ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 112+113 ช่วยเหลือสําเร็จจุดแวะพักผานหลิวซานเปิดอย่างเป็นทางการ
- Home
- ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก
- ตอนที่ 112+113 ช่วยเหลือสําเร็จจุดแวะพักผานหลิวซานเปิดอย่างเป็นทางการ
ตอนที่ 112+113 ช่วยเหลือสําเร็จ/จุดแวะพักผานหลิวซานเปิดอย่างเป็นทางการ
ตอนที่ 112 ช่วยเหลือภัยสําเร็จ
“พ่อครับ พวกเราจะตายใช่ไหม?”
อู๋หมิ่นต๋าถามขึ้นขณะมองเลือดที่ไหลซึมเข้ามาในห้องผ่านรอยร้าวของประตูและรอยร้าวบนผนัง
อู๋เจิ้นใบหน้าซีดเซียว การเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของพืชในบ้านได้ทำลายความสามารถของเขา ทำให้เขารู้สึกหน้ามืดเรื่อย ๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังส่งยิ้มอย่างมั่นใจให้ลูกชายของตนเอง
“มีพ่ออยู่ที่นี่ เราจะไม่เป็นไร พ่อจะปกป้องแม่กับลูกเอง”
หลิวซูผู้เป็นภรรยาหมดหวังไปนานแล้ว เธอมองตาข่ายป้องกันต้นไม้ที่สามีของเธอทอไว้หลุดออกทีละชั้น ปลายจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเน่าของซอบบี้ ในหูได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงคำรามอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน จนทำให้สมองเธอมึนงงไปหมด
ไม่มีใครจะมาช่วยพวกเธอแล้ว
เธอหัวเราะเยาะเย้ยอย่างสังเวชตัวเอง ก่อนจะหยิบมีดปอกผลไม้ที่เตรียมไว้ขึ้นมา
“ที่รัก ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันอยากพาลูกไปก่อน ฉันไม่อยากถูกสัตว์ร้ายที่น่าขยะแขยงเหล่านั้นกิน…”
อู๋เจิ้นพรั่นใจเพราะกลัวว่าเธอจะทําอะไรรุนแรงจริง ๆ เขาจัดการกับเถาวัลย์เพื่อคว้ามีดในมือของเธอ และเอ่ยอย่างเจ็บปวด
“คุณอย่าทำแบบนี้ ได้โปรดรออีกนิดเถอะ เชื่อผมนะ คืนนี้เราจะรอด! ผมสัญญาว่าถ้าไม่มีใครมาช่วยเราคืนนี้ ผมจะยอมแพ้ โปรดรออีกคืนนะ!”
หลังจากพูดแล้วเขาก็กวักมือเรียกลูกชาย “มานี่ มาหาพ่อ”
อู๋หมิ่นต๋าตกใจกลัวเล็กน้อย เขายืนนิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อนอยู่ที่เดิม แววตาหม่นหมองไร้แสงเปล่งประกาย ไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่
เห็นภรรยาและลูกก็เป็นแบบนี้แล้ว อู๋เจิ้นหลั่งน้ำตาด้วยความสิ้นหวัง เขากัดฟันเค้นพลังอันน้อยนิดออกมา และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตาข่ายป้องกันอีกครั้ง
ประตูพังทลายแล้ว มือสีฟ้าอมเทาที่เปรอะเปื้อนเลือดของซอมบี้จำนวนนับไม่ถ้วนยื่นผ่านรูตาข่ายป้องกันเข้ามา แขนขาขนาดยักษ์ของเคียวโลหิตกระแทกและสับเถาองุ่น พยายามฉีกทึ้งทางเข้า เพื่อเข้ามาร่วมงานเลี้ยงมื้อนี้
ไม่รู้ว่าเขาอยู่อย่างนั้นมานานแค่ไหนแล้ว แต่ในขณะที่เขาเกือบจะหมดสติลง เขาก็ได้ยินเสียงประตูถูกทลาย และเสียงกระสุนปืนหลายนัด เสือดาวสีทองตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา พร้อมกับรูม่านตาสีทองเข้ม และเขี้ยวอันแหลมคมน่าสยดสยองอาบไปด้วยเลือดและคราบเขม่าดินปืน——
……
“เถ้าแก่ซู ช่วยเหลือสําเร็จแล้ว”
ซูเถาได้ยินเสียงปลายสายผ่านเครื่องมือสื่อสาร และเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง “กัปตันเหลย คุณว่าอะไรนะ ฉันได้ยินไม่ชัด”
“ผมบอกว่า…ช่วยเหลือสําเร็จแล้ว แต่อู๋เจิ้นใช้พลังเกินลิมิตจนเป็นลมหมดสติไปแล้ว ภรรยาและลูกชายได้รับบาดเจ็บจากการถูกแทงด้วยมีด มีคนให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว บาดแผลอาจเสี่ยงติดเชื้อ ส่วนจะรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความประสงค์ที่จะรอดชีวิตของเขา”
คราวนี้ซูเถาได้ยินอย่างชัดเจน และถามอย่างงงงวย “ทำไมถึงได้มีบาดแผลจากมีด”
เหลยสิงยักไหล่ “ดูเหมือนว่าภรรยาของเขาต้องการฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูกของเธอ โชคดีที่ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ ไม่งั้นคงตายคาที่ เถ้าแก่ซู พวกเขาไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาไม่รอดจะไม่นับว่างานของผมไม่เสร็จใช่ไหม”
ซูเถาทําอะไรไม่ถูกกับการกระทำของภรรยาอู๋เจิ้น ได้แต่ถอนหายใจและเอ่ย
“ไม่นับ รบกวนพวกคุณแล้ว ฉันจะจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและเสบียงให้คุณได้ยังไง”
ทันทีที่เอ่ย ซูเถาก็ได้ยินเสียงหอนร่าเริงจากปลายสาย
“โอ่วววว เอ่อ…”
เธองุนงง “เกิดอะไรขึ้น”
เหลยสิงยิ้ม “ผมขอให้พวกเขาจุดไฟเผาเมืองรอบนอกของโส่วอัน แต่น่าเสียดายมากเลยเถ้าแก่ซูที่คุณไม่เห็นว่าไฟสูงพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าสวยงามแค่ไหน มันคุ้มค่ามากที่จะเฉลิมฉลอง”
มุมปากของซูเถากระตุก เจ้าคนบ้า…
“เถ้าแก่ซู อีกสามวันเราจะไปที่ตงหยาง เมื่อของมาถึง เราค่อยมาเจอกัน”
……
ตอนที่ 113 จุดแวะพักผานหลิวซานเปิดอย่างเป็นทางการ
สายเรียกเข้าสายนี้ถือได้ว่าเป็นยาสร้างความมั่นใจให้กับซูเถาได้เลย แต่เธอก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อยว่าภรรยาและลูกของอู๋เจิ้นจะรอดหรือไม่ และเมื่ออู๋เจิ้นฟื้นขึ้นมาจะตรอมใจไหม…
เฮ้อ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเลย กําลังจะได้รับการช่วยเหลือแล้วแต่กลับฆ่าตัวตาย
ซูเถาได้แจ้งข่าวให้ผู้อาวุโสเหม่ยฟัง
ผู้อาวุโสเหม่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก และในเวลาเดียวกันก็บ่นเล็กน้อย
“ภรรยาของเสี่ยวเจิ้นเป็นคนสุดโต่ง เมื่อก่อนฉันโน้มน้าวให้พวกเขามาอยู่ที่เถาหยาง แต่ภรรยาของเขาก็แอบวางสายโทรศัพท์ของฉัน ทั้งยังลบเบอร์โทรเพื่อป้องกันไม่ให้ฉันติดต่อเสี่ยวเจิ้น และมีครั้งหนึ่งที่ฉันโทรไป พอรับสายได้เธอก็ด่าฉันเสีย ๆ หาย ๆ”
ซูเถากลั้นหายใจ “ทําไมคุณไม่เคยบอกเรื่องนี้กับฉันล่ะคะ”
ผู้อาวุโสเหม่ยส่ายหัว “ฉันแก่แล้วและไม่ควรโกรธพวกเด็ก ๆ เธอก็อย่าโกรธไปเลย คนก็เกือบจะไม่อยู่แล้ว ฉันหวังว่าเธอและหมิ่นต๋าจะอยู่รอด ไม่อย่างนั้นถ้าเห็นเสี่ยวเจิ้นทุกข์ใจ ฉันก็คงทนไม่ได้”
ซูเถาเกาหัว ช่างเถอะ ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา
พอตกดึกก็ได้รับสายจากหม่าต้าเพ่า ซูเถาจึงเทเลพอร์ตไปยังภูเขาผานหลิวอย่างรวดเร็ว รถมาจอดอยู่ที่ประตูแล้ว มีคนเจ็ดแปดคนลงมาจากรถ ทันทีที่พวกเขาเข้ามา ก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจอย่างระมัดระวัง
เมื่อหม่าต้าเพ่าเห็นซูเถาก็รีบเข้าไปต้อนรับเธอ และแนะนําให้เธอฟัง
“สองคนนี้เป็นสาวแผนกต้อนรับของเรา เสี่ยวจางและเสี่ยวเติ้ง เธอมีบุคลิกภาพที่ดีใช่ไหมเถ้าแก่? ทั้งยังความฉลาดและรู้หนังสืออีกด้วย”
สองสาวทักทายซูเถาตามคําพูดของหม่าต้าเพ่า บุคลิกภาพของเธอทั้งสองดีจริง ๆ ทั้งยังมีความสง่างาม ดวงตาสุกใส
เพื่อให้สามารถหาคนที่เหมาะสมในวันสิ้นโลกได้ หม่าต้าเพ่าต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
“สองคนนี้คือป้าเจิ้งและป้าเจียง ทั้งคู่เคยทํางานในโรงแรมเก่ามาก่อน มีประสบการณ์และเป็นคนคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง”
“ส่วนสองคนนี้เป็นคนที่จะมาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่เคยเป็นบอดีการ์ดมาก่อน พวกเขามีทักษะการต่อสู้ ให้พวกเขาดูแลจะสามารถมั่นใจได้อย่างแน่นอน”
“คนสุดท้ายคือพ่อครัวฉินของเรา”
แล้วจู่ ๆ พ่อครัวฉินก็พาภรรยาของเขาเดินไปข้างหน้า และเมื่อเห็นว่าเขากําลังจะคุกเข่า ซูเถาก็ปรี่เข้าพยุงอีกฝ่ายทันที
“พ่อครัวฉิน! อย่าทำอย่างนั้น!”
ไม่ว่าจะพูดยังไงพ่อครัวฉินก็ยังยืนยันที่จะคุกเข่า และบังคับให้ภรรยาของเขาคำนับซูเถา
ซูเถาต้องการตะโกนขอร้อง ทั้งสองคนมีอายุมากกว่าเธอ เธอรับไม่ได้จริง ๆ
พ่อครัวฉินกล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ
“เถ้าแก่ซู สําหรับคุณแล้วอาจจะเป็นแค่งานที่สามารถให้ได้ แต่สําหรับเราสองสามีภรรยา มันเป็นความเมตตาที่ช่วยชีวิตผมไว้จริง ๆ ตอนที่คุณหม่ามาหาผม ที่จริงเราได้หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ทั้งยังเราไม่มีเงินออม ไม่มีที่อยู่ เราถูกขับไล่ไปทุกที่ ผมเป็นผู้ชาย ยังสามารถทนกลืนความทุกข์ทรมานนี้ได้ แต่ภรรยาของผมทําไม่ได้ สุขภาพเธอไม่ดี เธอทนไม่ไหว”
“ถ้าเธอจากไป ผมคงจะไม่สามารถอยู่รอดในวันสิ้นโลกนี้ได้”
ชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบพูดพลางร้องไห้ออกมา
ภรรยาหูหนวกของเขาก็ร้องไห้ พูดพล่ามราวกับว่าเธอต้องการปลอบอีกฝ่าย
ซูเถาฟังแล้วเศร้าใจและมองหม่าต้าเพ่าพลางถอนหายใจ
ในยุควันสิ้นโลกนี้ คนยากจนช่างมีมากเหลือเกิน
หลังจากแนะนําทุกคนแล้ว ซูเถาพยายามจําชื่อและลักษณะของทุกคน จากนั้นก็พูดคุยเกี่ยวกับเงินเดือนและผลประโยชน์ทีละคน และในที่สุดก็พาทุกคนไปที่อะพาร์ตเมนต์ของตน และแจ้งพวกเขาว่าพวกเขาจะได้เริ่มทํางานอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
ทันทีที่แม่บ้านทั้งสองได้ยิน พวกเธอก็ม้วนแขนเสื้อและเริ่มขัดเคาน์เตอร์ในสถานที่ต่าง ๆ ราวกับว่าพรุ่งนี้จะได้ต้อนรับผู้นำประเทศ
เด็กสาวแผนกต้อนรับก็นอนไม่หลับทั้งคืน เธอเดินขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของผานหลิวซาน ทำความคุ้นเคยกับการทำงานและมาตรฐานการชาร์จของเครื่องจักรแต่ละเครื่อง และจดบันทึก
ท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่าน ทันทีที่ท้องฟ้าสว่าง ซูเถาได้เปิดโหมดการเช่าของโรงแรมผานหลิวซานอย่างเป็นทางการ
วันที่ 1 เดือน 7 จุดแวะพักผานหลิวซานได้เปิดอย่างเป็นทางการ