ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 141 กับคนอื่นผมไม่รับงาน แต่ถ้าเป็นเถ้าแก่ซูก็อีกเรื่องหนึ่ง
- Home
- ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก
- ตอนที่ 141 กับคนอื่นผมไม่รับงาน แต่ถ้าเป็นเถ้าแก่ซูก็อีกเรื่องหนึ่ง
ตอนที่ 141 กับคนอื่นผมไม่รับงาน แต่ถ้าเป็นเถ้าแก่ซูก็อีกเรื่องหนึ่ง
ตอนที่ 141 กับคนอื่นผมไม่รับงาน แต่ถ้าเป็นเถ้าแก่ซูก็อีกเรื่องหนึ่ง
ซูเถาดูกล้องวงจรปิดที่จับภาพของบุคคลที่น่าสงสัยสามคนที่ชีอวิ๋นหลันแจ้งเธอ จากนั้นจึงขึ้นบัญชีดำทั้งสามคน
เมื่อทั้งสามคนนี้เข้ามาในเขตของภูเขาผานหลิว ไม่เพียงระบบจะเรียกตำรวจเท่านั้น แต่พวกเขาจะถูกส่งออกไปทันทีด้วย
หลังจากทำสิ่งเหล่านี้แล้ว ซูเถายังคงมีกังวลเล็กน้อย ดังนั้นจึงตัดสินใจจะคุยกับเหลยสิงในวันพรุ่งนี้ เธอต้องการจ้างพวกเขาสักระยะหนึ่งเพื่อรับผิดชอบเรื่องการรักษาความปลอดภัยรอบภูเขาผานหลิว
สถานีเก่าเปิดมานานกว่าสิบปี ดังนั้นเธอควรระวังให้มากกว่านี้ และอย่าให้ใครใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของเธอได้
วันรุ่งขึ้นซูเถาเห็นเหลยสิงกำลังพาเฉินหยางกลับมาจากการขับรถเล่น แต่เขามีความกล้าที่จะปล่อยให้เฉินหยางบังคับรถด้วยตัวเอง
หัวใจของซูเถาแทบจะกระโดดออกมา
เฉินหยางรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อเห็นซูเถาเขาก็ลงจากรถและวิ่งไปหาเธออย่างมีความสุข
“พี่เถาจื่อ พี่เห็นไหม! ผมขับรถเป็นไงบ้าง! พี่ว่าเท่ไหม!”
เมื่อเห็นว่าเขามีความสุขมาก เธอก็อดทนกับความกังวลของเธอและพูดว่า
“เท่สุด ๆ ไปเลย รีบกลับไปเถอะ แม่เราตามหาอยู่นะ”
เมื่อเห็นเขาวิ่งไปอย่างมีความสุข ซูเถาก็หันศีรษะไปพูดกับเหลยสิง
“ระวังอย่าให้จวงหว่านรู้เข้า ถ้าเธอรู้ เธอฆ่าคุณแน่ ทำไมคุณถึงขับรถเร็วเหมือนจรวดอย่างนั้น”
เหลยสิงเช็ดเหงื่อจากหน้าผากของเขา เขายกยิ้มและพูดติดตลก
“ผมเป็นเสือดาวนะ ไม่ใช่สุนัข”
ซูเถาไม่ต้องการคุยเรื่องสายพันธุ์กับเขา ดังนั้นเธอจึงพูดเข้าประเด็น
“ช่วงนี้คุณก็พักผ่อนมาพอสมควรแล้ว คุณพร้อมจะรับงานแล้วหรือยัง”
เหลยสิงนอนลงบนขอบน้ำพุและล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หยดน้ำเกาะอยู่บนผมสีทองและไหลไปตามผิวสีข้าวสาลีของเขา ทำให้เขาดูดีไม่เบา
เขาส่ายหัวและถามว่า “เถ้าแก่ซูกำลังมาทาบทามพวกเราอยู่เหรอ ผมคิดว่าถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่รับงาน แต่ถ้าเป็นเถ้าแก่ซูก็อีกเรื่องหนึ่ง”
ซูเถาหยิบผ้าขนหนูออกมาแล้วยื่นให้เขา
“พูดตามตรง ช่วงนี้ฉันได้ไปทำให้บางคนขุ่นเคือง และฉันต้องการให้พวกคุณช่วยดูแลภูเขาผานหลิวสักระยะหนึ่ง”
เหลยสิงรับผ้าขนหนูมาและเช็ดแบบลวก ๆ จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าที่ส่องแสงแผดเผาและพูดว่า
“งานนี้เหนื่อยหน่อย ต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการขับรถไปยังภูเขาผานหลิว ตอนนี้เป็นปลายเดือนกรกฎาคม ดูดวงอาทิตย์สิ สีผิวของผมกำลังดีเลย ถ้ามันเข้มขึ้นกว่านี้ต้องดูไม่ดีแน่ ๆ”
ซูเถาไม่รู้ว่าเขาผิวคล้ำหรือเปล่า เธอรู้แต่ว่าตอนนี้หน้าเธอคล้ำแล้ว
“…คุณค่อนข้างพิถีพิถัน พวกคุณไม่จำเป็นต้องเดินทางไกล เรามีประตูเทเลพอร์ตอยู่ด้านหลังเถาหยาง พวกคุณสามารถเคลื่อนย้ายไปได้ในระยะทางที่เป็นศูนย์ เพราะผลักประตูออกไป ก็ถึงภูเขาพันหลิวทันที”
เปลือกตาของเหลยสิงกระตุก “จริงเหรอ?”
ซูเถากล่าวว่า “ฉันจะพาคุณไปดูในภายหลัง หากคุณยินดีรับงานนี้ ฉันจะจองห้องคู่ 7 ห้องให้พวกคุณอาศัยอยู่ฟรี แม้ว่าในอนาคตคุณต้องการที่จะย้ายออกไป แต่ฉันก็จะไม่รับผู้เช่าคนอื่น ๆ ให้เข้าพักห้องนี้ คุณสามารถมาอาศัยอยู่ในเถาหยางได้ตลอดเวลา”
คำพูดเหล่านี้สดชื่นกว่าการล้างหน้าด้วยน้ำเย็นในตอนนี้เสียอีก เหลยสิงตกลงทันที
“เถ้าแก่ซูใจถึงมาก! ผมขอถามได้ไหมว่าคุณทำให้ใครขุ่นเคืองใจ ผมจะได้เตรียมใจไว้”
ซูเถากล่าวว่า “ฉันเปิดสถานีที่ภูเขาผานหลิว เป็นจุดแวะพักน่ะ คุณคิดว่าฉันทำธุรกิจด้านนี้ ฉันไปเหยียบหางใครเข้าให้ล่ะ”
เหลยสิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเขาก็เข้าใจได้ในทันที
“ถานหย่งเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า เถ้าแก่ซู คุณมีความสามารถจริง ๆ เขาอยู่ในวงการนี้มามากว่าสิบปีแล้ว คุณน่ะเปรียบเสมือนฮ่องเต้ นับประสาอะไรกับกองคาราวาน แม้แต่พวกผมก็ยังถูกพวกเขาเล่นงานเลย ตอนนั้นผมแค่อยากจะสระผม แล้วก็ซื้อแชมพูขนาด 3 มิลลิลิตร จากพวกเขามาหนึ่งซอง พวกเขาเรียกเก็บเงินจากผม 6,000 เหลียนปัง”
ซูเถาอดไม่ได้ที่จะถาม “แล้วคุณซื้อหรือเปล่า?”
เหลยสิงกล่าวว่า “เพราะว่าผมถูกเอาเปรียบไง หั่วเสอเลยเผาประตูห้องเก็บของที่พวกเขาคิดว่าไม่สามารถทำลายได้ ผมเดินเข้าไปและหยิบออกมาสี่ขวดต่อหน้าพวกเขา และผมก็ใช้สระผมจนหมด ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรนะ ก็แค่สระผม”
“ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็เป็นลูกค้าวีไอพีของพวกเขา ทุกครั้งที่ผมพาพี่น้องไปอาศัยอยู่ ผมจะได้รับส่วนลด ต่อมาถานหย่งขอให้ผมช่วยทำงานให้ อย่างนั้นก็ถือได้ว่าเขาเป็นนายจ้างเก่า”
ซูเถาพูดอย่างเคร่งขรึม “ในอนาคต พวกคุณสามารถมาที่เถาหยางเพื่ออยู่อาศัยได้ตลอด ไม่มีส่วนลด ไม่มีค่าใช้จ่าย ฉันปฏิบัติต่อคุณดีกว่าถานหย่งใช่ไหม? ฉันขอให้คุณช่วยทำงานให้ ถือว่าฉันกับคุณมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน?”
ถูกเธอจี้แบบนี้ ทำให้เหลยสิงหัวเราะ “เถ้าแก่ซู มีใครเคยบอกคุณไหมว่าคุณน่ารัก”
ซูเถากล่าวว่า “ถ้าคุณรับปาก ฉันจะถือว่าคุณอยู่ข้างฉัน อีกอย่างถานหย่งก็เป็นคนหักหน้าฉันก่อน ที่จริงฉันอยากจะพัฒนาสถานีเก่า แต่น่าเสียดายที่บุคคลนี้ไม่มีความรู้ และริเริ่มสร้างปัญหาให้กับฉัน ช่วงนี้เขายังส่งคนแทรกซึมเข้ามาในภูเขาผานหลิว และฉันก็ไม่รู้ว่ามีกลอุบายอะไรกำลังก่อตัวอยู่เบื้องหลัง”
เหลยสิงพยักหน้า “ถานหย่งค่อนข้างเอาแต่ใจ ถ้าเขาไม่ได้ครอบครองสถานีเก่ามานาน เขาก็คงไม่มีอำนาจขนาดนี้ ที่จริงหลาย ๆ คนก็ไม่พอใจเขา แต่ทุกคนก็กลัวรากฐานที่เขาปูเอาไว้”
ทันทีที่สิ้นเสียง เครื่องมือสื่อสารของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นหมายเลขผู้โทรเข้ามา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป และเหลือบมองซูเถาอย่างไม่รู้ตัว
ซูเถามีประสาทการรับรู้ไว หูของเธอกระดิกทันที
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ เหลยสิงคิดว่ามันตลก ดังนั้นเขาจึงไม่ถือสาและกดรับสาย
เสียงอันไพเราะของชวีจิ้งอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “กัปตันเหลย ไม่เจอกันนาน คุณหายไปไหนมา”
เหลยสิงพูดอย่างใจเย็น “ผมทำงานข้างนอก มีอะไรหรือเปล่าคุณชวี?”
“คืออย่างนี้ เราเองก็ร่วมมือกับกลุ่มเป้าถูมาแล้วหลายครั้ง และเราก็มีความสุขมากทุกครั้ง เป็นเพราะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น ฉันเลยนึกถึงกัปตันเหลยขึ้นมาทันที ฉันไม่รู้ว่ากัปตันเหลยเคยได้ยินเกี่ยวกับภูเขาผานหลิวหรือเปล่า เป็นสถานีที่เพิ่งเปิดใหม่ อยู่ไม่ไกลจากสถานีเก่าของเรา ใช้เวลาในการขับรถครึ่งวัน”
“อืม ผมได้ยินแล้ว มีอะไรเหรอคุณชวี คุณบอกผมมาตรง ๆ เลยดีกว่า”
ซูเถาเอนตัวไปฟังการสนทนาของทั้งสองคนโดยไม่ได้ตั้งใจ
น้ำเสียงของชวีจิ้งอวิ๋นอ่อนหวานขึ้น “คุณเคยได้ยินก็ดี เราได้ตรวจสอบแล้วว่าที่ภูเขาผานหลิวมีน้ำและน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองอยู่มาก ทั้งยังมีผักสดส่งทุกวันไม่ขาดสาย เราไปสืบมาจากลูกค้าที่เช็กเอาต์แล้ว เพื่อสอบถามว่าสภาพความเป็นอยู่ภายในภูเขาผานหลิวนั้นเป็นยังไง ได้รับคำตอบว่าดีมาก มีการตกแต่งใหม่เอี่ยม มีตู้จำหน่ายอาหารและของใช้ในชีวิตประจำวันทุกชนิด”
“มีของดีมากมาย กัปตันเหลยไม่อยากได้พายสักชิ้นเหรอ?”
ซูเถาโกรธมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เหลยสิงทำท่าทางให้ซูเถาใจเย็น และถามต่อ
“อยากให้พวกเราทำอะไร”
เมื่อชวีจิ้งอวิ๋นได้ยินดังนั้น เธอคิดว่าคงมีโอกาส ดังนั้นเธอจึงเอ่ยออกไป
“เราต้องการให้ทางเป้าถูจัดตั้งทีมผู้มีพลังเหนือธรรมชาติขึ้นไปบนภูเขา และจับตัวซูเถา เถ้าแก่ของภูเขาผานหลิวมา แล้วเราจะแบ่งผลประโยชน์ให้คุณ เรา 60% คุณ 40% คุณว่าเป็นยังไง?”
ซูเถาเลิกคิ้วและจ้องมอง
จับตัวเหรอ?!
ปฏิบัติต่อเธอเหมือนลูกแกะตัวเล็ก ๆ ดูถูกกันมากจริง ๆ
เหลยสิงเกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเธอมีท่าทางแบบนี้ เขาอดกลั้นเป็นเวลาสิบวินาที จากนั้นจึงพูดกับชวีจิ้งอวิ๋นต่อ
“เท่าที่ผมรู้ หุ้นส่วนระยะยาวอีกคนของคุณเลี้ยงดูผู้ที่มีพลังวิเศษไว้จำนวนมากที่สถานีเก่าไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณถึงคิดจะขอให้ผมร่วมมือและจัดตั้งทีมล่ะ”
ชวีจิ้งอวิ๋นรู้ว่าเขาต้องถามคำถามนี้ ดังนั้นเธอจึงกล่าวต่อไปว่า
“กัปตันเหลยกำลังพูดถึงบอสกู้หมิงฉือจากเขตตะวันออกเหรอ เราสงสัยว่าเขาหักหลังเรา เขาไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป”
เหลยสิงรู้สึกประหลาดใจมาก “พวกคุณร่วมมือกันมาหลายปีแล้วนี่ เขาไม่น่าจะมีเหตุผลที่จะละทิ้งเงินจำนวนมากที่ได้จากสถานีเก่า”
เมื่อซูเถาได้ยินเช่นนี้ ความโกรธของเธอก็ไม่ได้ลดลงเลย เธอเบิกตากว้างเพื่อจดจ่อกับสิ่งที่ชวีจิ้งอวิ๋นกำลังจะพูดต่อไป
คิดไม่ถึงว่าชวีจิ้งอวิ๋นจะพูดออกมาว่า “กู้หมิงฉือมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงแซ่ซู เขายกเลิกการทำธุรกิจกับเหล่าต้าของเราเพราะผู้หญิงคนนี้”