี้ จึงกล่าวตอบกลับไปทันทีว่า
“หยุดเล่นได้แล้ว เพื่อนกันเฉยๆ น่า”
ทุกคนต่างระเบิดหัวเราะพลางส่งเสียงเชียร์คู่นี้กันลั่นเข้าไปใหญ่
มีเพียงจางหยาง, หวังเฉียง, เจวียงหยวนและเจียงเสี่ยวปิงนี่นั่งหน้าบึ้งราวกับตัดขาดจากทุกคนโดยสิ้นเชิง เห็นจ้าวเฉียนเนื้อหอม บรรดาเพื่อนร่วมงานต่างรักใคร่แบบนี้ พวกเขายิ่งไม่มีความสุขเลย โดยเฉพาะกับเจียงเสี่ยวปิง เธอในตอนนี้รู้สึกเสียดายอย่างยิ่งที่ตอนนั้นเลือกที่จะเลิกกับจ้าวเฉียน
จากนั้นไม่นาน เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น จ้าวเฉียนหยิบมือถือขึ้นมาดูปรากฏว่าแม่ของเขาเป็นคนโทรหา
“ว่าไงครับแม่?”
“ลูก แม่ว่าฝนฟ้าดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ไม่ไปแล้วดีกว่า นอนพักผ่อนอยู่บ้านรอลูกกลับมานั่นแหละ แต่หลังจากนี้พาแม่ไปเดินห้างด้วยนะ”
“เข้าใจแล้วครับ อยู่บ้านเล่นไปก่อนนะแม่ ไม่นานผมก็กลับแล้ว”
“โอเค ระวังตัวด้วย”
“ครับ”
พอวางสายไป จ้าวเฉียนก็หยิบข้าวกล่องออกมาทาน เมื่อเปิดฝากล่องขึ้นก็เจอกับไข่ม้วนกับแพนเค้กแสนน่ากิน หลังจากรับประทานเสร็จสรรพ เขาก็ปรับเอนที่นั่งและนอนหลับพักสายตาไป เมื่อเห็นว่าจ้าวเฉียนหลับไปแล้ว ทุกคนจึงไม่กล้าส่งเสียงดังรบกวนเขา ไม่นานนักบรรยากาศในรถบัสก็เข้าสู่ความสงบ บางคนใส่หูฟังเพลิดเพลินไปกับเสียงเพียง บ้างก็นอนหลับเอาแรง
เวลาผ่านไปสักหนึ่ง รถบัสก็เดินทางมาถึงท่าเรือเฟอร์รี่ ทุกคนลงจากรถบัสทันทีที่จอดสนิทแล้ว
“โอ้? ดูท่าฝนใกล้ตกแล้วแหะ”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราใกล้ถึงจุดหมายแล้ว รีบขึ้นเรือรีบไปเถอะ”
ทุกคนต่างรอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อ ราวกับกลัวว่าจะตกเรือ
ยืนรออีกพักหนึ่ง เรือที่ฟางนี่จ้างมาก็ขึ้นเทียบท่า
“ทุกคนรีบขึ้นไปแล้วหาที่หลบฝนกันก่อน”
ฟางนี่ตะโกนเรียกทุกคนให้รีบขึ้นเรือไป
เมื่อเห็นว่าพวกเขาทยอยขึ้นเรือนไปได้ครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ท่าเรือก็รีบมาห้ามส่วนที่เหลือไม่ให้ขึ้นไปต่อ
ฟางนี่เอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความสงสัยว่า
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ? ทำไมมาห้ามไม่ให้พวกเราขึ้นต่อ?”
เจ้าหน้าที่ท่าเรือเร่งอธิบายโดยเร็วว่า
“ต้องขออภัยด้วยครับ เนื่องจากสภาพอากาศเริ่มเลวร้ายลง ทางเราจะต้องลัดคิวให้แขกคนสำคัญขึ้นไปก่อนครับ ส่วนที่เหลือต้องรอเรือลำต่อไปครับ”
ฟางนี่โมโหอย่างมากเมื่อได้ยินเหตุผลดังนั้น คนของเธอขึ้นไปแล้วครึ่งหนึ่ง แล้วจะให้ที่เหลือยืนตากฝนพรำๆ ทั้งแบบนี้เหรอ?
ทันใดนั้นคนดูแลท่าเรืออีกคนก็รีบวิ่งออกมาจากสำนักงานทันที และตะโกนออกไปว่า
“พยากรณ์อากาศแจ้งมาว่า วันนี้จะมีพายุเข้าชายฝัง เรือข้ามฟากลำนี้จะเป็นเที่ยวสุดท้ายแล้ว ต้องรอพรุ่งนี้มาใหม่!”
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งลงมาจากรถหรูด้านหลังทุกคน และเอ่ยถามพนักงานว่า
“มีปัญหาอะไรกัน? ยังไม่รีบไล่คนพวกนี้ไปอีกเหรอ? เจ้านายของเราเริ่มมีน้ำโหแล้วนะ ถ้ายังช้าอยู่แบบนี้ผมไม่รับประกันความปลอดภัยนะ”
“ขอโทษด้วยครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทางผมกำลังเจรจากับพวกเขาอยู่ จะรีบดำเนินการโดยด่วนครับ”
“พวกนายน่ะ รีบๆ ออกไปจากที่นี่ให้ไวเถอะ มาสร้างปัญหาจนทำให้แผนการเดินทางของพวกเราล่าช้า อาจส่งผลเสียต่อตัวพวกนายเอง!”
ชายหนุ่มคนนั้นกวาดตามองพวกฟางนี่ เอ่ยปากข่มขู่ไปคำหนึ่ง ก่อนจะวิ่งกลับไปที่รถอย่างรวดเร็ว
จ้าวเฉียนเหลียวหลังหลับไปมอง หรี่ตาหดแคบจับจ้องไปยังชายหนุ่มคนนั้นที่เข้าไปในรถหรู
เจ้าหน้าที่ท่าเรือรีบกล่าวกับฟางนี่ว่า
“คุณเองก็น่าจะได้ยินแล้ว อีกฝ่ายเป็นคนใหญ่คนโต พวกเราไม่สามารถล้ำเส้นพวกเขาได้ โปรดให้ความร่วมมือแต่โดยดีด้วยครับ ถ้าปล่อยไปแบบนี้ มันอาจส่งผลร้ายต่อตัวพวกคุณเองจริงๆ”
“ประธานฟาง พวกเราจะทำยังไงดี? เพื่อนคนอื่นๆ ก็ขึ้นเรือกันไปหมดแล้ว ถ้าปล่อยไปแบบนี้พวกเขาได้อดตายอยู่บนชายหาดแน่นอน แต่ละคนไม่ได้พกเงินมามาก แถมค่าครองชีพที่นั่นยังแพงอีก…”
ฟางนี่พยักหน้าตอบทันที เวลานี้ในฐานะเจ้านายของทุกคน เธอต้องยืนกรานแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
จางหยางรู้สึกเช่นกันว่า นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้แสดงฝีมือแล้ว ตราบเท่าที่เขาสามารถแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ได้ สถานะของเขาในบริษัทจะต้องเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง
“ผมจะไปคุณไปคนดูแลท่าเรือเอง ถ้าพวกเราไม่ได้ไปกันครบ ก็อย่าหวังว่าเรือจะแล่นออกไปได้”
ฟางนี่ตอบกลับทันทีว่า
“ฉันจะไปกับคุณเอง หวังเฉียงฝากดูแลทุกคนตรงนี้ด้วย!”
หวังเฉียงรีบพยักหน้าตอบว่า
“ไม่ต้องห่วงครับประธานฟาง ผมดูแลทางนี้เอง”
ฟางนี่พยักหน้าให้ทีหนึ่ง และรีบไปหาคนดูแลท่าเรือพร้อมกับจางหยาง
จ้าวเฉียนที่ได้ขึ้นเรือไปแล้ว พอได้ยินเรื่องบนฝั่ง เขาจึงหยิบมือถือโทรออกไปทันทีเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมด