ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 12 รสชาติของน้ำใจ
ตอนที่ 12 รสชาติของน้ำใจ
ตอนที่ 12 รสชาติของน้ำใจ
สิงซูอวี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เสียค่าใช้จ่ายจริง ๆ งั้นเหรอ?
หลังจากโลกของเราก้าวเข้าสู่ยุควันสิ้นโลก การพัฒนาแหล่งน้ำต้องหยุดชะงัก แหล่งน้ำที่มีอยู่เริ่มเน่าเสีย ทุกวันนี้น้ำดื่มจึงมีราคาสูง และค่าน้ำเกือบจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของครอบครัว
ที่เถาหยางฟรีจริงหรือ?
ผู้เช่ารายอื่นแสดงออกเช่นเดียวกับสิงซูอวี่ พวกเขาแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ซูเถาเปิดตู้ใต้ตู้กดน้ำ “ในนี้มีแก้วอยู่สามารถหยิบไปได้ แล้วก็แนะนำให้เขียนชื่อของตัวเองเอาไว้ด้วย ถัดไปมีเครื่องขายอาหารเช้า ราคาเฉลี่ยต่อการให้บริการคือ 30 เหลียนปัง และมีเพียงสิบชุดต่อวันเท่านั้น สามารถเลือกซื้อได้ตามใจชอบ”
เมื่อสิงซูอวี่เห็นเครื่องจำหน่ายอาหารเช้า เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออก
มันจะสะดวกสบายเกินไปแล้ว?
นอกจากนี้ยังมีอาหารหลากหลายประเภท เช่น ซาลาเปา ขนมปังทาเนย นม โจ๊ก …ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ใช่อาหารสังเคราะห์ด้วย เธอคุ้นเคยกับสภาพความเป็นอยู่ที่ตงหยางเป็นอย่างดี และปู่ของเธอซึ่งเป็นอดีตผู้นำกองทัพน้อยครั้งที่จะได้กินอาหารเหล่านี้
เมื่อเทียบกับความคิดรอบคอบของสิงซูอวี่ ผู้เช่ารายอื่นนั้นคิดอย่างเรียบง่ายมาก พวกเขาคิดว่าเถาหยางนั้นดีมาก มีสวัสดิการ มีของกินดี ๆ ที่น้อยครั้งคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะเอื้อมถึง
แนะนำไปก็พอสมควรแล้ว ซูเถาก็กล่าวเสริมอีกประโยค
“ตอนนี้การซักผ้าอาจจะยังไม่สะดวกเท่าไหร่นัก เดี๋ยวฉันจะติดตั้งเครื่องซักผ้าสองสามเครื่องในพื้นที่ส่วนกลางภายในสองสามวันนี้ สามารถใช้งานได้ฟรีหากต้องการ แต่พวกคุณต้องจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้า หากพื้นที่ส่วนกลางและของตกแต่งในห้องไม่เสียหายก็จะคืนเงินมัดจำให้เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า”
ภรรยาของหลูเทาขอบคุณซูเถาอย่างสุดซึ้ง
ผู้เช่าคนอื่นก็แสดงความขอบคุณซูเถากันทีละคน เพราะในอดีตพวกเขาเคยถูกปฏิเสธและขับไล่โดยเจ้าของบ้าน
ซูเถาโบกมืออย่างรวดเร็ว “ไม่เป็นไรเลยค่ะ พวกคุณได้อยู่อย่างสบายก็ดีแล้วค่ะ ฉันจะหาที่แดดดี ๆ ข้างนอกและซื้อราวตากผ้าไว้สองสามอัน ถ้าแขวนไว้ในห้องตลอดเวลามันจะชื้น”
ดวงตาของภรรยาของหลูเทานั้นแดงก่ำ
ตอนนั้นเองสิงซูอวี่เริ่มตระหนักได้ว่า ครอบครัวของเธอยังปล่อยห้องว่างอีกสองห้องให้กับคนอื่นเช่า เก็บค่าเช่าตรงเวลาทุกเดือน แต่ไม่เคยไถ่ถามผู้เช่าว่าพวกเขาอยู่อย่างสุขสบายหรือไม่
แต่ว่าที่เถาหยางกลับดูเหมือนจะมีมนุษยธรรมมากกว่า
หลังจากซูเถาแนะนำเสร็จ ผู้เช่าทั้งแปดคนก็จ่ายค่าเช่าเดือนแรกอย่างมีความสุข จากนั้นรับคีย์การ์ดและกลับไปที่ห้องอย่างตื่นเต้น
ครั้งนี้ซูเถาได้รับเงินค่าเช่ามาจำนวน 70,000 เหลียนปัง แต่เธอยังไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขการอัปเกรดเลเวล 3 ได้ ระบบแจ้งว่าเธอต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ ต้องมีจำนวนห้องทั้งหมดเกิน 20 ห้อง
ซูเถานับนิ้ว ปัจจุบันเธอมีห้องเดี่ยว 6 ห้อง ห้องคู่ 7 ห้อง รวมเป็น 13 ห้อง และต้องสร้างอีก 7 ห้อง…
แน่นอนว่ายิ่งต้องอัปเกรดเงื่อนไขมากขึ้นเท่านั้น
ซูเถาไม่รีบร้อนที่จะขยายห้อง และตัดสินใจติดตั้งประตูหลังก่อน
จากนั้นจึงสั่งซื้อเครื่องซักผ้า 6 เครื่องและวางไว้ทั้งสองด้านของประตู ซื้อราวตากผ้ายาวจากพื้นจรดเพดาน 4 ราวติดตั้งไว้ทั้งสองด้านของประตู
ผู้เช่าสามารถซักเสื้อผ้าในบ้านแล้วออกไปตากข้างนอกได้ ซึ่งสะดวกสำหรับการใช้งาน
นอกจากนี้ยังได้สั่งชุดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับรับประทานอาหารอีก 4 ชุด ซึ่งวางชิดผนังในพื้นที่ส่วนกลาง อยู่ถัดจากเครื่องจำหน่ายอาหารเช้า เพื่อให้ผู้เช่าสามารถซื้ออาหารเช้าและนั่งรับประทานได้ตรงนั้น
และยังซื้อโซฟาแบบสามที่นั่งเพิ่มอีก 2 ตัว ซึ่งสามารถนั่งได้ 12 คนเมื่อรวมกับโซฟาตัวเดิม
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดข้างต้นเท่ากับ 10,000 เหลียนปัง
ห้องในอุดมคติของซูเถาใกล้จะเป็นจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
หญิงสาวเดินสำรวจไปรอบ ๆ ด้วยความพอใจ และกลับไปที่ห้องของเธอเพื่อหาทำอะไรเรื่อยเปื่อย ห้องนอนของเธอมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีเฟอร์นิเจอร์กระจายอยู่ตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย
ดังนั้นเธอจึงแบ่งห้องนอนเป็นสัดส่วน เป็นพื้นที่ส่วนนอนและพื้นที่ส่วนพักผ่อน พื้นที่พักผ่อนซื้อโซฟาคู่ขนาดเล็กเข้าชุดกับหมอนสี่เหลี่ยมนุ่ม ๆ และผ้าห่ม 1 ผืน ซึ่งสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกนุ่มสบายมีความสุข
มีชั้นวางหนังสือเล็ก ๆ วางอยู่ข้างโซฟา แน่นอนว่าเธอยังไม่มีหนังสือเลยเก็บข้าวของกระจุกกระจิกไว้ก่อนชั่วคราว สามารถนอนเล่นบนโซฟาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ โดยมีพรมขนสัตว์อยู่ใต้ฝ่าเท้า สามารถเดินเท้าเปล่าได้โดยไม่ต้องสวมรองเท้า
นอกจากนี้ยังมีกระจกยาวเต็มตัวใกล้กับประตูห้องนอน ซึ่งจัดเป็นโซนโต๊ะเครื่องแป้งสามารถเช็คการแต่งตัวก่อนออกจากห้องได้
ราคาทั้งหมดข้างต้นน้อยกว่า 4,000 เหลียนปัง ทำให้เธอมีห้องที่แสนสบาย หลังจากตกแต่ง เธอก็อยู่ในห้องถึงช่วงบ่าย และแทบไม่อยากจะย้ายตัวออกจากห้องเลยหากไม่ใช่เพราะท้องส่งเสียงร้องประท้วง
ทันทีที่เธอออกมา ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อสิงซูอวี่ผู้เช่าห้องเดี่ยวเลขที่ 006 กำลังรับอาหารจากเครื่องจำหน่ายอาหารเช้า
ซูเถากล่าวทักทายอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร “เป็นยังไงบ้างคะ? กินนี่เป็นอาหารเย็นเหรอคะ”
สิงซูอวี่รู้สึกสำนึกผิด ลนลานเก็บอาหารเช้าสามชุดลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
“อ่า…ใช่ค่ะ ฉันมีเพื่อนที่ยังไม่ได้กินข้าวด้วยก็เลยซื้อเพิ่มอีกสักหน่อย”
ถ้าเธอไม่อธิบายก็ไม่เป็นไร แต่เมื่ออีกฝ่ายอธิบายออกมา ซูเถากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หญิงสาวเฝ้ามองเธอออกจากเถาหยางไปในตอนเย็นพร้อมอาหารสามชุดในกระเป๋าบนหลังของเธอ
ทำไมท่าทางของเธอดูแปลก ๆ นะ ซูเถากลับไปที่ห้อง และขุดข้อมูลส่วนบุคคลของสิงซูอวี่ออกมา
สิงซูอวี่อายุ 23 ปี ปัจจุบันเป็นเสมียนในรัฐบาลตงหยาง ไม่มีประวัติอาชญากรรมและญาติสายตรงสามชั่วอายุคนล้วนอยู่ในตงหยาง
ซูเถาก็พบว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร เลยปล่อยไปโดยไม่สนใจ
สิงซูอวี่แบกอาหารเช้าสามชุดไว้บนหลังและตรงกลับบ้าน ท่าทางของเธอตอนนี้เหมือนขโมยไม่ผิดเพี้ยน
พอถึงบ้านแม่สิงถามด้วยความเป็นห่วง “สภาพแวดล้อมเป็นยังไงบ้าง ห้องหนึ่งมีคนอยู่กี่คน มีผู้คนผ่านไปมาไหม แถวนั้นเปลี่ยวหรือเปล่า สาวน้อยผู้น่าสงสารของแม่ ปู่ของลูกช่างใจร้ายจริง ๆ”
สิงซูอวี่รีบขัดจังหวะเธอ “ไม่ ๆ ก็พออยู่ได้ค่ะ”
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าถ้อยคำของเธอไม่เหมาะสม “ค่อนข้างดีเลย สะอาดและสะดวกกว่าบ้านเราเสียอีก อย่าว่าแต่แม่เลย หนูต้องรีบไปรายงานคุณปู่ก่อน”
แม่สิง “ค่อนข้างดีเหรอ อะ…อ้าว ออกไปแล้วเหรอ ช้า ๆ หน่อยสิลูก!”
เมื่อเห็นบรรพบุรุษของเธอ สิงซูอวี่ก็เปิดกระเป๋าหยิบอาหารเช้าสามชุดออกมาวางลงข้างหน้าชายชราผมสีดอกเลา
“คุณปู่ หนูจะไม่พูดพร่ำทำเพลง นี่คืออาหารเช้าแสนสะดวกที่เจ้าของเถาหยางจัดเตรียมไว้ให้กับผู้เช่า วางไว้ในตู้ขายอาหารเช้าอัตโนมัติหน้าประตู ถ้าอยากกินก็ซื้อเองได้เลย หนึ่งชุดตกอยู่ที่ 20-30 เหลียนปัง”
สิงหงเหวินวางหนังสือในมือลง กวาดสายตามองอาหารสามชุดบนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหลานสาวแล้วพูดว่า
“ดูเหมือนจะพอใจไม่น้อยเลยนะ”
สิงซูอวี่พูดอย่างเคอะเขิน “มันก็โอเคดีมั้งคะ สะอาดและสะดวกสบาย”
สิงหงเหวินมองจากบุคลิกที่สดใสของเธอบวกกับความคิดเห็นดังกล่าวจากหลานสาว แสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตของเถาหยางนั้นดีจริง ๆ
เขาเปิดอาหารเช้าขึ้นมาชุดหนึ่ง กลิ่นหอมของซาลาเปาและน้ำเต้าหู้ตีขึ้นจมูก และยังมีไข่ต้มอยู่ข้าง ๆ แม้แต่โจ๊กก็ยังร้อน ๆ อยู่ ทันทีที่เปิดฝาก็ได้กินหอมกรุ่นยั่วน้ำลาย
เมื่อสิงหงเหวินหยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักโจ๊กสีขาวเข้าปากสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันควัน
รสชาติที่คุ้นเคยละลายในปาก ราวกับว่ามันพาเขากลับไปสู่ยุคแห่งสันติภาพ ความมั่งคั่งและความมั่นคงเมื่อ 20 ปีที่แล้ว