ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 117 กวานจือหนิงกลับเข้าทีม
ตอนที่ 117 กวานจือหนิงกลับเข้าทีม
ตอนที่ 117 กวานจือหนิงกลับเข้าทีม
ต่อมาซูเถาขอให้กวานจือหนิงขับรถไปที่ฟาร์ม
ในระหว่างกระบวนการซื้อเนื้อสัตว์ ซูเถาพยายามไม่เอ่ยพูด และให้หลินฟางจือบอกว่าจะซื้อเนื้ออะไรซื้อเท่าไหร่และเงินเท่าไหร่ แม้ระหว่างการซื้อจะมีบ้างที่ติดขัด หลายครั้งที่เขาติดอยู่กับที่ และไม่สามารถเอ่ยพูดได้
อีกทั้งคนขายเนื้อก็ดูงุนงงบวกกับใจร้อน
แต่ซูเถาก็ยังยืนกรานที่จะพูดด้วยตัวเองหนึ่งรอบ และขอให้หลินฟางจือพูดซ้ำ ตอบกลับไปมานับไม่ถ้วน
กวานจือหนิงฟังจนปวดหัว เธอนั่งยอง ๆ อยู่ในมุมเย็น ๆ เพื่อดูพวกเขาสอนกัน
ซื้อเนื้อเสร็จแล้ว ดวงอาทิตย์ก็ใกล้จะลาลับขอบฟ้า กวานจือหนิงหาวตลอดทั้งวัน และในที่สุดก็ได้กลับไปที่เถาหยาง
เมื่อลงจากรถ กวานจือหนิงก็หยุดซูเถากะทันหัน
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
ซูเถาเห็นว่าท่าทางของเธอค่อนข้างเคร่งขรึมและจริงจัง จึงปล่อยให้หลินฟางจือกลับไปก่อน และตัวเองยังนั่งอยู่ในรถและถามว่า “เรื่องอะไรเหรอ”
กวานจือหนิงเอ่ยออกมาอย่างค่อนข้างลำบากใจ “ตอนนี้ก็เดือนเจ็ดแล้ว ฉันมาที่เถาหยางสามเดือนแล้ว”
ซูเถาตกตะลึง และตอบโต้ทันที “คุณต้องการกลับเข้าทีมเหรอ ทำไมล่ะ?”
เธอจําได้ว่าครั้งแรกที่เจอกวานจือหนิง ผู้หญิงคนนี้ดูหยิ่งผยอง และบอกว่า จะปกป้องเธอเพียงสามเดือน หลังจากนั้นจะกลับเข้าทีม
และเธอก็เห็นด้วย
กวานจือหนิงเอ่ยออกไปทั้งหมด “ใช่ ฉันต้องการกลับเข้าทีม ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้คุณก็ได้เห็นแล้วว่า แม้ว่าเถาหยางจะดี คุณเองก็ดีกับฉันมาก แต่ฉันค่อนข้างทุกข์ใจ”
เธอทุบกําปั้นเข้าหาหัวใจของเธอ
“ตอนนี้ซอมบี้กําลังอาละวาด มีคนตายไปเท่าไหร่แล้วฉันคงไม่ต้องพูด ฉันรู้จักผู้คนมากมายที่นี่ ซูเถา คุณเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ถ้าคุณต้องการให้ฉันช่วยเหลืออะไร กวานจือหนิงคนนี้จะช่วยทันที ไม่ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟฉันก็จะไป”
“แต่ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ที่ฉันไม่สามารถปกป้องคุณต่อไปได้แล้ว ฉันไม่สามารถทำลายหัวใจตัวเองได้ ฉันยังอยากเข้าร่วมกองทัพ สวมเครื่องแบบทหาร สวมอินทรธนูเพื่อหลั่งเหงื่อและเลือดของฉัน รอคอยวันที่ฉันจะได้เอาหนังม้าหุ้มร่าง*[1]ฉันไว้”
จู่ ๆ ซูเถาก็อยากจะร้องไห้ เธอยื่นมือมาลูบจมูกตนเอง
“ฉันรู้มานานแล้วว่าคุณอยากจะไป ฉันเตรียมใจแล้ว ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็รีบกลับเข้ากองทัพเถอะ ทางพลตรีสือฉันจะบอกให้เอง คุณสามารถไปได้เลยอย่างสบายใจ แต่ฉันบอกเลยนะว่า ฉันไม่อยากเห็นหนังม้าหุ้มร่างคุณ ฉันต้องการให้คุณกลับมาพร้อมเหรียญกล้าหาญ”
ดวงตาของกวานจือหนิงเริ่มแดงก่ำ และโผเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น “ฉันจะรักษาชีวิตให้ดี ในเมื่อฉันพูดแบบนี้แล้ว คุณก็ต้องดูแลตัวเองด้วย”
……
กวานจือหนิงจากไปในคืนนั้น พอตื่นเช้ามาซูเถาก็มาฟังจวงหว่านคร่ำครวญและบอกว่า
“สวรรค์ พวกเขาทยอยไปสนามรบกันหมดแล้ว ใช้ชีวิตกันพอแล้วเหรอ ใจฉันนี่สงบสุขไม่ได้เลย”
หลังจากคร่ำครวญแล้วเธอก็ร้องไห้ออกมา
“กวานจือหนิงคนไร้หัวใจ แม้แต่โอกาสให้ฉันบอกลาเธอก็ไม่มี ตอนฉันรู้ ห้องเธอก็ว่างเปล่าไปแล้ว แล้วเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีกล่ะ”
เฉินซีเฉินหยางปลอบโยนแม่ของเธอ และจ้องมองไปทางซูเถาเป็นครั้งคราว
ซูเถาเอ่ย “พี่จะไปเข้าร่วมกองทัพกับเธอไหม”
จวงหว่านหยุดร้องไห้ทันที และบ่นด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา “เถ้าแก่ ฉันเสียใจจริง ๆ คุณยังจะมาบีบคั้นฉันอีก”
ซูเถาเอ่ยปลอบเธอเสียงอ่อน
“ไปสนามรบก็ใช่ว่าต้องตายแน่ ๆ ถ้าคิดไปในทิศทางที่ดี เธอเองก็ยังมีความสามารถพิเศษ อีกอย่างก็เป็นกำลังเสริม ตอนลงสนามรบไม่ได้อยู่แนวหน้า”
ผลการปลอบโยนนี้ไม่เลว จวงหว่านรู้สึกดีขึ้นมาก
“แต่คิดดูแล้วฉันก็ยังกังวลอยู่ดี”
ซูเถายื่นทิชชูให้เธอ “เช็ดซะ ฉันกําลังจะถามพี่พอดีว่าหลันหลิงหลิงเป็นไงบ้าง”
จวงหว่านกล่าวขณะเช็ดหน้าและสะอื้น
“สถานการณ์ค่อนข้างคงที่ แต่เพราะมีอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเธอมากเกินไป ซ้ำยังบางส่วนก็น่าสังเวช ฉันอยากพาเธอกลับมาที่เถาหยางและรอให้หมอจงมารักษาเธอ”
“เดี๋ยวค่อยไปรับมาเถอะ ตอนนี้มีเพียงหมอจงเท่านั้นที่รักษาได้”
ตั้งแต่กวานจือหนิงคนที่คอยขับรถให้พวกเธอไปแล้ว ซูเถาจึงขอแรงจากผู้เช่าชายเพื่อทำงานแทนเธอ
เขาคือกานหงอวี้ จวงหว่านบอกกับเธอก่อนหน้านี้ว่าเขาเป็นพนักงานไอทีที่ทํางานเป็นวิศวกรเครือข่ายไร้สายในตงหยาง
อายุยังไม่เยอะ แต่เริ่มมีผมน้อย มีแนวโน้มจาง ๆ ที่จะมีศีรษะล้าน
กานหงอวี้ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เขากระตือรือร้นอย่างมาก พาซูเถาและทั้งสองไปที่โรงพยาบาลและติดตามไปไม่ห่าง
หลันหลิงหลิงอยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่มาก รอยเผาของก้นบุหรี่บนใบหน้าของเธอถูกปิดด้วยผ้าก๊อซ เมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามาสีหน้าก็ยังคงมึนงง ราวกับยังไม่ได้สติ
สภาวะแห่งความสิ้นหวังนี้ไม่ดีเลย
จวงหว่านขอให้พ่อของหลันหลิงหลิงพูดในสิ่งที่เธอต้องการ ซูเถาที่นั่งอยู่ข้างเตียงของหลันหลิงหลิงก็ถามขึ้นว่า
“คุณอยากกลับไปที่เถาหยางกับฉันไหม? ให้หมอจงจะช่วยคุณ มันจะเป็นเหมือนฝันร้าย และเมื่อคุณตื่นขึ้นทุกอย่างจะดีเอง”
เมื่อหลันหลิงหลิงได้ยินเธอก็ส่ายหัวอย่างช้า ๆ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาของเธอ
“อาการบาดเจ็บบนร่างกายของฉันหายดีแล้ว แต่หัวใจของฉันกลับไม่ดีขึ้นเลย เถ้าแก่ซู ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่อพ่อของฉัน ฉันคงอดไม่ได้ที่จะกระโดดหน้าต่างลงไปแล้ว”
ซูเถากล่าว “อย่าคิดอย่างนั้น มันไม่คุ้มค่าเลย คนที่ทําร้ายคุณยังไม่ได้รับการลงโทษที่เขาสมควรได้รับ คุณต้องรอจนถึงวันนั้น”
คําพูดเหล่านี้ทิ่มแทงหลันหลิงหลิง เธอร้องไห้และถามว่า
“เถ้าแก่ซู ฉันทําอะไรผิด เพราะดูเป็นวัตถุนิยมมากเกินไปเหรอ ฉันถึงต้องได้รับความทุกข์ทรมานขนาดนี้ ฉันสมควรได้รับเหรอ เป็นฉันจริง ๆ เหรอที่จะถูกลงโทษ”
ซูเถาพูดอย่างจริงจัง “ไม่ คุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำสามารถเทียบได้กับการสังหารหมู่ที่บ้าคลั่งของพวกเขาได้ไหม? ไม่ได้เลย คุณฟังฉันนะ กลับไปเถาหยางก่อนเถอะ”
ไม่มีที่ไหนปลอดภัยเท่าเถาหยาง เธอกลัวว่าซูเจิ้งชิงจะรู้ว่าหลันหลิงหลิงยังไม่ตาย และเขาจะตามมาเอาชีวิตเธออีกครั้ง
พ่อของหลันหลิงหลิงก็คิดอย่างนั้น จึงได้แต่ขอบคุณซูเถาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ขอบคุณมาก ฉันไปกับหลิงหลิงด้วยได้ไหม ตอนนี้เธอขยับตัวไม่ได้ ไม่สามารถขาดคนดูแลได้”
ซูเถาตอบตกลง และพาพวกเขาไปขึ้นรถ ทันใดนั้นก็ได้ยินหลันหมิงฮุยถามอย่างลังเลว่า
“เถ้าแก่ซู เราเคยเจอกันที่ไหนไหม? ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณมาก”
ซูเถายิ้มให้เขา “บางทีอาจเจอในรูปถ่ายบนอินเทอร์เน็ต ลุงหลันช่วยหลิงหลิงหน่อยนะคะ”
“อ่อ ๆ” ดูเหมือนว่าจะเคยเจอนะ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ท้ายที่สุดหลันหมิงฮุยจึงยอมแพ้ไป
หลังจากขึ้นรถซูเถาจึงถามเขาว่า “คุณลุงคะ คุณได้ข่าวเกี่ยวกับอู๋เฟยฉือไหมคะ”
หลันหมิงฮุยส่ายหัว “ตํารวจยังตามหาเขาอยู่ แต่ไม่มีข่าวคราวเลย แค่บอกว่าพวกเขาถูกซูเจิ้งชิงจับไปซ่อนตัวในเขตตะวันออกหรือไม่…เขาก็ตายแล้ว
ซูเถาตัดสินใจจะโทรหากู้หมิงฉือในวันพรุ่งนี้
เพิ่งมาถึงเถาหยาง ซูเถาก็จัดหาที่พักให้สองพ่อลูก ขณะที่กําลังจะกลับไปที่ห้อง แต่จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคุณย่าเฉินกรีดร้องด้วยความกลัวจากชั้นล่าง
ซูเถาหัวใจเต้นรัวแทบจะระเบิดออกมาและรีบวิ่งลงไปชั้นล่าง
เมื่อมาถึงครั้งแรกก็เห็นศพเปื้อนเลือดนอนอยู่บริเวณกำแพง ราวกับว่ามันถูกโยนเข้ามาจากนอกกําแพงสูง และกําแพงก็ถูกอาบไปด้วยเลือด
คุณย่าเฉินที่อยู่ไม่ไกลก็ทรุดตัวล้มลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
[1] ห่อศพด้วยหนังม้า หมายถึง ทหารที่ตายในสนามรบ