ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 138 กู้หมิงฉือ คุณอยู่ฝ่ายไหนกันแน่
ตอนที่ 138 กู้หมิงฉือ คุณอยู่ฝ่ายไหนกันแน่
ตอนที่ 138 กู้หมิงฉือ คุณอยู่ฝ่ายไหนกันแน่
จวงหว่านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และรู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย
“เป็นสวัสดิการที่พักของพนักงาน ฉันจะให้พี่และครอบครัวพักอาศัยฟรี อันที่จริงฉันอยากจะขึ้นเงินเดือนให้พี่ก่อน เพราะภาระงานของพี่เยอะเกินไป พี่ทำงานไม่มีวันพักเกือบ 30 วันต่อเดือน ดังนั้นมาใช้โอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนไปใช้บ้านพักสวัสดิการโดยตรง แต่เงินเดือนจะยังคงเท่าเดิม ตกลงไหมคะ” ซูเถายิ้ม
ในความเป็นจริงซูเถายังพิจารณาอีกเหตุผลหนึ่ง แม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างจวงหว่านมีลูกสองคน ซึ่งเงินเดือนของเธอไม่เพียงพอสำหรับจ่ายค่าเช่า ตอนนี้เธอมีชีวิตอยู่ได้จากบุญเก่าของเธอเท่านั้น ซึ่งเป็นเงินบำนาญของสามีและน้องชาย
ซูเถาต้องการให้เธอประหยัดเงินค่าเช่าและเก็บเงินไว้ใช้จ่ายส่วนตัว
จวงหว่านฉลาดมากจริง ๆ เธอเข้าใจเจตนาของซูเถาทันที ดวงตาของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง และวินาทีต่อมาเธอก็ร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้
“เถาจื่อ ขอบคุณจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันก็คงหาผู้ชายสักคนเพื่อพึ่งพา ฉันรู้ว่าการที่ฉันคิดจะทำแบบนั้นมันไม่ใช่การมองหาสามี หรือมองหาคนรัก แต่เป็นการมองหาผู้สนับสนุนทางการเงิน แต่ก็คงไม่มีใครอยากแต่งงานกับฉันหรอก ในวันสิ้นโลกนี้จะมีสักกี่คนที่ยังตามหาความรักที่แท้จริงอยู่”
“เพราะได้คุณช่วยเหลือไว้ ไม่อย่างนั้นฉันคงจินตนาการถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองไม่ได้ เฉินซีและเฉินหยางคงต้องทนทุกข์กับฉัน คุณปฏิบัติต่อเราดีมากแล้ว ฉันขอโทษนะ แต่ห้องนี้ฉันคงไม่กล้ารับไว้ฟรี ๆ….”
ซูเถาโอบกอดเธออย่างอ่อนโยน และเอ่ยปลอบโยน
“ฉันไม่ได้ให้พี่ฟรี ๆ พี่อุทิศชีวิตให้กับเถาหยาง อีกอย่างพี่ก็ต้องเก็บเล็กผสมน้อยเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพื่อตัวเอง พี่ก็ต้องนึกถึงเฉินซีและเฉินหยาง พวกเขายังเด็กในอนาคตต้องการใช้เงินอีกเยอะ”
จวงหว่านยังคงส่ายหัว “มันไม่ง่ายสำหรับฉันที่จะเลี้ยงดูพวกเขา ถ้าในอนาคตพวกเขาอยากใช้จ่ายอะไร ก็ให้พวกเขาหาด้วยตัวเอง”
ซูเถาพยายามเกลี้ยกล่อมเธออยู่นาน แต่เธอก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธ เธอไม่ค่อยเห็นจวงหว่านปฏิเสธอย่างหนักแน่นขนาดนี้มาก่อน หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เธอตัดสินใจขึ้นเงินเดือนเป็น 30,000 เหลียนปัง แต่ในความเป็นจริงมันก็ยังไม่คุ้มเท่ากับค่าห้องสวัสดิการของพนักงาน
จวงหว่านคิดว่ามันมากเกินไป แต่ก็กลัวว่าหากเธอปฏิเสธไปอีกครั้ง เธอจะทำให้ซูเถาผิดหวังจริง ๆ
เมื่อซูเถาเห็นว่าจวงหว่านเห็นด้วย ก็คลี่ยิ้มกว้าง “ฉันจะให้เวลาพี่ครึ่งวันในการย้ายห้อง ไปเถอะค่ะ”
จวงหว่านตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงบ้านหลังใหม่ เธอขอบคุณซูเถาอีกครั้ง จากนั้นก็หยิบกระเป๋าและเรียกเฉินซี เฉินหยางมา พร้อมกับวิ่งไปที่อาคารหมายเลข 4 อย่างตื่นเต้น
สมาชิกครอบครัวทั้งสามคนมีความสุขมาก เมื่อเห็นการตกแต่งที่ประณีตและพิถีพิถัน แถมยังมีห้องนอนสามห้องแยกเป็นสัดส่วน
เฉินซีโหยหาพื้นที่ส่วนตัว เธอรีบวิ่งเข้าไปดูในห้อง เมื่อเห็นห้องของเธอ ไม่เพียงมีเตียงนุ่ม ๆ ขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีชั้นหนังสือ โต๊ะและเก้าอี้อีกด้วย ทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าสำหรับเธอคนเดียว
เธอวิ่งออกไปถามจวงหว่านด้วยความประหลาดใจ “แม่คะ เราจะได้อยู่ที่นี่ตลอดไปใช่ไหม”
จวงหว่านพยักหน้าเบา ๆ กับเธอ
เฉินซีกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ ห้องเหมือนนกอย่างมีความสุข “สุดยอดเลย แม่คะ หนูชอบห้องนี้มาก หนูอยากอยู่ในเถาหยางตลอดไป แล้วก็จะให้ลูกของหนูอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย”
จวงหว่านพูดอย่างจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นก็ควรตั้งใจเรียนกับหมอจงให้ดี ในอนาคตก็จะได้เป็นหมอที่ดีในเถาหยาง และปฏิบัติต่อพี่เถาจื่ออย่างดี ถ้าไม่มีเธอ พวกเราคงไม่สามารถอยู่ในห้องที่สวยงามเช่นนี้ได้ ลูกเข้าใจไหม?”
เฉินซียิ้มอย่างมีความสุขและพยักหน้าอย่างแรง
……
ทันทีที่ซูเถาส่งจวงหว่านออกไป ชีอวิ๋นหลันก็มาหาเธอ
ชีอวิ๋นหลันรอเธอตั้งแต่เช้า เพื่อแสดงรายชื่อผู้สมัครให้เธอทันทีที่เธอเข้ามา
ซูเถามองใกล้ ๆ และพบชื่อที่คุ้นเคยหลายชื่อ ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้เช่าของเถาหยาง
ชีอวิ๋นหลันกล่าวว่า “เมิ่งเสี่ยวป๋อน่าจะบอกคุณแล้วเมื่อคืน เขาเหมาะสมกับการเป็นผู้คุ้มกันของเรามาก”
“อู๋เยี่ยนเฟิงคนนี้ก็เป็นผู้เช่าของเรา เป็นแม่ม่าย เป็นภรรยาของทหารผู้พลีชีพ และเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ คนที่เหลือในครอบครัวเสียชีวิตแล้วทั้งหมด เธอมาหาฉันด้วยความคิดริเริ่มของตนเองและบอกว่าต้องการหางาน ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมาก เธอเคยทำงานในสถานีตำรวจมาก่อน เป็นงานธุรการคอยบันทึกการสืบสวนคดีอาชญากรรม ซึ่งเหมาะสมสำหรับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ CCTV ของเถาหยาง”
“มีคนอีกสองคนที่คุณอาจไม่รู้จัก คนหนึ่งคือเฮ่อฮั่นและอีกคนคือเหลียงหย่งหยวน พวกเขาก็เป็นผู้เช่าของเราเช่นกัน โรงงานและบริษัทเอกชนที่พวกเขาทำงานอยู่กำลังจะล้มละลาย พวกเขามาที่นี่เพราะเห็นว่าเรากำลังประกาศรับสมัครบุคลากร พวกเขาจัดว่าเป็นคนดี”
“ส่วนคนอื่น ๆ ถูกคัดเลือกมาจากภายนอก”
ซูเถาตกลงที่จะรับพวกเขาเข้าทำงาน “ให้พวกเขาเริ่มทำงานได้เลย”
เธอกังวลว่าสถานีเก่ากำลังจะแอบทำอะไรบางอย่าง และยิ่งเริ่มงานตรวจสอบเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
และสิ่งที่ซูเถาคิดก็ถูกต้อง ในเวลานี้ที่สถานีเก่า ถานหย่งโกรธมากที่ได้ยินข่าวจากภูเขาผานหลิว
ชวีจิ้งอวิ๋นกล่าวด้วยความรังเกียจ
“ตราบใดที่เป็นลูกค้าจากสถานีเก่า ก็จะได้ส่วนลด 10% และน้ำฟรี ข้อเสนอแบบนี้ก็ยังกล้าใช้ มันเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคด้วยวิธีการที่ไร้ยางอายเพื่อทำการแข่งขันกับเรา”
“ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงแซ่ซูโง่จริง ๆ หรือว่าเธอเป็นลูกวัวเกิดใหม่ที่ไม่กลัวเสือ เธอกล้าที่จะสู้กับเราโดยไม่รู้ว่าสถานีเก่าของเรามีประสบการณ์แค่ไหน แล้วยกสถานที่เน่า ๆ ของเธอขึ้นมาเทียบชั้น”
ถานหย่งเรียกลูกน้องมาด้วยใบหน้าที่หนักอึ้ง
“หาคนแอบอ้างเป็นคาราวานสองสามคนแล้วเข้าไปสืบ ฉันอยากจะดูว่าสวัสดิการสูง สภาพแวดล้อมดี ส่วนลดและน้ำขวดฟรีต่อคนนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
ชวีจิ้งอวิ๋นไม่เห็นด้วยและพูดว่า “พี่หย่ง อย่าวุ่นวายเลย ทำไมพี่ไม่ส่งผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งเข้าไปสักสองสามคนล่ะ”
ถานหย่งไม่อธิบายมาก
เขาจำคำเตือนของกู้หมิงฉือที่มีต่อเขาได้ เขาควรทำตัวให้สงบเสงี่ยม เขารู้สึกว่าไม่ควรผลีผลามเกินไป ไม่ว่ามดจะตัวเล็กแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นศัตรู ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบกันก่อน
แต่เมื่อคิดถึงกู้หมิงฉือ มันก็ทำให้เขาโกรธ
เพราะผู้หญิงคนเดียว ทำให้เขาทั้งสองมีช่องว่างระหว่างกัน!
เขาอยู่ฝ่ายไหนกันแน่?
ถานหย่งตื่นตัวและเริ่มโทรหากู้หมิงฉือ
“พี่กู้ พี่กับผมบึ้งตึงใส่กันหนึ่งสัปดาห์แล้ว ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ผมขอถามอะไรพี่หน่อย ความร่วมมือของเราจะดำเนินต่อไปได้ไหม”
กู้หมิงฉือตอบว่า “ได้ แต่ฉันไม่ต้องการขัดแย้งกับภูเขาผานหลิว มันไม่จำเป็นและไม่เป็นประโยชน์ ฉันหวังว่านายจะเข้าใจ”
คำว่าภูเขาผานหลิวเป็นเหมือนประกายไฟ ทำให้ถานหย่งระเบิดออกมาด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว
“ผมเชื่อจริง ๆ เลย ภูเขาผานหลิวได้ประกาศต่อสาธารณชนว่าถ้าเป็นลูกค้าของสถานีเก่าของผม พวกเขาจะมอบส่วนลดให้ 10% และพวกเขาจะแจกน้ำดื่มฟรี อีก 1 ขวด การประกาศที่โจ่งแจ้งแบบนี้ ก็เหมือนกับการประกาศทำสงคราม!”
“กู้หมิงฉือ ผมจะบอกพี่อย่างตรงไปตรงมา ผมจะให้คนที่มีพลังวิเศษเข้าไปที่นั่นเพื่อยึดครองภูเขาผานหลิวทั้งหมด และจับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนนั้นมา พี่ก็รู้ว่าผู้ที่มีพลังวิเศษที่อยู่ในมือของผม เรื่องแค่นี้ ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขา”
“ถ้าพี่ยังเป็นพี่ชายที่ยังนับถือกันอยู่ ก็แสร้งทำเป็นไม่เคยรู้เรื่องนี้แล้วกัน ถ้าพี่บอกสาวน้อยแซ่ซู แสดงว่าพี่ไม่ต้องการร่วมมือกับผมอีกต่อไป แต่พี่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ หรือจะไปช่วยเธอเฝ้าภูเขาก็ตามใจ!”