ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 127 ฝีมือของพ่อครัวฉิน
ตอนที่ 127 ฝีมือของพ่อครัวฉิน
ตอนที่ 127 ฝีมือของพ่อครัวฉิน
ซูเถาไม่เคยมีประสบการณ์ เธอไม่เคยมีลูก ดังนั้นจึงไม่ได้ให้คำแนะนำใด ๆ แก่จวงหว่าน
แม้ว่าจวงหว่านจะกังวลใจ แต่เธอก็ไม่รีรอที่จะทำธุรกิจ เธอรายงานรายชื่อผู้เช่าใหม่ของห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นทั้ง 7 ห้องให้ซูเถาตรวจสอบ
“ห้องประเภทนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่ครอบครัว ห้องชุดทั้งเจ็ดห้องล้วนเป็นคู่แต่งงานใหม่ แต่เถ้าแก่เมื่อไหร่เราจะมีห้องที่มีมากกว่าสองห้องนอนสักที ใคร ๆ ก็ถามมาเยอะ แล้วมันก็นานมาแล้ว ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่มีคำตอบสักที”
ซูเถาตอบกลับ “รอก่อน เดือนหน้าน่าจะพร้อม”
ผ่านไปหนึ่งเดือน ธุรกิจบนภูเขาผานหลิวน่าจะดีขึ้น และบวกกับจำนวนผู้เช่าที่เพิ่มขึ้นในเถาหยาง รวมแล้ว 200 คนก็ไม่น่ามีปัญหา
จวงหว่านมีความสุข “มีคำตอบจากคุณก็ดีหน่อย ฉันจะได้มีคำอธิบายกับผู้เช่า อย่าลืมเก็บไว้ให้ฉันหนึ่งห้องนะ ฉันอยากย้ายมานานแล้ว ลูก ๆ โตแล้ว พวกเขาไม่อยากแชร์ห้องนอนกับฉัน”
ซูเถาทำท่าทางตกลง จากนั้นจู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้และถามว่า
“ว่าแต่หลันหลิงหลิงเป็นยังไงบ้าง เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุระเบิดเมื่อสองวันก่อน หายดีแล้วหรือยัง”
จวงหว่านกล่าวว่า “หมอจงรักษาเธอแล้ว แต่ตอนนี้มีอุปสรรคทางจิตใจ เธอไม่กล้าออกจากห้องหรืออยากจะเจอผู้คน ตอนนี้พ่อของเธอเป็นคนคอยดูแลอยู่”
“พ่อของเธอลาออกจากงานในตงหยาง หนึ่งคือเพื่อจะได้ดูแลเธอสะดวก และอีกเหตุผลคือเขาต้องการจับซูเจิ้งชิงด้วยตัวเอง”
ซูเถาไม่รู้จะพูดอะไร และในที่สุดก็พูดว่า “เตือนเขาให้ระวังตัวด้วยนะคะ”
ในตอนเช้าตรู่ของวันถัดไป ซูเถาให้จวงหว่านรอกลุ่มเป้าถูมาลงทะเบียนเข้าพัก และเธอก็พาหลินฟางจือเพื่อเทเลพอร์ตไปยังภูเขาฝานหลิว
หม่าต้าเพ่าวิ่งออกมาจากครัวด้านหลังและตะโกนอย่างมีความสุข
“เถ้าแก่ซู ฝีมือของพ่อครัวฉินน่าทึ่งมาก ลองชิมดูสิ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าผักกาดหอมจะอร่อยขนาดนี้”
ภรรยาหูหนวกเป็นใบ้ของพ่อครัวฉินนำจานผักกาดต้มมาวางลงและมองไปที่ซูเถาด้วยรอยยิ้ม
ก่อนอาหารจะมาถึง กลิ่นหอมโชยมาแตะจมูกเป็นอย่างแรก
ซูเถาคีบชิ้นเล็ก ๆ ขึ้นมา เมื่อเธอนำมันเข้าปาก กลิ่นหอมก็อบอวลไปทั่วทุกมุมปาก มีความกรอบ สุกกำลังดี สมกับเป็นพ่อครัวเก่าของโรงแรมใหญ่จริง ๆ
หลินฟางจือจ้องที่ปากของเธออย่างตั้งใจ
ซูเถายิ้ม “กินสิ ให้นายทั้งหมดนี่แหละ”
ความคิดของหลินฟางจืออยู่ในความวุ่นวาย
พ่อครัวฉินเขินอายเล็กน้อย “อร่อยไหม ผมไม่ได้ทำมานานแล้ว ไม่รู้ว่ารสมือยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”
เนื่องจากคำชมที่เขาได้รับครั้งก่อน หลินฟางจือจึงถือว่าเขาเป็นคนรู้จักและเปิดปากของเขาพูด “อร่อย”
พ่อครัวฉินเหมือนได้รับความรู้สึกถึงความสำเร็จในการพิชิตต่อมรับรสของโลกก่อนวันสิ้นโลกอีกครั้ง
ภรรยาที่เป็นใบ้หูหนวกของเขาตบมืออย่างใสซื่อราวกับแสดงความยินดีกับสามีของเธอ
พ่อครัวฉินบีบมือเธอด้วยความรัก
หม่าต้าเพ่ามองดูด้วยความอิจฉา
ซูเถาถามเขาว่า “แล้วนำไปให้แขกจากทีมขนส่งโส่วอันหรือยัง”
หม่าต้าเพ่าพยักหน้าซ้ำ ๆ “เพิ่งส่งไปเมื่อกี้ แต่ว่าจานนี้สงวนไว้ให้คุณและน้องหลินชิมโดยเฉพาะ”
หลินฟางจือกินเสร็จแล้ว เขาวางจานลงและมองไปที่ห้องครัวราวกับว่าเขายังไม่อิ่ม
เมื่อซูเถาเห็นว่านี่ก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว ซูเถาจึงขอให้พ่อครัวฉินทำอาหารอีกสามอย่าง ผักกาดต้มหนึ่งจาน หมูตุ๋นหนึ่งจาน ผัดผักบุ้งอีกหนึ่งจาน พร้อมกับสวยข้าวร้อน ๆ
ไม่นานหลังจากที่พวกเขานั่งทานอาหาร แขกที่ได้กลิ่นก็เดินลงมาชั้นล่างทีละคน เมื่อเห็นอาหารปรุงสดใหม่ทั้งสามจาน ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง
“ผักนี้มาจากไหนเหรอ?”
“ผักสดจริง ๆ เหรอ?”
“มีเนื้อด้วย อีกทั้งข้าวคุณภาพดีแบบนี้ก็ไม่ได้เห็นมาหลายปีแล้ว พวกคุณซื้อมาจากที่ไหน?”
หม่าต้าเพ่าไม่กินข้าว เขาทักทายแขกและอธิบายเมนูที่มีอยู่ให้แขกฟัง เพราะถึงเวลากินข้าวและสั่งอาหารแล้ว
แม้แต่กลุ่มคนจากโส่วอันที่อยู่ชั้นบน เมื่อได้รับอาหารก็มองหน้ากันหลังจากเห็นจานผักกาดต้ม
ในฐานะหัวหน้าการขนส่ง จางหลินที่ได้เดินทางไปตามฐานต่าง ๆ ได้เห็นองค์กรและภูมิภาคที่มีอำนาจมากมาย แต่ภูเขาผานหลิวแห่งนี้ทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก
เพื่อนร่วมทีมมองไปที่จานผักกาดพลางกลืนน้ำลายแล้วพูดว่า
“หัวหน้า ภูเขาผานหลิวนี่เป็นมายังไง ไม่ต้องพูดถึงการจัดหาเชื้อเพลิง น้ำก็มีให้เราใช้ฟรี ตอนนี้ยังมีอาหารที่ประณีตทั้งยังมีราคาแพงจัดให้ฟรีอีก พูดตามตรง ไม่ต้องออกแรงเรียกลูกค้า ไม่นานหรอก ใคร ๆ ก็ต้องวิ่งมาที่นี่ และยอมทิ้งสถานีเก่า ๆ แพง ๆ และทรุดโทรมนั่น”
เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนร่วมทีมจับจ้องไปที่จานอาหาร จางหลินก็โบกมือ
“กินเถอะ เนื่องจากเถ้าแก่ของพวกเขายินดีที่จะส่งอาหารจานนี้มาให้และลดราคาค่าห้องพักให้เรา ดังนั้นเราควรทำในสิ่งที่ควรทำ พวกนายถ่ายรูปภูเขาผานหลิวสองสามรูปและอาหารจานนี้ส่งไปให้เพื่อนร่วมงานของเราด้วย”
“ได้เลย” ไม่ถึง 20 วินาที อาหารก็หมดเกลี้ยง
แต่ก็ยังมีคนที่ไม่สมใจ หยิบอาหารแห้งออกจากกระเป๋าแล้วกินกับซุปในจานจนหมด
แต่มันก็ยังไม่อิ่มท้อง
“หัวหน้า ผมยังกินไม่อิ่ม เราลงไปถามดีไหมว่ามีอีกไหม จ่ายเงินก็ได้”
จางหลินรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังกินโสม
เมื่อลงไปข้างล่าง ก็เห็นคนต่อแถวยาวอยู่นอกหน้าต่างห้องครัว
หลายคนเข้าไปดูใกล้ ๆ จะพบว่ามีเมนูอาหารอยู่ แม้ว่าจะมีอาหารเพียง 5 อย่าง แต่แค่ได้กลิ่นพวกเขาก็รู้สึกว่าวิญญาณของพวกเขากำลังจะถูกพรากไปแล้ว
ต่อแถว ต่อแถว!
อาจารย์ฉินในครัวเห็นว่าอาหารของตนเป็นที่นิยมมาก ตะหลิวขนาดใหญ่ในมือก็ยิ่งมีพลังมากขึ้น
แม้แต่อู๋เจิ้นที่รู้สึกเบื่อหน่ายในห้องก็ได้ยินเสียงที่มีชีวิตชีวา ความเร่งรีบและวุ่นวายนี้ได้ปลดปล่อยเขาจากโลกที่อ้างว้าง ทำให้เขาดูเหมือนได้กลับมายังโลกอีกครั้ง
เขาลงไปข้างล่าง ก็ได้กลิ่นควันของอาหารอย่างแรง
ซูเถากินอิ่มแล้วเช่นกัน และกำลังห่ออาหารเพื่อนำกลับไปที่เถาหยางเพื่อให้จวงหว่าน ผู้อาวุโสเหม่ยและคนอื่น ๆ ได้ชิม เมื่อเธอหันกลับมา เธอก็เห็นอู๋เจิ้นที่กำลังยืนงุนงงอยู่
เธอเดินเข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม “ตื่นแล้วเหรอ”
เธอไม่ถามเขาว่าเขาคิดไตร่ตรองดีแล้วหรือยัง
ความรู้สึกสบาย ๆ และความเป็นธรรมชาติทำให้อู๋เจิ้นสบายใจมาก เขาพยักหน้า
“ไม่ได้นอนหลับสบายอย่างนี้มานานแล้ว ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา?”
อันที่จริงภูเขาผานหลิวมีแขกไม่มากนัก รวมแล้วมีประมาณ 20 คนเท่านั้น แต่เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดลงมาต่อแถวกันจนเต็มห้องอาหารขนาดไม่กว้างนัก จึงดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
ซูเถายกอาหารในมือขึ้น “มาสั่งอาหารกันน่ะ ฉันขอให้ฟางจือนำผักที่ปลูกจากเถาหยางส่งมาที่ภูเขาผานหลิว เมื่อไม่กี่วันก่อน พ่อครัวฉินนำผักทุกชนิดในมือเปลี่ยนเป็นเมนูที่อร่อย นี่แค่ปล่อยเมนูออกมาเท่านั้นนะ ทุกคนก็มาต่อแถวกัน แล้ว”
ทันทีที่พูดจบ พ่อครัวฉินก็ตะโกนมาจากในครัว “ผักกาดและผักบุ้งหมดแล้ว ใครที่ต้องการสั่งทั้งสองอย่างไม่ต้องรอคิวแล้วนะ!”
ทันทีที่คำพูดถูกตะโกนออกมา แขกที่เข้าแถวต่างก็โกลาหล
มีคนตะโกนด้วยความไม่พอใจ “ฉันเพิ่งเข้าแถวเองแต่คุณขายหมดแล้วเหรอ?”
“ใช่ คุณขายไปไม่ถึงสิบชุดด้วยซ้ำ มันไม่น้อยไปเหรอ”
พ่อครัวฉินตอบว่า “ในสถานการณ์แบบนี้จะมีผักมากมายได้อย่างไร ได้โปรดเข้าใจด้วย”
“พรุ่งนี้มีอีกหรือเปล่า”
“มะรืนนี้ก็ได้ ฉันจะอยู่ที่นี่หนึ่งสัปดาห์ ฉันไม่ได้อยู่ในที่ที่สะดวกสบายแบบนี้มานานแล้ว อาหารอร่อยและน้ำมันก็ถูกกว่าสถานีเก่า ถ้าฉันรู้แต่แรก ครั้งก่อนที่ฉันผ่านมาฉันคงเลือกพักที่นี่แล้ว”
พ่อครัวฉินยื่นศีรษะออกไปมองซูเถาเพื่อขอความช่วยเหลือ
ซูเถากำลังจะตอบกลับ อู๋เจิ้นก็คว้าตัวเธอและพูดว่า
“คุณต้องการผักกาดหอมและผักบุ้งมากแค่ไหน สองอย่างนี้ปลูกง่าย ผมสามารถทำให้คุณเก็บเกี่ยวพืชผลได้ในสองวัน”