ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 172 เถ้าแก่ซู พวกเราคงต้องบอกลาคุณ
ตอนที่ 172 เถ้าแก่ซู พวกเราคงต้องบอกลาคุณ
ตอนที่ 172 เถ้าแก่ซู พวกเราคงต้องบอกลาคุณ
ซูเถาตื่นขึ้นกลางดึกได้ยินเสียงบางอย่างดังมากจากห้องครัว จึงขึ้นไปชั้นบนและหรี่ตามอง พบว่าสุนัขของเธอยังคงแทะกระดูกชิ้นใหญ่นั้นอยู่
หลังจากเธอเกลี้ยกล่อมไม่ได้ผล ดังนั้นจึงต้องกลับไปนอนคนเดียว
เมื่อเธอตื่นนอนในตอนเช้า เห็นว่าเจ้าหมาตัวนี้แทะกระดูกทั้งคืน มันเหนื่อยมากจนผล็อยหลับไป และมันไม่สามารถขยับตัวได้หากถูกเรียกให้ออกไปเดินเล่น
เจียงอวี่โผล่ออกมาจากเงามืดพร้อมกับรอยคล้ำใต้ตาของเขา และพึมพำสองสามคำ “หนวกหูมาก”
หลินฟางจือซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ในห้วงมิติราวกับว่าเขาไม่รู้สึกอะไร ก็ต้องตกตะลึง เสียงดังอะไร?
ซูเถาจำได้ว่าห้องหนังสือที่เจียงอวี่นอนอยู่ใกล้ห้องครัวมากที่สุด เธอจึงรีบพูดว่า
“ขอโทษด้วย คืนนี้ฉันจะเก็บมันไว้ และให้มันกินเฉพาะตอนกลางวัน
เจียงอวี่ “ไม่เป็นไร ตอนนี้ผมยังทนได้”
หลังจากพูดอย่างนั้น เสวี่ยเตาที่กำลังหลับอยู่ก็เริ่มกรนเสียงดังตลอดทั้งวัน
……
ซูเถายังคงนอนหลับสบาย เธอรู้สึกมีพลังมากเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า เธอไม่รีบร้อนที่จะไปที่สำนักงาน แต่ยังคงเคลื่อนย้ายก้อนอิฐต่อไป
ตามแผนการก่อสร้าง เธอจะสร้างห้องพักสำหรับป้าแม่บ้าน
มิฉะนั้นป้าทำความสะอาดจะไม่มีที่พักผ่อน
ห้องพักแม่บ้านอยู่ถัดจากอาคารเถาหลี่ เลี้ยวซ้ายไป 10 กว่าเมตรก็ถึงแล้ว ห้องทั้งหมดครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 40 ตารางเมตร และแบ่งออกเป็นสองส่วน ด้านหน้าและด้านหลัง
เข้าประตูมาจะเป็นห้องเฝ้ายาม มีโต๊ะ เก้าอี้ ม้านั่ง ด้านขวามือมีหน้าต่างบานเลื่อนหน้าโต๊ะ หากผู้เช่าต้องการทำความสะอาดสามารถเคาะหน้าต่างได้โดยตรง
ด้านซ้ายมือเป็นแถวของตู้เตี้ย ๆ สำหรับเก็บผ้าปู ผงซักฟอก และของใช้อื่น ๆ ทั่วไป และมีตู้แขวนด้านบนสำหรับเก็บของเพิ่มเติม
เปิดประตูเข้าไปข้างในห้องเฝ้ายามก็จะเป็นห้องน้ำของป้า ๆ มีโซฟาสำหรับนอนเล่น โต๊ะ เก้าอี้ และตู้กดน้ำข้าง ๆ
มีตู้เก็บของทั้งผนังตรงข้ามโซฟาให้คุณป้าเก็บของใช้ส่วนตัวได้
หลังจากเสร็จสิ้น ซูเถาลงไปชั้นล่างเพื่อดูที่ดิน และหลังจากเพิ่มรายละเอียดบางอย่างแล้ว มันก็ทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจมาก
จากนั้นก็โทรหาชีอวิ๋นหลัน และขอให้เธอเรียกป้าทำความสะอาดเพื่อประชุมเล็ก ๆ ข้างอาคารเถาหลี่
ป้าคังเป็นคนแรกที่มาถึง และเมื่อเธอเห็นคำว่า ‘ห้องพักแม่บ้าน’ ที่แขวนอยู่บนบ้านหลังเล็ก เธอก็พูดไม่ออก
เธอถามด้วยความไม่เชื่อ “เถ้าแก่ซู นี่…สำหรับพวกเราเหรอ”
ซูเถาพูดติดตลก “ทำไม ป้าไม่พอใจเหรอคะ”
ป้าคังพูดอย่างกระวนกระวาย
“ไม่ ไม่ ฉันแค่ไม่คิดว่าพวกเราซึ่งเป็นพนักงานทำความสะอาดจะมีที่พัก ฉันไม่กล้าคิดเรื่องนี้จริง ๆ”
เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอไม่มีแม้แต่ที่อยู่อาศัย แต่ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่มีที่อยู่อาศัย แต่ยังมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีอีกด้วย
ซูเถากล่าวว่า “ต้องมีสิคะ เพื่อความสะดวกในการทำงานของพวกป้าด้วย สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่ดีของเถาหยางนั้นขาดพวกป้าไม่ได้หรอกค่ะ อย่างไรก็ตาม ขอบคุณที่นำกระดูกชิ้นใหญ่มาให้เสวี่ยเตานะคะ มันชอบมาก แทะไม่ปล่อยเลย”
คุณป้าอายเล็กน้อย พลางเอ่ยว่า “ดีจังเลยค่ะ ชอบก็ดี”
ทันใดนั้นป้าอีกหกคนก็มาถึงทีละคน
เมื่อเดือนที่แล้ว ซูเถารับสมัครป้าแม่บ้านเพิ่มอีกสามคน เพราะเดิมที่มีป้าแม่บ้าน 3-4 คน และจำนวนคนแค่นั้นไม่สามารถรับมือกับเถาหยางที่ขยายใหญ่ขึ้นได้
หลังจากพาทุกคนทำความคุ้นเคยกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในและอธิบายข้อควรระวังบางประการแล้ว ซูเถาก็ปล่อยให้พวกเธอทำงานต่อไป
ป้าแม่บ้านสองสามคนกลับไปดูที่ห้องพักแม่บ้าน และลังเลเล็กน้อยที่จะออกไป
ป้าคังขึ้นเสียงทันที “ไม่ต้องดูแล้ว รีบทำงานจะได้รีบเลิก!”
พวกป้า ๆ วิ่งหนีเหมือนกระต่ายตื่นตูม
ซูเถาหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
หลังอาหารกลางวัน ซูเถาไปที่สำนักงานเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ตามปกติ และวันนี้จู่ ๆ เหลยสิงมาหาเธอกะทันหัน เขาเข้ามาถึงที่ทำงานของเธอโดยไม่เกรงใจ เขาเดินไปที่ตู้เย็นด้วยตัวเอง และหลังจากมองหาเป็นเวลานาน ก็เอ่ยถามเธอขึ้น
“ไม่มีนมวัวเหรอ”
ซูเถาบอกว่า “ไม่มี มีแต่น้ำอัดลม”
เหลยสิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมหยิบขวดน้ำอัดลมออกมา คลายเกลียวออกแล้วกระดกลงคอไป คอของเขาเหมือนท่อน้ำทิ้ง และน้ำอัดลมนั้นก็หมดภายในไม่กี่วินาที
หลังจากดื่ม เขาเสยผมสั้นสีบลอนด์มองไปที่ซูเถา และพูดอย่างเสียใจว่า
“เถ้าแก่ซู พวกเราคงต้องบอกลาคุณ”
ซูเถาตกใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่ากลุ่มเป้าถูอยู่ที่เถาหยางตลอดทั้งเดือน ดังนั้นจึงถามว่า
“รับงานใหม่เหรอ”
เหลยสิงโยนขวดเครื่องดื่มเปล่าลงในถังขยะที่อยู่ห่างออกไป พลางส่ายหัวและพูดว่า
“เรามีที่ดินผืนเล็ก ๆ อยู่ข้างนอก ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปก็ถูกบุกรุกได้ง่าย เลยต้องกลับไปดู แต่ถ้าไม่มีงานที่เหมาะสม ก็จะกลับมาที่เถาหยาง คุณไม่ต้องกังวลนะ”
ซูเถา “ไปสู่สุขคตินะ”
“คุณใจร้ายมาก ผมอุตส่าห์ให้หั่วเสออยู่ที่นี่ต่อ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเห็นหมอก แต่ยังช่วยคุณเผากลุ่มคนที่สถานีเก่าให้เป็นเถ้าถ่านในช่วงเวลาวิกฤต”
ซูเถาทำให้เสียงของเธอเบาลง “ฉันล้อเล่น พวกคุณเดินทางปลอดภัยนะ ช่วงนี้เหตุการณ์ไม่สงบ ระวังตัวด้วย ถ้าคุณต้องการอะไร คุณก็บอกฉันได้”
เธอไม่กล้าบอกข่าวเกี่ยวกับการหลบหนีของโบนวิงส์ ประการแรก ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ และประการที่สอง มันน่าตกใจเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายและความตื่นตระหนกได้ง่าย
เหลยสิงแสดงฟันเขี้ยวขนาดเล็กสองซี่
“ผมว่าคุณต้องคิดถึงผมแน่ ผมจะระวังตัว อีกอย่างผมยังสนุกกับเถาหยางไม่พอ แต่ก่อนที่ผมจะจากไป คุณกับผู้จัดการจวงคงปวดหัวหน่อยนะ เพราะว่าเฉินหยางบอกว่าอยากไปกับผม”
จู่ ๆ ซูเถาก็ปวดหัว “เป็นเพราะคุณล่อลวงเขาไง”
เหลยสิงไม่ยอมรับ “นั่นถือว่าเป็นพรสวรรค์ของเรา แต่ว่าเรื่องนี้ผมก็ไม่รู้จะจัดการยังไงเหมือนกัน เอาเป็นว่าตามนี้แล้วกัน พวกเราจะออกเดินทางคืนนี้ ผมกลัวว่าเขาจะโวยวายขึ้นมา”
ใครจะรู้ ก่อนที่เป้าถูและพวกจะจากไป เฉินหยางก็รู้เรื่องนี้ จากนั้นก็รีบไปขอร้องจวงหว่านด้วยน้ำตาคลอเบ้า
จวงหว่านจะปล่อยให้เขาไปกับกลุ่มทางเสือดาวได้ยังไง และเธอก็พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ไม่ได้ ลูกเพิ่งจะอายุเท่าไหร่ รู้ไหมว่าข้างนอกมันอันตรายแค่ไหน? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูก แม่จะทำยังไง แม่ว่าเราน่ะอยู่อย่างสุขสบายในเถาหยาง และไม่รู้จักโลกภายนอก โลกนี้อันตรายเกินไป กลับไปทำการบ้านซะ!”
เฉินหยางไม่สามารถขัดแม่ของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงมาอ้อนวอนซูเถาและร้องไห้อย่างหนัก
“พี่เถาจื่อ ช่วยพูดกับแม่ให้หน่อย แม่ฟังพี่ที่สุด ได้โปรดพวกพี่เหลยมีพลังมาก พวกเขาจะปกป้องผมอย่างแน่นอน ผมจะไม่เป็นไร ฮือฮือ”
ซูเถามองไม่กล้าสบตากับเขาและแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่ได้ยิน
จวงหว่านพูดด้วยความโกรธ “ทำไมเขาถึงปกป้องลูก! ลูกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? มีเพียงตัวลูกเองเท่านั้นที่สามารถปกป้องตัวเองได้ในวันสิ้นโลกแบบนี้! ก่อนที่ลูกจะมีความสามารถในการป้องกันตัวเอง ลูกห้ามก้าวขาออกจากเถาหยาง!”
การร้องไห้ของเฉินหยางหยุดทันที เขาสะอื้นไห้และพูดว่า
“ผม ผมป้องกันตัวได้ ผมยิงปืนเป็น พี่เหลยสอนผมมาหนึ่งเดือนแล้ว เขาบอกว่าผมเรียนเก่งมาก…”
จวงหว่านพูดอย่างไร้ความปราณี “ศิลปะการต่อสู้สำหรับเด็กอย่างลูกน่ะเหรอสามารถป้องกันตัวเองได้ แม่ว่ามันจะเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มให้คนอื่นมากกว่านะ”
เฉินหยางจับคอเสื้อของเขาและพูดว่า “แม่อย่าดูถูกผม ผมยิงปืนเป็น!”
จวงหว่านกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ ซูเถาก็หยิบปืนพกออกมายัดใส่มือของเฉินหยาง
“เอาเลย นายเห็นไฟถนนที่อยู่ห่างออกไป 80 เมตรไหม ยิงมัน แล้วพี่จะพิจารณาอีกทีว่าครั้งหน้าถ้าพวกเขากลับมาจะให้พานายไปด้วย