ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 131 การยกเลิกสัญญาเช่าและผลการผลิตที่สูงขึ้น
ตอนที่ 131 การยกเลิกสัญญาเช่าและผลการผลิตที่สูงขึ้น
ตอนที่ 131 การยกเลิกสัญญาเช่าและผลการผลิตที่สูงขึ้น
วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่กินไปเกินกว่าครึ่ง และจากไปหลังจากดมกลิ่นของอาหารที่เหลือ
ไป๋จือหม่านั่งอยู่ในความมืดเป็นเวลานาน หลังจากเห็นเฮยจือหม่าจากไป มันก็รีบออกมาทันที และฝังหัวของมันลงในชามอาหารของเฮยจือหม่าเพื่อกิน
ซูเถาตกใจและจับที่ท้ายทอยของมันเพื่อหยุด
“หิวโซมาจากไหน เมื่อคืนกินอาหารกระป๋องไป 100 กรัมยังไม่อิ่มอีกเหรอ ไม่ได้ ห้ามกินแล้ว ปล่อยนะ!”
ตอนนี้ไป๋จือหม่ามีแนวโน้มที่จะน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองเกิดวันเดียวกันแต่มันหนักกว่าเฮยจือหม่าถึง 4 เท่า
ทุกครั้งที่กิน จะกินเร็วกว่าเฮยจือหม่า และเอาหัวไปจุ่มชามของตัวอื่นหลังกินของตัวเองเสร็จ
แมวสองตัวนอนด้วยกัน ไป๋จือหม่ากลมเหมือนก้อนซาลาเปาขาวนุ่ม
ซูเถากลัวว่าการกินมากเกินไปจะส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพของมัน เธอจึงใช้เวลาอยู่นานในการแย่งชามอาหารออกจากมัน
ไป๋จือหม่าส่งเสียงร้องเหมียว ๆ เป็นเวลานาน มันนอนกลิ้งและถูไปที่ขาของเธอด้วยฝ่าเท้าของมัน ทำตัวเหมือนเด็กที่นิสัยเสีย
ซูเถาคุ้นเคยกับพฤติกรรมแบบนี้มานานแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวกับมันและทำในสิ่งที่ควรทำ
ไป๋จือหม่าพยายามนอนข้างเธอในตอนกลางคืน หัวที่มีขนฟูของมันถูไถกับคอของเธอ
ซูเถาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้มันเล่นอยู่อย่างนั้น แสร้งทำเป็นไม่สนใจ และปิดไฟเข้านอน
……
วันต่อมา ซูเถาไปที่อาคารสำนักงานเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ตามปกติ จวงหว่านที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็รับโทรศัพท์ และฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนเธอจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเล็กน้อย
“ก่อนที่คุณจะยกเลิกสัญญาเช่า ฉันพูดชัดเจนมากนะ ถ้าคุณเกิดเสียดายขึ้นมา คุณจะไม่มีโอกาสย้ายเข้ามาอีก ตอนนั้นคุณก็สัญญาอย่างดิบดี แต่ตอนนี้มาบอกว่าขาดเถาหยางไม่ได้?”
ฝั่งปลายสายพูดอย่างลังเล “ผู้จัดการจวง ตอนนั้นมีระเบิดทำให้เราเกิดความกังวลอย่างห้ามไม่ได้ อีกอย่างที่บ้านก็ยังมีเด็กเล็ก เราจำเป็นต้องระมัดระวังในฐานะผู้ปกครองและเอาใจใส่มากขึ้น เราเสียใจจริง ๆ ที่ออกจากเถาหยาง ฉันรู้แล้วว่าบ้านข้างนอกไม่เหมาะที่จะอยู่อาศัย และเด็ก ๆ ก็ไม่มีสภาพแวดล้อมที่ดีพอที่จะเติบโต…”
จวงหว่านเอ่ยเสียงเข้ม “คุณไต้ เราต้องปฏิบัติตามกฎ เราได้ชี้แจงสิ่งที่เราควรบอกคุณก่อนที่จะยกเลิกสัญญาเช่าแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้ว่าห้องที่เถาหยางนั้นมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ มันไม่ใช่ว่าพอคุณคืนห้องไปแล้วเราจะเก็บห้องไว้รอเผื่อวันไหนคุณเกิดเสียใจขึ้นมา”
“…ผู้จัดการจวง ไม่มีทางเจรจากันได้จริง ๆ เหรอ? ในช่วงที่เราเช่า เราปฏิบัติตามกฎของเถาหยางเสมอ และเราก็เข้ากับเพื่อนบ้านทุกคนได้ดี เราเป็นแค่พ่อแม่ที่กระตือรือร้น คุณลองพิจารณาดูอีกทีได้ไหม”
จวงหว่านพูดอย่างอดทน “คุณไต้ ผู้ใหญ่ต้องรับผิดชอบในการเลือกของตัวเอง ถ้าฉันยืดหยุ่นให้คุณ แล้วในอนาคตมีคนยกเลิกการเช่ากลับมาหาฉันแบบที่คุณทำอีก แบบนั้นมันจะมีข้อตกลงไปเพื่ออะไร”
เสียงจากปลายสายเงียบลง จากนั้นก็วางสายไป
ซูเถาเข้าใจหลังจากได้ยินสิ่งนี้ และเอ่ยถามว่า
“เป็นครอบครัวสามคนที่เช่าอยู่ห้องชุด 010 แบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นหรือเปล่าคะ”
จวงหว่านพูดด้วยความโกรธ “ใช่ ตอนที่ยกเลิกสัญญาเช่าพูดจาฟังไม่ได้เลย แล้วบอกฉันอีกว่าไม่มีทางเสียใจแน่นอน ระเบิดเมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง ชีวิตสำคัญกว่าคุณภาพของชีวิต ก่อนออกไปเขายังยุยงกานหงอวี้และคนอื่น ๆ ให้ย้ายออกไปกับพวกเขา”
“หรือว่าทุกคนได้ยินว่าคนทิ้งระเบิดถูกจับกุม และพวกเขายังไม่พบที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม เลยต้องการกลับมาที่เถาหยาง ข้อตกลงที่เขียนไว้ มันกลายเป็นเรื่องไร้สาระเหรอ?”
ซูเถากล่าวว่า “ไม่ต้องไปสนใจหรอกค่ะ ถ้าพวกเขายังโทรมาหาพี่อีก พี่ก็บอกให้พวกเขามาคุยกับฉัน”
ถ้าได้เจอกัน เธอคงไม่สุภาพแล้ว
จวงหว่านดื่มน้ำอึกใหญ่เพื่อดับอารมณ์ร้อนในร่างกาย แล้วเธอก็เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย
“ฉันเห็นว่าสภาพจิตใจของชายชราดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อคืนฉันแวะไปหาเขา เขายังจำฉันได้และเรียกฉันว่าเสี่ยวจวง ทั้งยังถามอีกว่าทำไมคุณไม่มาด้วยกัน พยาบาลคนนั้นยังประหลาดใจ”
ซูเถาค่อนข้างประหลาดใจ “ไว้ฉันจะไปหาเขาตอนบ่าย”
จวงหว่านพูดอีกครั้ง “เมื่อพูดถึงชายชรา ช่วงนี้ดูเหมือนว่ากู้หมิงฉือจะเงียบ ๆ ไป เขาไม่ได้โทรหรือส่งอะไรถึงชายชราเลย แปลกจริง ๆ”
ซูเถานึกถึงเรื่องที่ได้คุยกับเขาครั้งล่าสุด
บางทีเขาอาจจะยังอยู่ในการต่อสู้กับตัวเอง และเขาอาจจะไม่โทรหาเธอจนกว่าเขาจะตัดสินใจได้
ดีมาก เงียบสงบไปพักหนึ่ง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เฉียนหลินก็รีบขึ้นมาชั้นบน และเมื่อเห็นซูเถา เธอก็อ้าปากพูดอย่างตื่นเต้น
“เถ้าแก่ ผักชุดแรกที่อู๋เจิ้นปลูกได้รับการเก็บเกี่ยวแล้ว ผลผลิตสูงถึงแปดสิบจิน ซึ่งมากกว่าผลผลิตก่อนหน้านี้เกือบสามเท่า คุณอยากไปดูหน่อยไหม”
ทั้งซูเถาและจวงหว่านตกใจและตามเธอไปที่ห้องเรือนกระจก
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ก็เห็นตะกร้าใส่ผักสีเขียวกองพะเนิน จนไม่มีที่จะวาง ได้แต่กองไว้ตรงทางเดินเท่านั้น
คนงานทั้งสี่คนใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข รีบจดสถิติอย่างแข็งขัน
ซูเถาไปดูผักทั้งหมด มันอวบอ้วนและมีใบใหญ่ ดูดีมาก
เฉียนหลินยิ้มแย้มแจ่มใส “ขอบคุณอู๋เจิ้น ฉันคิดว่าการที่มีผลผลิตเก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่ามันก็ไม่เลวแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ถึงสามเท่า ตอนนี้ปริมาณน่าจะครอบคลุมทั้งเถาหยางและภูเขาผานหลิวแล้ว อีกไม่นานเราก็คงสามารถนำไปขายข้างนอกได้”
ซูเถามีความสุขมากเช่นกัน “เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะให้พ่อครัวฉินทำอาหารให้คุณกิน”
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็มีความสุขเมื่อได้ยิน ทุกคนเคยกินฝีมือของพ่อครัวฉิน และไม่มีใครไม่ยกนิ้วให้เขา ตอนเย็นจะได้กินอาหารอร่อย ๆ อีกครั้ง
เฉียนหลินกล่าวอีกว่า “เถ้าแก่ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง เป็นเพราะเรามีผู้เช่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ผู้เช่ามาซื้อผัก ไม่ใช่ว่าพวกเขามาซื้อทีละคน แต่ว่ามากันครั้งละสิบคน ตอนนี้เรามีพนักงานน้อยเกินไป ถ้ามีคนหยิบหัวไชเท้าออกไปคนละหัวสองหัว คงไม่มีใครสังเกตเห็นและตามไปได้ คุณช่วยดูหน่อยว่าเราสามารถรับสมัครคนที่รับผิดชอบด้านการขายเพิ่มอีกสักสองสามคนได้ไหม”
ซูเถาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ได้ค่ะ หลังจากวางขาย ผู้เช่าคงมาซื้อผักมากขึ้นเรื่อย ๆ เดี๋ยวฉันจะหารือเรื่องนี้กับพี่จวงหว่านอีกที”
นอกจากนี้ เธอยังคิดถึงอีกหนึ่งปัญหาด้วย ตอนนี้ทุกคนต่างก็ต้องวิ่งไปวิ่งมาเพื่อซื้อของต่าง ๆ จะซื้ออาหารและเครื่องดื่ม ก็ต้องไปที่ชั้น 1 ของโรงอาหาร ซื้อผักไปที่ชั้น 3 เพราะอาคารที่พักไม่มีแหล่งช็อปปิงส่วนกลาง
เธอสงสัยว่าเธอควรจะสร้างบางอย่างเช่นซูเปอร์มาร์เก็ตหรือไม่ เวลาต้องการจะซื้อของก็จะได้ไปที่นั่น
ซูเถารวมแผนนี้ไว้ในรายการสิ่งที่ต้องทำ
เธอเดินไปรอบ ๆ ห้องเรือนกระจกและเห็นอู๋เจิ้น ซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับการสังเกตต้นกล้าใหม่บนชั้นวางแถวสุดท้าย
ในเวลานี้ เขาห่างไกลจากวิญญาณที่ไร้ชีวิตชีวาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลัง เต็มไปด้วยความจริงจังและมุ่งมั่น
เฉียนหลินกระซิบกับซูเถา
“เมื่อคืนนี้ตอนห้าทุ่ม ฉันเห็นไฟที่ห้องเรือนกระจกเปิดอยู่ คิดว่าคนสุดท้ายที่ออกไปคงเปิดไฟทิ้งไว้ ฉันไม่รู้จนกระทั่งฉันไปดู ก็ได้เห็นว่าคืออู๋เจิ้นกำลังเพาะต้นกล้าใหม่อยู่”
“ฉันขึ้นไปเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้านอนแต่หัวค่ำ เขาบอกฉันว่าเขานอนไม่หลับ พอหลับตาลง เขาก็นึกถึงภรรยาและลูก ๆ เลยหลับไปเพียงชั่วขณะเท่านั้น”
ซูเถาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ไม่เป็นไร เวลาจะสามารถเยียวยาได้ และงานสามารถทำให้เขาลืมเรื่องแย่ ๆ ได้เช่นเดียวกัน ยังไงฉันรบกวนคุณช่วยดูแลเขาด้วยนะคะ”
เฉียนหลินถอนหายใจ “แน่นอนค่ะ”
ข่าวของเถาหยางที่มีผลผลิตสูง กลายเป็นที่นิยมภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน และผู้เช่าที่ได้ยินข่าวก็มาแออัดกันที่ชั้นสาม
ซูเถาเห็นคุณย่าเฉินเข็นรถเข็นคันเล็กมาเพื่อซื้อของ แต่เมื่อเธอกำลังกลับ เธอมีของในรถเข็นน้อยกว่าครึ่ง
เธอพูดกับซูเถาด้วยความเสียใจ
“หนูเถา ทำไมเราถึงจำกัดการซื้อ ในเมื่อผลผลิตของเราเพิ่มขึ้น? ฉันไม่ได้ซื้อมากินคนเดียว หนูก็รู้ว่าฉันแบ่งปันกับทุกคนเมื่อฉันทำกับข้าว มันจะไม่มีวันสูญเปล่า”
ซูเถาให้ความมั่นใจกับเธอ “มันไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ผลผลิตจะมีทุกสัปดาห์ ถ้าคุณคิดว่ามันไม่พอ งั้นรอสัปดาห์หน้าได้นะคะ”
คุณย่าเฉินได้ยินดังนั้นจึงอุทานออกมา “ดีจัง นึกว่าจะเหมือนเมื่อก่อนที่ขายแค่เดือนละครั้ง ฉันอยากทำอาหารอีกหลายเมนู ฉันแทบจะรอไม่ไหวอยากจะลากกลับไปบ้านให้หมดเลย หนูเถาสุดยอดมาก ตอนนี้เถาหยางของเรากำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ”