ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 174 ตบเขา
ตอนที่ 174 ตบเขา
ตอนที่ 174 ตบเขา
ซูเถาไม่ได้ขยับอิฐเลยทั้งวัน เธอกำลังศึกษาการเปลี่ยนแปลงในตัวเธอเอง
มันไม่รู้สึกเหมือนการปลุกพลังขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้ได้ฟังความน่าจะเป็นมาจากสือจื่อจิ้นเกี่ยวกับพวกเกณฑ์การปลุกพลัง มันจะรู้สึกว่าได้เกิดใหม่ ไม่เพียงแต่จะรู้ชื่อความสามารถและความสามารถเฉพาะของตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสมรรถภาพทางกายของตนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ
แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงยกเว้นว่าเธอสามารถมองเห็นฉากในอนาคตได้เป็นครั้งคราว
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงนี้ในตัวเธอคืออะไร?
ซูเถารู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอกำลังจะโทรหาสือจื่อจิ้นเพื่อขอคำปรึกษา แต่จู่ ๆ ชีอวิ๋นหลันก็โทรหาเธอ
“เถ้าแก่ ที่ภูเขาผานหลิวเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เมิ่งเชียนลูกสาวของมี๋อู้ฆ่าแขกสองคน หนึ่งในสองคนนี้เป็นสมาชิกของทีมขนส่งชื่อกวานซาน หัวหน้าทีมเรียกผู้จัดการมาเพื่อขอคำอธิบาย เขามีท่าทีหยิ่งผยองและทำร้ายผู้จัดการหม่า”
ซูเถารู้สึกหวาดกลัวและโกรธจัด ขณะที่เธอรีบวิ่งไปที่ภูเขาผานหลิวก็ถามต่อไปว่า
“ภูเขาผานหลิวมันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ทำไมต้าเพ่าถึงถูกทำร้าย เขาถูกทำร้ายที่ไหน คนที่ทำเป็นคนยังไง”
“ผู้จัดการหม่าถูกหัวหน้าของพวกเขาเรียกให้ไปคุย แต่การสนทนาดูเหมือนจะล้มเหลว เขาจึงถูกทำร้าย แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
จู่ ๆ ซูเถาก็โกรธจัด
มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!
ก่อนที่ผู้เข้าพักจะเช็คอิน พวกเขาจะได้รับการแจ้งแล้วว่าไม่อนุญาตให้กระทำการรุนแรง เช่น การทะเลาะวิวาทกันบนภูเขา
เมื่อมีจะถูกส่งออกจากภูเขาผานหลิว และครั้งที่สองจะถูกขึ้นบัญชีดำ
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าของกวานซานรู้เรื่องนี้และจงใจเรียกหม่าต้าเพ่าออกไปข้างนอกเพื่อเอาชนะเขา
กล้าดียังไงมาทำร้ายคนของเธอในดินแดนของเธอ!
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เธอจะต้องปกป้องลูกน้องคนนี้
เมื่อมาถึงภูเขาผานหลิว ก็เห็นผู้คนพลุกพล่านวุ่นวายลงมาจากภูเขา
เมิ่งเสี่ยวป๋ออยู่ข้างโรงรถ กำลังเผชิญหน้ากับชายหัวโล้นที่มีแผลเป็นด้วยใบหน้าเย็นชา
หม่าต้าเพ่าปิดหน้าครึ่งหนึ่งและยืนพูดอยู่ เมื่อเขาเห็นซูเถากำลังมา เขาจึงรีบเดินไป
“เถ้าแก่ซู”
ซูเถาขอให้เขาเอามือออกไป
หม่าต้าเพ่าเปิดเผยแก้มขวาที่ช้ำครึ่งหนึ่งและดวงตาที่เปื้อนเลือดอย่างเขินอาย “ผม ผมไม่เป็นไร…”
ซูเถาถาม “ใครคือหัวหน้าของกวานซาน”
หม่าต้าเพ่ารู้สึกว่าความกดอากาศในร่างกายของเขาค่อย ๆ ลดลง ดังนั้นเขาจึงพูดตะกุกตะกัก
“ก็…คนที่เสี่ยวป๋อกำลังคุยด้วยอยู่ เถ้าแก่คุณไม่ต้อง…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซูเถาก็วิ่งเข้าไปพร้อมกับปืนในมือ
เมื่อเมิ่งเสี่ยวป๋อเห็นเธอ ใบหน้าที่เย็นชาของเขาก็สดใสขึ้นทันที
“เถ้าแก่ซู ผมขอโทษจริง ๆ ที่สร้างปัญหาให้คุณตั้งแต่หัววัน”
ซูเถากล่าวว่า “ตบเขา”
เมิ่งเสี่ยวป๋อตกตะลึง
จากนั้นเขาก็ตบกวานฮั่นอย่างแรงต่อหน้าเธอ
ทุกคนอยู่ในความโกลาหล
การตบของเมิ่งเสี่ยวป๋อนั้นทรงพลังมาก แม้แต่กวานฮั่นเป็นผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติยังต้องถอยห่างออกไป ใบหน้าของเขาร้อนผาว และหูขวาของเขาชาวาบ
ผ่านเวลาไปสักพัก เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าผู้ที่ออกคำสั่งเป็นหญิงสาววัยรุ่น เธอก้าวร้าวจริง ๆ
เขาจ้องมองด้วยความโกรธ “คุณเป็นใคร ผมจะฆ่าคุณ”
ขณะที่เขาพูดนั้น เขาก็เหวี่ยงกำปั้นขนาดเท่าถุงทรายไปทางซูเถาเต็มกำลัง พยายามที่จะทุบหัวและฆ่าเธอ
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ปากกระบอกปืนสีเข้มของซูเถาก็เล็งมาที่เขา ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบโต้ กระสุนก็พุ่งออกไปยังใบหน้าของกวานฮั่น
กวานฮั่นตกตะลึงเพราะเขาประเมินศัตรูต่ำไป เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะยิงปืนออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
กระสุนเจาะตรงหว่างคิ้วของเขา
ก่อนที่เขาจะกรีดร้อง เขาล้มลงจมกองเลือด
เมื่อเห็นคนตาย ฝูงชนก็ถอยออกไปพร้อมกับเสียงเอะอะ
ลูกน้องในทีมเมื่อเห็นการตายของหัวหน้า ก็รีบไปแก้แค้นทีละคน แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เคลื่อนไหว พวกเขาทั้งหมดก็หายไปจากตรงนั้น เหลือเพียงศพและกองเลือดขนาดใหญ่เพื่อพิสูจน์ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
ทุกคนตกตะลึง เมื่อตระหนักเป็นครั้งแรกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของภูเขาผานหลิว
ยกเว้นผู้จัดการ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่รุนแรง ใครที่ละเมิดกฎก็ต้องเชิญออกไป
ไม่ใช่ว่าภูเขาผานหลิวนั้นรุนแรงต่อพวกเขา และพวกเขาไม่มีพลังที่จะต่อสู้กลับ?
นี่มันน่ากลัวจริง ๆ
คนบางคนมีใจเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าทันที
คนที่ไม่มีความคิดแบบนั้นก็อิจฉา
ซูเถาเก็บปืนกลับเข้าไปในซองหนังแล้วพูดเสียงดัง
“ภูเขาผานหลิวยินดีต้อนรับทุกคนที่จะนั่งลงและพูดคุยเรื่องต่าง ๆ แต่ถ้ามีใครแตะต้องฉัน ปืนของฉันจะไม่สุภาพอย่างแน่นอน!”
ซ่งเยว่ปิน หัวหน้าทีม ‘เยว่หลิ่ง’ นั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีเพื่อนร่วมทีมเข็นเขาออกมาข้างหน้า
“ใช่! พวกคุณหลายคนที่นี่น่าจะรู้จักผมเหล่าซ่ง ทุกคนรู้ว่าผมเป็นใคร เถ้าแก่ซูเป็นเพื่อนใหม่ของผม ไว้ใจเธอได้ เธอจะไม่เชิญใครออกไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าหรือใช้ความรุนแรงจัดการกับทุกคน”
ซ่งเยว่ปินเป็นเหมือนผู้นำของกลุ่มกองคาราวานพ่อค้า ทำให้ผู้ที่มีความกังวลโล่งใจ
แขกบางคนยังโจมตีพวกของกวานซาน
“ครั้งนี้พวกของกวานซานทั้งสองสมควรโดนแล้ว เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ที่ประตูมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น หลังจากสองสามวันมานี้เธอถูกก่อกวนและลวนลาม เธอก็กล้าหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาอาศัยความมืดเข้าไปในเต๊นท์ของเธอเพื่อทำมิดีมิร้าย เธอจึงใช้มีดปาดคอพวกเขา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเถาหันไปมองหม่าต้าเพ่าและชีอวิ๋นหลัน
หม่าต้าเพ่าเล่าถึงเหตุและผล
“ถูกต้อง ทั้งสองเสียชีวิตทันที จากนั้นกวานฮั่นก็จับเมิ่งเชียนมัดและยัดเธอไว้ในรถของพวกเขาเพื่อทรมานเธอ แต่เขารู้สึกเสียใจกับการตายของคนสองคนบนภูเขาผานหลิว เขาจึงเรียกผมให้ออกไปข้างนอกเพื่อถกหาปัญหา พวกเขาบอกว่าภูเขาผานหลิวจงใจให้เมิ่งเชียนอยู่ที่ประตูเพื่อหลอกล่อผู้ชาย
“ภูเขาผานหลิวต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่สำหรับการตายของพี่ชายสองคนของเขา และเราต้องสูญเสียเงินและจัดหาน้ำและเชื้อเพลิงฟรี… เถ้าแก่ เมื่อกี้ที่เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทผมขอโทษ ผมหุนหันพลันแล่นไป”
ซูเถา “คุณเป็นคนหุนหันพลันแล่น คุณควรจะพาเขาไปทะเลาะกันที่ภูเขาผานหลิว คุณจะได้ไม่ต้องได้รับบาดเจ็บโดยไม่มีเหตุผล”
หม่าต้าเพ่าลดศีรษะลง แต่หัวใจของเขาเคลื่อนไหว
สิ่งที่เถ้าแก่สนใจไม่ใช่ว่าเขาจะมีปัญหาหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่
ชีอวิ๋นหลันตบไหล่เขา “ให้เฉินซีดูแลคุณก่อน อดทนอีกสองวัน หมอจงจะมาทำงานวันที่ 10 ไว้รอเขามารักษา”
หม่าต้าเพ่ายิ้มให้เธอ แต่ความเจ็บปวดบนใบหน้าด้านขวาของเขาทำให้เขาส่งเสียง “โอ๊ย”
หลังจากนั้นซูเถาสั่งให้เหล่าฉีและพวกจัดการเผาศพ
ป้าคนทำความสะอาดก็มาเช็ดเลือดด้วยความกังวลใจ
ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ ภูเขาผานหลิวยังคงเต็มไปด้วยผู้คน และธุรกิจก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
ในยุควันสิ้นโลก มักจะมีคนตายอยู่บ่อยครั้ง นับประสาอะไรกับกองคาราวานของกวานซานและพวก ที่ถูกเกลียดชังมาโดยตลอด
ในขณะที่ชีอวิ๋นหลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอก็ชื่นชมวิธีการที่เด็ดขาดของเจ้านายของเธอ
คนเหล่านี้ไม่มีบรรทัดฐานทางศีลธรรม และการปราบปรามด้วยกำลังเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด
จากนั้นซูเถาก็ไปหาพวกซ่งเยว่ปิน เพื่อขอบคุณพวกเขาโดยเฉพาะ
ซ่งเยว่ปินพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่เป็นไร นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อีกอย่างการกระทำของเถ้าแก่ซูถือได้ว่าเป็นการขจัดอันตรายให้กับผู้คนอย่างกวานฮั่น เขาไม่ใช่คนดี เขาไม่ได้ทำธุรกิจจริงจัง เขามักจะปล้นกองคาราวานขนาดเล็ก เป็นผู้นำในการทำลายผู้หญิงหลายคนที่รอดชีวิต”
“ได้ยินมาว่าพ่อและปู่ของกวานฮั่นป็นฆาตกรมาสองชั่วอายุคนก่อนวันสิ้นโลก แต่พวกเขาตายไปแล้ว เหลือเพียงกระดูกเท่านั้น”
ซูเถาพยักหน้าและถามว่า “ช่วงนี้คุณรู้สึกดีขึ้นไหม”
ซ่งเยว่ปินยิ้มและพูดว่า
“ไม่ต้องพูดถึงเครื่องดื่มเลย มันมีประโยชน์จริง ๆ มันอร่อยมาก ผมหยุดดื่มไม่ได้แล้ว เถ้าแก่ซูให้ผมซื้อเพิ่มได้ไหม”
ซูเถาพูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมา “ได้ ไว้วันหลังฉันจะนำมาให้”
ทุกคนหัวเราะเสียงดังและบรรยากาศก็กลมกลืนกัน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ความกังวลในใจของแขกคนอื่น ๆ ก็หายไป
หลังจากคุยกันสักพัก ซ่งเยว่ปินก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า
“เถ้าแก่ซู เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นยังถูกขังไว้ในรถของพวกเขา และรถก็อยู่นอกประตู ถ้าพวกของกวานซานที่เหลือพบเธอ เธอจะถูกทรมานอย่างบ้าคลั่ง ถ้าคุณสะดวกควรพาเธอออกไป”