ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 145 แมวจร
ตอนที่ 145 แมวจร
ตอนที่ 145 แมวจร
หนึ่งวันก่อน
สยงไท่มาที่ภูเขาผานหลิวกี่ครั้งก็พบว่าประตูปิด ทำให้เขาส่งของขวัญไม่สำเร็จสักที และหม่าต้าเพ่าก็คอยจะดูถูกเขาอยู่เสมอ
เขาเลยต้องยอมแพ้และกลับบ้านไปนอนต่อ แต่แล้วก็ได้ยินเด็กสองสามคนที่เป็นคนไร้บ้านบอกเขาว่าขยะที่ภูเขาผานหลิวทิ้งนั้นล้วนแต่มีของดีมากมาย เขาก็เลยตามไปดูด้วย
ในฐานะผู้มีความสามารถด้านมิติที่หายากมาก สยงไท่ไม่รู้สึกละอายใจเลย เขารีบหยิบถุงขาด ๆ ไปหนี่งใบแล้วเดินตามเด็กกลุ่มนั้นออกไปเก็บขยะ
ระหว่างทาง มีเด็กที่รู้จักเขาคนหนึ่งถามเขาว่า “พี่ไท่ ที่บ้านของพี่มีคนอื่นอยู่ด้วยเหรอ ผมเห็นรองเท้าหนังในบ้านคู่หนึ่ง แต่พี่ไม่น่าใส่ เพราะปกติพี่ขี้เกียจเกินไปที่จะใส่ และมักสวมรองเท้าแตะอยู่เสมอ”
สยงไท่ตะคอก “ยุ่งอะไรด้วย มีคนมีฐานะให้รองเท้าหนังคู่นั้นกับฉัน แต่ฉันแค่ไม่ค่อยได้ใส่มันบ่อยนัก”
แต่ที่จริงเขาใส่ไม่ได้
มีอยู่คืนหนึ่งเขาพบเข้ากับคนมีฐานะคนนั้น เขาเมามากและขาหัก
ตอนแรกสยงไท่ไม่คิดจะสนใจ แต่เมื่อเห็นว่าเขาแต่งตัวดีและมีนาฬิกาสีทองแวววาวอยู่บนข้อมือ เขาก็คิดจะขโมยทรัพย์สินก่อนไป
แค่คนคนนั้นพูดว่า “ช่วยผมด้วย ผมมีของดีจะให้คุณ”
ว่าแล้วก็ถอดนาฬิกายื่นให้
เมื่อเห็นว่าเขาร่ำรวยมาก สยงไท่เดาว่าเขาไม่ได้โกหก ดังนั้นจึงอุ้มเขากลับไปด้วย
ในคืนนั้นเขาอธิบายตัวตนของเขาว่า เขาเป็นนักวิจัยระดับสูงซึ่งกำลังจะไปที่ฉางจิงเพื่อส่งชิ้นส่วนของซอมบี้เพื่อทำการวิจัย ด้วยเหตุนี้ทีมของเขาจึงพบกับฝูงซอมบี้ระหว่างทาง และมีแค่เขาที่รอดชีวิตมา
สยงไท่เป็นคนไร้การศึกษา เขาจึงมีความสับสนและพูดอย่างหมดความอดทน
“แค่บอกผมมาว่าประโยชน์ของการที่ผมช่วยชีวิตคุณคืออะไร”
ฝ่ายตรงข้ามให้ผลึกนิวเคลียสของซอมบี้ที่มีวิวัฒนาการแล้วแก่เขา
สยงไท่รู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย “คุณให้เงินหรือสิ่งที่สามารถขึ้นเงินได้ทันทีกับผมสิ เช่น นาฬิกา แว่นตา เครื่องมือสื่อสาร ฯลฯ สิ่งนี้เอาไว้ทำอะไรได้”
“มันสามารถทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นได้ คุณเป็นผู้ที่มีพลังวิเศษ คุณไม่อยากแข็งแกร่งขึ้นเหรอ?”
สยงไท่พูดไม่ออก “คุณโกหกผม ผมไร้การศึกษา เห็นว่าผมหลอกง่ายใช่ไหม ผมไม่อยากแข็งแกร่งขึ้น ผมแค่อยากดื่ม”
นี่เป็นครั้งแรกที่นักวิจัยได้พบกับผู้ใช้ความสามารถได้เน่าเฟะเช่นนี้ เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูด
“…งั้นผมก็ไม่มีของอย่างอื่นแล้ว ผมทำหายกลางทาง ถามคนที่รู้จักผลึกนิวเคลียสได้ คุณขายได้แน่นอน ถึงขายไม่ได้ก็รอสหายหาผมเจอ แล้วผมจะเป็นคนซื้อจากมือคุณเอง”
สยงไท่ยอมแพ้หลังจากได้ยินสิ่งนี้
วันต่อมา เขาขายนาฬิกาจักรกลสีทองแลกกับเหล้าขาวสามขวด
เดิมทีเขาต้องการส่งเหล้าขาวนี้ให้กับเถ้าแก่สาวบนภูเขาผานหลิว แต่หม่าต้าเพ่าคอยแต่จะดูถูกเขาอยู่ตลอด โดยบอกว่าเจ้านายของพวกเขามีพร้อมแล้วทุกอย่าง
หึ ถือตัวจริง ๆ
ดังนั้นเขาจึงดื่มเหล้าขาวสามขวดที่บ้านจนพอใจ และใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ที่บ้านอยู่สองถึงสามวัน
เด็กน้อยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำนั้น และรู้สึกทันทีว่าเขากำลังแสร้งทำเป็นหลอกลวงผู้อื่น จึงพูดประชดประชันว่า
“คนสำคัญเหรอ? พี่ยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ แล้วมีคนมีฐานะมาขอพี่อยู่อาศัยด้วยเนี่ยนะ”
สยงไท่จ้องไปที่เขา “ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่”
เด็ก ๆ ไม่กลัวเขา ต่างคนต่างหัวเราะและวิ่งหนีไป
ที่เชิงเขาผานหลิว สยงไท่และเด็กกลุ่มหนึ่งไปตรงจุดที่มีกองขยะกองอยู่ที่ภูเขาด้านหลัง เป็นที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่าน
ในเวลานี้ มีผู้รอดชีวิตซึ่งเป็นคนไร้บ้านรูปร่างผอมบางหลายคนกำลังคุ้ยหารอบ ๆ กองขยะ เมื่อเห็นว่าสยงไท่และพรรคพวกของเขามา ก็รู้สึกว่าเป็นศัตรู
สยงไท่เพิกเฉยต่อพวกเขาและกระโจนเข้าไปในกองขยะเพื่อค้นหาอาหาร
ไม่ต้องพูดถึงว่ามีของดีมากมายแค่ไหนในภูเขาผานหลิว พวกเขามีผักสด แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นของเหลือหรือใบผักเน่าที่คนอื่นกินไปแล้ว แต่เขาไม่สนใจเลย และใส่มันเข้าปากโดยไม่ล้าง จะสะอาดหรือไม่ไม่สำคัญ ขอแค่กินแก้ขัดไปก่อน
เมื่อเขากินเสร็จ เขาก็ยังคิดที่จะเก็บบางส่วนกลับไปด้วย บางทีนี่อาจสามารถไปแลกเป็นเหล้าได้
จากนั้นเขาก็พบเข้ากับขวดแชมพูและขวดเครื่องดื่มที่ใช้แล้ว
เด็กรอบ ๆ พูดอย่างอิจฉา “ผู้คนบนภูเขาผานหลิวมีชีวิตที่ดีจริง ๆ ขวดแชมพูสวยมาก เอาไปล้างแล้วตัดออก สามารถนำกลับไปใช้เป็นชามหรือขวดเครื่องดื่ม…”
เด็กน้อยมองดูสลากที่พิมพ์บนนั้น และเลียริมฝีปากที่แตกของเขา “ผมรู้จักพี่ใหญ่คนหนึ่งที่บอกว่าขวดแบบนี้ใส่น้ำหวานซึ่งมีรสชาติดีและดับกระหายได้”
สยงไท่ไม่สนใจอะไรมาก เขาไม่สนใจอะไรที่หอมหวานและอร่อย ตราบใดที่เขามีเหล้าให้ดื่มและเขาไม่อดตาย
ถ้าเขาสามารถไปทำงานที่ภูเขาผานหลิวได้ เขาจะสามารถบรรลุความฝันได้ทันที มีที่ให้อยู่ฟรี มีค่าตอบแทน และสามารถซื้อเหล้าได้…มันดีเกินไป
เพียงแต่ว่าเถ้าแก่สาวคนนั้นไม่ง่ายที่จะเข้าหา และเธอก็ไม่สนใจของขวัญใด ๆ
หม่าต้าเพ่าก็เช่นกัน เขาอู้ฟู่ขึ้นแล้วแต่ก็ไม่คิดที่จะช่วยเหลือกัน
สยงไท่ยังคงคุ้ยกองขยะด้วยความไม่พอใจ เมื่อเขาเหนื่อย เขาก็นอนลงบนกองขยะและผล็อยหลับไป เมื่อเขาตื่นขึ้น เขาก็ทำการคุ้ยต่อไป
จนกระทั่งพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เขากำลังจะกลับ ทันใดนั้นก็เห็นแมวดำเกาะอยู่บนก้อนหินที่อยู่ไม่ไกล
แต่มันก็หายไปอีกครั้งในพริบตา เขาขยี้ตามองไปรอบ ๆ และพบว่ามันอยู่อีกด้านของเนิน
มันกำลังขุดหลุม
แมวดำที่มีขนมันวาว ดวงตากลมโตก็ค่อย ๆ เผยตัวออกมา
สยงไท่เบิกตากว้างและถามว่า “แมวตัวนี้ใครเลี้ยง?”
เด็กส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่รู้สิ ฉันมักจะเห็นมันนอนบนถังขยะ พอมันตื่นขึ้นก็วิ่งไปทั่ว ไม่มีใครสนใจมันเลย น่าจะเป็นเพราะมันไม่มีเจ้าของ”
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของสยงไท่ทันที ผู้หญิงชอบสิ่งน่ารัก ๆ แบบนี้หรือเปล่า?
เขาเคยได้ยินว่าภรรยาของนักธุรกิจผู้มั่งคั่งในฉางจิงเลี้ยงแมวและสุนัข
ถ้าได้เป็นของขวัญต้องคุ้มแน่!
เมื่อเห็นดวงตาที่สดใสของมัน เขาก็ต้องการเข้าใกล้แมวดำ แต่เด็กคนนั้นก็เตือนเขาทันที
“มันดุมาก มีคนอยากจะจับมันกลับบ้านไป เพื่อฆ่ามันกิน แต่ก็ถูกมันข่วนหน้า ทำให้ตามองไม่เห็นเป็นเดือน แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
มันดุมาก ต้องเป็นแมวจรแน่ ๆ ใครจะกล้าเอาไปเลี้ยง
สยงไท่ชะงักด้วยความประหลาดใจ “เจ้าตัวเล็ก ดุร้ายนักเหรอ”
ก่อนกลับบ้าน เด็ก ๆ บอกว่า “พวกเราไม่โกหกพี่หรอก อย่าหลงความน่ารักของมัน เวลามีคนมาใกล้มันจะตื่นตัวและวิ่งหนีไป ผมต้องกลับแล้ว ยายยังไม่ได้กินอะไรทั้งวัน ผมได้ขนมปังแห้งมาครึ่งแผ่น จะรีบเอาไปให้ยาย”
หลังจากที่ทุกคนออกไป ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว สยงไท่พยายามเข้าหามันหลายครั้ง แต่มันก็วิ่งหนีไปอย่างที่คาดไว้
สยงไท่หมดความอดทน เขาใช้ความสามารถเชิงพื้นที่ของเขาสานกรงขังในอากาศ และใส่ไส้กรอกครึ่งชิ้นลงไปอย่างไม่เต็มใจ
ตัวเขาเองก็อยากจะกิน แต่ก็ต้องยอมใช้เป็นเหยื่อล่อ เพื่อเอาไปแลกเป็นเงินจำนวนมาก
แมวดำไม่แม้แต่จะมองเขา มันปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่ตายแล้วและมองเขาอย่างเหยียดหยามราวกับว่าเขาเป็นตัวตลก
สยงไท่ตกตะลึง มีสัตว์ที่ไม่กินไส้กรอกแฮม เขาไม่เข้าใจจริง ๆ เขาจึงต้องเปลี่ยนขนมปังกรอบ ใบผัก หรือแม้แต่น้ำที่เหลือเพียงครึ่งขวดของเขา
มันต่างไม่สนใจของพวกนี้!
ดูเหมือนว่ามันเคยเห็นสิ่งเหล่านี้และดูถูกสิ่งเหล่านี้ด้วยซ้ำ!
ความสามารถของสยงไท่มีระยะทางจำกัด เขาไม่สามารถโยนกรงที่สร้างขึ้นไปไกลเกินไปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปีนต้นไม้ด้วยมือและเท้าทั้งสองข้าง
เมื่อเขากำลังจะปีนขึ้นไปและกำลังจะโยนกรงอย่างตื่นเต้น แมวดำก็มองเขาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ และกระโดดลงมาจากนั้นวิ่งไปยังต้นไม้ที่ตายแล้วซึ่งอยู่ห่างออกไปทันที
สยงไท่มีภาพลวงตาเกิดขึ้นว่าเขากำลังทำท่าทางเหมือนกับลิงปีนต้นไม้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา และสาบานว่าจะจับสัตว์ร้ายตัวน้อยนี้ให้ได้
เป็นผลให้ทันทีที่เขาวิ่งไปใต้ต้นไม้อีกต้น เขาก็ล้มลงอย่างแรง และผลึกนิวเคลียสในกระเป๋าของเขาก็กลิ้งออกมา