ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 148 ผมอยากเจอคุณ
ตอนที่ 148 ผมอยากเจอคุณ
ตอนที่ 148 ผมอยากเจอคุณ
เมื่อหม่าต้าเพ่าได้ยิน ก็สะดุ้งโหยง
“แม่ง! วันนี้สยงไท่ยังเอาของขวัญมาให้ฉันอยู่เลย!”
เสี่ยวจางแผนกต้อนรับพูดเสียงอ่อน “วันนี้ตอนที่เห็นว่าในกระสอบนั่นเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิต ฉันจะเอ่ยปากขอดูสักหน่อย แต่เขาไม่ยอม แถมยังไล่ฉันด้วย”
ทุกคนเงียบกริบ จนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นในอากาศได้
ชีอวิ๋นหลันตะลึง รอเธอให้จังหวะ…
กล่าวคือสยงไท่คิดว่าเฮยจือหม่าเป็นเพียงแมวจรจัด จึงจับตัวมันไป และนำมามอบให้เถ้าแก่ซูเป็นของขวัญเพื่อหวังผลตอบแทน?
หม่าต้าเพ่านิ่งไปชั่ววินาที จากนั้นทุบโต๊ะอย่างแรงด้วยความเสียใจ และขอโทษด้วยความสำนึกผิด
“เถ้าแก่ เพราะผมไม่ดีเอง ผมไม่คิดว่าในกระสอบจะมีอะไรดี ๆ ซึ่งคุณก็ไม่ได้ขาดแคลนอะไร ผมจึงไล่เขาไปให้พ้นหน้า ผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ผมจะไปจุดแวะพักเก่าเดี๋ยวนี้ครับ!”
จากนั้นก็สาปแช่งในใจอยู่หลายครั้ง หลังจากสาปแช่งแล้วก็รีบพุ่งตัวออกไป
ซูเถาออกคำสั่งให้รั้งเขาเอาไว้ “นายไปก็มีแต่จะถูกจับตัวไว้ นั่งลงซะ!”
เธอหันไปหาเสี่ยวจางและถามว่า “แน่ใจไหมว่าในกระสอบมีสิ่งมีชีวิตอยู่”
เสี่ยวจางพยักหน้าอย่างมั่นใจ และเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตแน่ค่ะ ตอนนั้นที่สยงไท่โยนมันลงพื้นอย่างแรง ด้านในก็มีการขยับเขยื้อน ลักษณะท่าทางก็คล้ายมาก เพียงแค่ไม่ได้ส่งเสียงร้อง”
ซูเถาเริ่มแสบจมูกด้วยความปวดใจ ยกมือกุมใบหน้าไว้อยู่หลายนาที
เฮยจือหม่าถูกเธอป้อนนมมากับมือ ตอนกลางคืนก็ต้องตื่นมาป้อนทุกสามถึงสี่ชั่วโมง
ตอนแรกแม้แต่จะฉี่ด้วยตัวเองมันก็ยังทำไม่ได้ ก็มีเธอที่เอากระดาษชำระมาช่วยให้มันฉี่ออกมาทีละเล็กทีละน้อย ต่อมาก็ปรนเปรอของอร่อยทุกอย่างให้ เห็นมันชอบออกไปเที่ยวเล่นก็พาไปอย่างใจอ่อน
จนตอนนี้ซูเถาเริ่มตำหนิตัวเอง ว่าเธอตามใจมันเกินไปหรือเปล่า หละหลวมในการดูแล ทำให้มันต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้
ถูกคนขว้างปา ถูกจับให้อุดอู้อยู่ในกระสอบ ถูกทำเหมือนเป็นสิ่งของ… เสวี่ยเตาเห็นดังนั้นก็กระโดดไปด้านข้าง เลียใบหน้าของเธอไม่หยุด
หลินฟางจือเห็นดวงตาของเธอแดง ในใจก็เริ่มร้อนรน แม้แต้เขาก็เริ่มหายใจติดขัด
ท่าทางซูเถาเชื่องช้า พยายามประคองสติให้กลับมาเป็นปกติ เพียงแต่ความดันอากาศลดลง คนที่คุ้นเคยกับเธอรู้ดี ตอนนี้ความโกรธของเธอกำลังปะทุ
หม่าต้าเพ่ารู้สึกกลัวเล็กน้อย “เถ้าแก่…”
ซูเถาเพียงพูดกับเขาว่า “นายไปหาเหล่าฉีที่ห้องทำงานให้เขาขับรถมา คืนนี้เราจะไปที่จุดแวะพักเก่ากัน”
ชีอวิ๋นหลันกล่าวเตือนว่า “เถ้าแก่ คืนนี้ถานหย่งจะส่งคนมาที่ภูเขาผานหลิวนี้ของเรา”
“ไม่เป็นไร ฉันจะให้กัปตันเหลยไปปกป้องพวกเรา ถ้ามีเรื่องอะไรให้โทรหาฉัน ต้าเพ่า นายส่งพวกเด็ก ๆ กลับไปก่อน ดึกขนาดนี้แล้วจะต้องส่งพวกเขาให้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย” ซูเถาเอ่ย จากนั้นไม่ลืมที่จะพูดกับเจิ้งซิง
“ต่อไปอย่าพาพวกเขามาเก็บขยะที่ภูเขาผานหลิวอีก”
ใบหน้าเจิ้งซิงเคว้งคว้าง เพราะคิดว่าตนเองถูกขับไล่แล้ว ดังนั้นจึงรู้สึกหมดหวังไปพักหนึ่ง การที่ต่อไปจะไม่สามารถไปเก็บขยะที่ภูเขาผานหลิวได้แล้วก็แปลว่าต่อไปเขาจะไม่สามารถกินได้แม้แต่ผักใบเน่าและขนมปังขึ้นรา
พวกเขาต้องลองไปเสี่ยงโชคที่อื่นดูแล้ว แต่แล้วเจิ้งซิงก็ได้ยินเธอพูดขึ้นอีก
“พอถึงตอนนั้นฉันจะให้ห้องครัวนำอาหารที่ใกล้หมดอายุ หรือกินไม่หมดแต่ยังสะอาดอยู่บรรจุใส่กล่องให้พวกนาย และจะส่งให้ทุกวัน ต่อไปนายก็ถามป้าอวี๋ก็พอ แต่ป้าอวี๋หูหนวกเป็นใบ้ ตอนที่คุยกันพวกนายต้องมีมารยาทและมีความอดทนนะ เข้าใจไหม”
เจิ้งซิงดวงตาเบิกกว้างด้วยความความสดใส และพาเด็กชายตัวน้อยทั้งสามคนไปขอบคุณซูเถาทันที
ต่อไปพวกเขาไม่ต้องเก็บขยะอีกแล้ว และยังได้กินอาหารที่สะอาด แม้แต่ยายเฒ่าอายุมากของเขาก็ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อไปกับเขาอีก
ความกตัญญูของเจิ้งซิงนั้นยากที่จะอธิบาย เขาพูดตะกุกตะกัก เรียนรู้จากที่หม่าต้าเพ่าเรียกและถามว่า
“เถ้าแก่ เถ้าแก่ซู ที่ภูเขาผานหลิวยังต้องการคนงานอีกไหมครับ? ผมไม่ต้องการอะไรเลย ย่าของผมบอกว่าเป็นคนต้องกตัญญูรู้จักทดแทนคุณ ผมทนลำบากได้ครับ ผมสามารถช่วยพวกคุณเก็บขยะได้ ทำงานที่เหนื่อยและสกปรกยังไงก็ทำได้”
เขาพูดอย่างตื่นเต้นและเด็ดเดี่ยว ซูเถามองรูปร่างผอมแห้งของเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีอยู่พักหนึ่ง
หม่าต้าเพ่ารีบลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ต่อไปหากต้องการอะไรฉันจะไม่เกรงใจต่อนายอีกต่อไปแล้วนะ มา ขึ้นรถไปกับฉัน ฉันจะไปส่งพวกนายกลับบ้าน”
สิบนาทีต่อมา ซูเถาขึ้นรถไปยังจุดแวะพักเก่า เพิ่งจะเปิดประตูรถเครื่องสื่อสารก็ดังขึ้นมา เมื่อเห็นผู้คุ้นเคยที่โทรเข้ามา ซูเถาอดกลั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรับสาย
เสียงของกู้หมิงฉือสงบนิ่งเหมือนอย่างเคย
“เถ้าแก่ซู ผมได้ยินมาว่าแมวของคุณหายไปเหรอ”
ซูเถานึกถึงสิ่งที่เสี่ยวจางพูดขึ้นมาในทันที แล้วหัวใจเธอก็สั่นสะเทือน
“ใช่ หายไปแล้ว คุณถามฉันทำไมกัน ต้องการจะเอามีดมาปักอกฉันอีกเหรอ?”
กู้หมิงฉือได้ยินเสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าใจเธอคงเจ็บปวดและร้อนใจ จึงอดไม่ได้ที่จะใช้น้ำเสียงอ่อนลง
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ที่โทรมาเพราะอยากจะส่งใครบางคนให้คุณ บางทีเขาอาจจะช่วยคุณได้”
“ใคร?”
“ความสามารถของเขาคือการ ‘ย้อนเวลากลับ’ ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ไหน เขาก็จะสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ เหมือนย้อนดูภาพยนตร์”
ซูเถาไม่คิดอะไรอีก จึงโพล่งออกมาทันที “โอเค ขอบคุณมาก ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
แม้ว่าจะยืนยันแล้วว่าเฮยจือหม่าถูกใครจับไป แต่เผื่อว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง? ถ้ามีผู้ที่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ก็เพิ่มความน่าจะเป็นได้สูง
กู้หมิงฉือหยุดนิ่งชั่วขณะ “เถ้าแก่ซู ไม่คิดเหรอว่าผมให้คุณยืมคนโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”
ซูเถาระเบิดอารมณ์ออกมา “คุณต้องการอะไรกันแน่พูดมาให้จบ ๆ เลยได้ไหม ฉันเหนื่อยมากแล้วนะ ไม่มีแรงและสมองจะไม่คาดเดาอะไร”
“ผมอยากเจอคุณสักครั้ง”
ซูเถารู้สึกว่าเขาคาดเดายากจริง ๆ
“กู้หมิงฉือ คุณล้อฉันเล่นรึเปล่า ฉันไม่เข้าใจคุณเลยจริง ๆ วัน ๆ คุณคิดอะไรอยู่! ได้เจอฉันแล้วจะมีประโยชน์อะไร อีกอย่างตอนนี้ฉันก็อยู่ที่ภูเขาผานหลิว คุณไม่กลัวที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อมาหาฉัน แต่ฉันกลัวสายตาของคุณที่จะฆ่าฉัน”
กู้หมิงฉือ “…คุณคิดมากเกินไปแล้ว”
“แล้วทําไมคุณถึงอยากเจอฉันล่ะ? เบื่อเพื่อนทางอินเทอร์เน็ตแล้วเหรอ?”
กู้หมิงฉือรู้สึกรําคาญกับคําถามของเธอ “คุณแค่บอกมาว่าจะตกลงไหม ถ้าตกลงผมกับคนที่มีพลังให้รอคุณที่จุดแวะพักเก่า”
“คุณอยู่ที่จุดแวะพักเก่าเหรอ?”
กู้หมิงฉือกล่าวว่า “ใช่ เหล่าจงก็อยู่ด้วย เดิมทีวันนี้ฉันเตรียมจะกลับไปที่ตงหยาง แต่แล้วก็ได้ยินว่าแมวคุณหายไป”
ซูเถา “คุณหยุดย้ำเรื่องที่แมวฉันหายไปได้แล้ว บอสกู้ ฉันกลัวที่จะต้องเจอคุณจริงๆ เพราะไม่เพียงแต่ฉันจะหาแมวไม่เจอแล้ว ตัวฉันก็ยังต้องตายด้วย”
กู้หมิงฉือสีหน้ามืดมน “ผมไม่ทำอะไรหรอก เพราะไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับผม”
“มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยที่คุณต้องเจอฉันให้ได้ ความคิดคุณนี่มันคาดเดายากจริง ๆ ฉันไม่กล้าเดิมพัน เราอย่าเพิ่งเจอกันเลย รอให้ฉันหาไม่เจอจริง ๆ ก่อนค่อยว่ากันเถอะ แค่นี้นะ”
กู้หมิงฉือจ้องมองสายที่ถูกวางไปจากเครื่องสื่อสาร แล้วจึงหันไปถามจงเกาอี้
“เธอมองไม่ออกเหรอว่าฉันให้เธอยืมคนโดยไม่หวังอะไร”
จงเกาอี้เตือนเขา “เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกเธอไปว่าไม่ให้ยืมฟรี ๆ ต้องการอยากเจอเธอเป็นของแลกเปลี่ยน คุณอยากช่วยเถ้าแก่ซูก็บอกกับเธอไปตรง ๆ เลยดีกว่า”
กู้หมิงฉือสูดหายใจเข้าลึก ๆ “รีบไปช่วยเลยชัดเจนกว่าบอกว่าช่วยโดยไม่หวังผลใช่ไหม”
อีกอย่างเขาก็อยากเจอจริง ๆ
จงเกาอี้หมดคำจะพูดกับเขา พระอาวุโสเข้าฌานแล้วไม่พูดอีก
คนขับรถถามขึ้นโดยที่ยังไม่เห็นอะไร “บอสกู งั้นตอนนี้เราจะกลับตงหยางไหม”
กู้หมิงฉือพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “กลับไปทำซากอะไร รอก่อน!”
……
ซูเถาเหนื่อยมากจนงีบหลับในรถไปพักหนึ่ง แต่ถูกข่าวจากเครื่องสื่อสารปลุกให้ตื่นขึ้นอีก เมื่อเปิดดู และเห็นว่าเป็นข้อความที่สือจื่อจิ้นที่ส่งถึงเธอ
“เราใกล้จะถึงภูเขาผานหลิวแล้ว แต่เพราะไปสัญญากับเพื่อนที่ฝากฝังไว้ ต้องอ้อมไปรับคนคนหนึ่งที่จุดแวะพักเก่าก่อน พรุ่งนี้เช้าน่าจะถึง”