ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่93 เพียงไม่กี่คำ
ตอนที่93 เพียงไม่กี่คำ
“จบแล้ว! จบแล้ว จบแล้ว! ชีวิตฉันมันจบแล้ว! จ้าวเฉียนต้องไปมีเรื่องกลับคนพวกนั้นแน่เลย แห่กันมาขนาดนี้ พวกเราตายแน่!”
หวังเฉียงเป็นพวกกระต่ายตื่นตูม ขี้ตกใจง่าย พลอยทำให้ทุกคนพลันตกอกตกใจไปด้วย พวกเขารีบลุกขึ้นตั้งท่าเตรียมวิ่งหนีในทันใด
จางหวางดูโกรธหนักกว่าเก่า ตะโกนด่าขึ้นว่า
“คิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องพาซวย! ก่อปัญหาไม่ดูที่ดูทางเลย! อย่าโทษฉันละกันว่าไม่ยอมปกป้องมัน ฉันแหกปากเตือนไปไม่รู้เท่าไหร่ ถ้าพวกรปภ.วิ่งมาถามว่ารู้จักจ้าวเฉียนไหม ทุกคนต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเข้าใจไหม? ไม่งั้นพวกเราโดนกระทืบแน่!”
ฟางนี่รีบสะกิดหลังจางหยางอย่างลับๆ จิกปากเตือนไปว่า ไม่ควรพูดอะไรที่มันไร้สาระแบบนี้ออกมา
จางหยางทราบดีว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสมควรจะพูดเลย แต่ทั้งหมดก็คือความในจากใจจริง
ทุกคนตั้งท่าเตรียมวิ่งกันแล้ว แต่ทันใดนั้นเองเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น! แทนที่พวกรปภ.จะวิ่งมาหาพวกเขา แต่กลับไปปิดล้อมรถหรูคันนั้นแทน
รอยยิ้มประจบประแจงของผู้ดูแลก่อนหน้าลอยมาแต่ไกล กล่าวกับคนในรถคันหรูอยู่ไม่กี่คำ รถหรูก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี
ฟางนี่และคนอื่นๆ จับจ้องภาพฉากดังกล่าวพร้อมท่าทีตื่นตะลึงยิ่ง นี่มันหมายความว่ายังไง? ไม่ใช่ว่ารปภ.พวกนี้จะมารุมทุบตีพวกตนหรอกเหรอ?
ไม่นาน คนดูแลท่าเรือคนนั้นก็วิ่งมาทางฟางนี่และคนอื่นๆ ทำเอาทุกคนหวาดกลัวจัดเตรียมวิ่งหนีได้ทุกเมื่อ
“ฮ่าฮ่า…ผมต้องขอโทษพวกคุณด้วย ขอโทษครับ ขอโทษจากใจจริงเลย ที่สร้างความเดือดร้อนให้พวกคุณแบบนี้ ทุกท่านโปรดลงเรือจับจ้องที่นั่งกันได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ ท้องฟ้ามืดครึมหมดแล้ว เรือเที่ยวสุดท้ายต้องรีบออกเดินทางก่อนพายุเข้านะครับ รีบขึ้นเรือกันเถอะครับ”
จางหยางเบิกตาแทบถล่นดูตะลึงไม่น้อย เอ่ยถามไปอย่างไม่แน่ใจว่า
“คุณ…คุณหมายความว่าพวกเราทั้งหมดสามารถลงเรือได้แล้ว?”
“ใช่ครับ! เชิญเลยครับ!”
“แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงยังห้ามไม่ให้ขึ้นอยู่เลยล่ะ?”
“พอดีผมสับสนเล็กน้อยน่ะครับ พอเห็นว่าเป็นคุณชาย..อ๊ะ…หมายถึงคุณจ้าวน่ะครับ ผมก็รู้ทันทีว่าตัวเองทำงานสะเพร่าเอง คุณผู้หญิงท่านนี้คงเป็นเจ้านายของคุณจ้าวใช่ไหมครับ? ยินดีด้วยนะครับที่มีพนักงานดีเด่นอย่างคุณจ้าว เขาเป็นคนที่พึ่งพาได้จริงๆ ผมล่ะอิจฉาแทนเลย”
รอยยิ้มแสนประจบและเป็นมิตรพุ่งเป้าใส่ฟางนี่ คนดูแลท่าเรือคนนั้นยกสองมือขึ้นประกบจับมือฟางนี่ พร้อมเอ่ยปากขอโทษอีกครั้งที่เสียมารยาท ก่อนจะวิ่งจากออกไปโดยเร็ว
จางหยางตกตื่นตะลึง หวังเฉียงแทบไม่อยากเชื่อสายตา เจวียงหยวนถึงกับอ้าปากพูดไม่ออก จ้าวเฉียนคนนี้เป็นใครกัน มีปากมหาเสน่ห์หรือยังไง ถึงพูดอะไรไปคนรอบข้างถึงได้ยอมเขาหมด? ไม่มีใครจินตนาการออกเลยว่า มีอะไรพิเศษที่มากกว่าคำพูดออกจากปากจ้าวเฉียนหรือไม่?
“ดูสิ! บอกแล้วว่าไม่ต้องขึ้นมา ฉันควรจะเชื่อใจจ้าวเฉียนตั้งแต่แรก”
“รีบกลับลงเรือไปเลย ฉันรู้สึกผิดหวังในตัวเองจริงๆ ที่สงสัยในความสามารถของจ้าวเฉียน”
“เฮ้อออ…ขึ้นๆ ลงๆ เหนื่อยฟรีเลย เจอจ้าวเฉียนคงต้องขอโทษสักครั้ง”
บรรดาเพื่อนร่วมงานทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบกลับลงเรือไปดังเดิม
คนดูแลท่าเรือรีบวิ่งกลับไปที่สำนักงานทันที ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังนั่งดื่มน้ำอัดลมอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายใจเฉิบ
“คุณชาย ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วครับ ตอนนี้คนของคุณชายลงเรือครบทุกคนแล้ว ถ้าคราวหน้าต้องการใช้บริการทางนี้อีก สามารถเรียกใช้ผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ ผมจะจัดเตรียมเรือเฟอร์เรอรี่ลำที่ดีที่สุดไว้รอเลยครับ เฟอร์เรอรี่ลำนี้ค่อนข้างมีอายุแล้ว ยังไงต้องขอประทานโทษด้วยจริงๆ ครับ”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มบาง พลางปิดฝาน้ำอัดลม
“ฉันไม่ก็ไม่อยากทำให้นายต้องลำบากแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ดันมาเจอเรื่องดังกล่าวขึ้นพอดี เอาเถอะ ฉันแค่อยากเที่ยวซ่งต้าวเงียบๆ น่ะ”
“ผมเข้าใจดีครับ ยังไงผมก็ต้องขอโทษคุณชายจ้าวอีกครั้งนะครับ ที่ต้องทำให้ทริปเที่ยวของคุณชายล่าช้า”
“ไม่เอาน่า พอมาเจอคนแบบนายก็โอเค คุยง่ายดี หลังจากนี้นายก็ตั้งใจทำงานให้ดีล่ะ วันไหนที่ฉันมีโอกาสเจอหัวหน้าท่าเรือหยานจิงโอเชี่ยนเวลท์ กรุ๊ป ของสาขาใหญ่ ฉันจะแนะนำนายให้เขารู้จัก เตรียมเลื่อนขั้นไปทำที่สาขาใหญ่ได้เลย!”
“โอ้! ขอบคุณอย่างมากครับคุณชายจ้าว ผมรู้สึกซาบซึ้งจากใจจริงที่คุณชายใจดีกับผมถึงขนาดนี้!”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ยังไงก็ตาม เรื่องตัวตนของฉันต้องเก็บเป็นความลับห้ามให้บุคคลที่สามรู้เข้าใจไหม?”
“เข้าใจ เข้าใจ เข้าใจแล้วครับ! คุณชายจ้าวไม่ต้องกังวล ผมจะปิดปากเงียบสนิทเลย!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบอย่างพึงพอใจ และหยิบน้ำอัดลมขสดนั้นที่ยังดื่มไม่หมดพกติดตัวออกไปด้วย
เวลานี้เอง เรือเฟอร์เรอรี่มีผู้โดยสารเต็มลำแล้ว แต่เรือกลับยังไม่แล่นออกจากท่าสักที
“ทำไมเรือยังไม่ออกอีก? เดี๋ยวพายุก็เข้าก่อนหรอก”
“ถูกต้อง! ฉันไม่อยากตายอยู่บนเรือแบบนี้นะ!”
“รีบออกเรือได้แล้ว!”
นอกจากบรรดาคนของบริษัทเกมฟางนี่แล้ว ก็ยังมีพวกนักท่องเที่ยวที่จับจองที่นั่งรออยู่ตั้งแต่แรกสุด เวลาเลยมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว แต่เรือก็ยังไม่แล่นออกสักที จนทนไม่ไหวระเบิดความโกรธตะโกนด่าเสียงดังลั่น
กัปตันส่งลูกเรือออกไปป่าวประกาศกับทุกคนเพื่อชี้แจงทันที
“ผู้โดยสารทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ ยังมีผู้โดยสารอีกหนึ่งคนไม่ได้ขึ้นมา โปรดรออีกสักครู่ครับ”
“ใครกัน? หน้าด้านอะไรขนาดนั้น!”
“ถูกต้อง ทำไมต้องให้พวกเราตั้งเกือบร้อยรออีกฝ่ายแค่คนเดียว? มันเป็นใครกัน?”
ขณะนั้นเอง จ้าวเฉียนก็เดินตรงเข้ามาอย่างแช่มช้า พลางเปิดฝาขวดน้ำอัดลมขึ้นกระดก
เหล่าผู้คนในบริษัทเกมฟางนี่ที่รออยู่บริเวณทางขึ้นเรือ ต่างปรบมือต้อนรับจ้าวเฉียนที่กลับมา ราวกับเหล่าทหารยืนต้อนรับขุนศึกที่รบชนะกลับมา
จ้าวเฉียนยังไม่ก้าวขึ้นเรือทันที เขายืนกระดกน้ำอัดลมจนหมดขวดก่อนโยนทิ้งถังขยะ และเดินแช่มขึ้นมาอย่างใจเย็น
“ไอ้หมอนี่เป็นใคร? ทำไมเราต้องรอมันด้วย?”
“ถูกต้อง! ไอ้หนุ่มรีบๆ ขึ้นมาได้แล้ว! ทำไมทุกคนต้องรอแกคนเดียวห่ะ?”
“เป็นญาติฝ่ายไหนของกัปตัน หรือเป็นคุณชายทายาทเศรษฐีจากที่ไหน ทำไมถึงมีสิทธิพิเศษกว่าคนอื่น?”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบคลอเสียงหัวเราะไปว่า
“ผมไม่ได้เป็นญาตฝ่ายไหนของกัปตัน แล้วผมก็ไม่ใช่คุณชาย ลูกทายาทเศรษฐีอะไรนั้นด้วย ก็แค่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าไปที่ซ่งต้าว”
พอพวกเพื่อนร่วมงานได้ยินเสียงบ่นของเหล่านักท่องเที่ยวคนอื่นๆ แต่ละคนก็เริ่มสงสัยในตัวตนของจ้าวเฉียนแล้วเช่นกัน แท้จริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมแม้แต่กัปตันเรือยังต้องรอเขาแค่คนเดียว?
จ้าวเฉียนไม่อยากให้ทุกคนต้องมาคาดเดาตัวตนของเขาอีกต่อไป จึงตอบไปว่า
“พวกเขากลัวจะตกเป็นข่าว ฉันเลยขู่ไปว่าถ้าไม่สละสิทธิ์ให้พวกเรา จะไปฟ้องนักข่าวที่เป็นเพื่อนสนิท สงสัยว่าฝ่ายนั้นเองก็กลัวถูกตรวจสอบเช่นกันเลยไม่กล้าคัดค้าน เมื่อกี้ทำอะไรฉันเห็นหมดนะ ตั้งท่าเตรียมวิ่งขนาดนั้น? ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ข้างในเรือมีขนมของกินตั้งมาก ไปกินดื่มให้ผ่อนคลายกันดีกว่า มาเที่ยวทั้งที!”
พอได้ยินจ้าวเฉียนอธิบายไปแบบนั้น แต่ละคนต่างคล้อยรู้สึกเช่นกันว่ามันค่อนข้างสมเหตุสมผล การบังคับคนอื่นด้วยเงินหรืออำนาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ขอแค่เพียงมีไหวพริบที่ดีพอ จับจุดอ่อนของอีกฝ่ายก็สามารถกลายมาเป็นคนถือหางเสือเรือ [1] ได้แล้ว
จางหยางและพวกหวังเฉียงต่างไม่เชื่อว่า จ้าวเฉียนจะใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองเพื่อให้อยู่เหนือกว่าอีกฝ่าย แต่ต้องมีอะไรมากกว่านั้นที่อาจสร้างปัญหาร้ายแรงให้พวกเขาได้ในอนาคต
หลิวเหม่ยคลี่ยิ้มหวานกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า
“ฉันรู้ดีว่านายจะต้องช่วยแก้ไขปัญหาให้พวกเราได้แน่นอน นายก็เห็นว่าฉันยืนกรานอยู่บนเรือ ในขณะที่คนอื่นต่างขึ้นฝั่งไปหมด”
“ฉันเห็นน่า ขอบคุณนะที่เชื่อใจกัน พอไปถึงซ่งต้าวแล้ว ฉันจะซื้อของขวัญให้เธอสักชิ้น จะเป็นอะไรก็ได้เลือกตามใจเลย!”
“อิอิ…สัญญาแล้วนะ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบ จากนั้นไม่นานฟางนี่ก็เดินตรงมาหา
“จ้าวเฉียน คราวนี้ฉันต้องทำให้นายลำบากอีกแล้ว ถ้าไม่ได้นายช่วย มีหวังทริปคงกร่อยแน่นอน”
“ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ เรื่องเล็กน้อยมาก”
“นี่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่ไหน อย่าถ่อมตัวไปเลย”
“มันเป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ ครับ แค่พูดไม่กี่คำก็แก้ปัญหาได้แล้ว”
ตอนนี้จางหยางรู้สึกหดหู่ใจอย่างที่สุด แถมยังรู้สึกอีกว่าที่จ้าวเฉียนพูดแบบนี้เพราะจงใจฉีกหน้า ทำให้เขาต้องอับอาย เรื่องเล็กน้อย? แค่พูดไม่กี่คำก็แก้ปัญหาได้แล้ว? ขนาดเขากับฟางนี่เดินไปคุยกับอีกฝ่ายถึงที่ มันยังไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ทว่าจ้าวเฉียนบอกว่า พูดแค่ไม่กี่คำนี่นะ? อัปยศ! นี่มันอัปยศเกินรับไหวแล้ว!
“เรื่องเล็กน้อยงั้นเหรอ? ฉันว่าแกแอบยัดใต้โต๊ะคนดูแลท่าเรือใช่ไหม? ทำไมไม่พูดความจริงไปล่ะว่าแกทำแบบนั้น? สิ่งที่ทำลงไปกลับยิ่งสร้างปัญหาให้พวกเราในภายหลังมากกว่า!”
“หุหุ… ถ้าผู้จัดการจางไม่เชื่อ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว อีกอย่าง…ตอนที่ทุกคนกำลังมีปัญหา คุณทำอะไรอยู่เหรอครับ? ช่วยให้ทุกคนขึ้นเรือได้ไหม?”
จางหยางยังคงอ้าปากพยายามสรรหาเรื่องมาโต้เถียงกับจ้าวเฉียนต่อ ทว่าฟางนี่ก็รีบดึงร่างของเขาออกจากวงสนทนาไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเดินไปหยุดที่มุมหนึ่ง และเริ่มมีปากเสียงทะเลาะกันทันที
“จางหยาง นี่รู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่? สุดท้ายจ้าวเฉียนก็แก้ปัญหาได้ไม่ใช่เหรอ? แล้วคุณจะสนใจวิธีการทำไม ถึงเขาจะใช้เงินเพื่อแก้ปัญห่า แต่นั้นก็เป็นเงินของเขา แถมยังทำเพื่อพวกเราทุกคน เราต่างหากที่ควรขอบคุณไม่ใช่เหรอ?”
“ผมไม่ยอม! ผมไม่ยอมให้มันมาหักหน้าผมทุกเรื่องแบบนี้!”
“นี่ไม่มีทางเลือก ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากเขาจริงๆ! อีกอย่างคุณต้องรู้ถึงจุดยืนของตัวคุณเอง บริษัทแห่งนี้ก็เหมือนกับบริษัทของครอบครัวเรา ไม่ว่าจ้าวเฉียนจะใช้วิธีใดแก้ปัญหา แต่มันก็นำมาสิ่งประโยชน์ต่อพวกเราจริงไหม? แล้วทำไมคุณต้องใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้?”
จางหยางที่ได้ฟังดังนั้นก็คิดเหมือนกันว่า เธอพูดมีเหตุผล ทั้งหมดที่เขาทำไปก็เพื่อพวกเขาจริงๆ
พอคิดในแง่มุมนี้ดูแล้ว เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก
ฟางนี่ถอนหายใจอย่างลับๆ บางทีเธอต้องหาเวลามาจับเข่าคุยกับเขาดีๆ สักครั้ง หวังว่าจะปรับทัศนคติพวกนี้ไปได้ เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ในไม่ช้าก็เร็วเขาจะทนอยู่ในบริษัทของเธอต่อไม่ไหวแน่นอน
[1] คนที่อยู่เหนือกว่า