ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 178 คิดเพ้อเจ้อลม ๆ แล้ง ๆ
ตอนที่ 178 คิดเพ้อเจ้อลม ๆ แล้ง ๆ
ตอนที่ 178 คิดเพ้อเจ้อลม ๆ แล้ง ๆ
ซูเถาพูดทันทีว่า “เจียงอวี่มานี่สิ”
เจียงอวี่หันกลับไปด้านข้างของเธอและหายไปในเงา
ซูเถาพูดกับจี้ป๋อต๋าอย่างใจเย็น “ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ เรื่องไร้สาระ เชิญเข้ามาข้างในเถอะค่ะ”
ใบหน้าของซูเจิ้งหลันเปลี่ยนไปอย่างมาก พลางตะโกนถาม
“น้องสาว เธอจะไม่สนพี่รองคนนี้จริง ๆ เหรอ? เธอก็เห็นว่าพี่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พี่มาหาเธอเพียงเพื่อหาทางรอด เธอจะใจร้ายขนาดนั้นจริง ๆ ใช่ไหม?
ซูเถาพยายามอดทนให้ได้ วันนี้มีแขกเธอไม่ควรมีอารมณ์
จี้ป๋อต๋าก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นซูเจิ้งหลัน เขาเดินเข้าไปก่อนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ต้องรบกวนเถ้าแก่ซูให้ออกมารับ ขอโทษที่เราเสียมารยาท”
“ไม่หรอกค่ะ มีแขกมาจากแดนไกล ฉันต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเองอยู่แล้วค่ะ”
แต่เห็นได้ชัดว่าซูเจิ้งหลันไม่หยุดเพียงแค่นั้น และตะโกนเสียงดังขึ้น
“ซูเถา พี่บากหน้ามาขอเธออยู่อาศัย พี่ตัดขาดกับที่บ้านแล้ว พวกเขาต่อว่าเธออย่างใจร้าย และพี่ก็ปกป้องเธอเสมอ พี่คิดว่าอย่างน้อยเธอน่าจะช่วยพี่เมื่อพี่มาหาเธอ แต่พี่คิดไม่ถึงเลยว่าเราจะกลายเป็นคนไม่รู้จักกันไปได้!”
ซูเจิ้งหลันรู้สึกโกรธมาก สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เขาต้องทนทุกข์ทรมาณ เขาทั้งแค้นทั้งโกรธ
“สิ่งที่พ่อแม่ของพูดคงป็นความจริง เธอไม่มีมโนธรรมและเห็นแก่ตัว!”
เจียงอวี่ปรากฏตัวทันทีและถามว่า “ผมจัดการเขาได้ไหม”
ซูเถายังคงนิ่งเฉย เธอยิ้มให้จี้ป๋อต๋าและพวก แล้วพูดว่า “ทุกคนรอฉันสักครู่นะคะ”
หลังจากหันศีรษะไป รอยยิ้มก็หายไปในทันที และเขาก็พาเจียงอวี่เดินไปด้านหน้าของซู่เจิ้งหลันซึ่งนอนอยู่บนพื้น
เธอนั่งยอง ๆ ต่อหน้าเขาแล้วถามว่า
“ฉันขอถามคุณหน่อยตอนที่ฉันถูกเจียงจิ่นเวยและซูเจิ้งชิงรังแกที่บ้าน คุณช่วยเหลือฉันบ้างหรือเปล่า คุณพูดปกป้องฉันสักคำไหม ปกป้องฉันจากการถูกทุบตีสักครั้งไหม แล้วตอนนี้คุณมาขอให้ฉันช่วยคุณ เอาตรรกะแบบนี้มาจากไหน?”
ซูเจิ้งหลันกำมือแน่น
“ตอนนั้นเธอไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ตอนนี้ฉันจะอยู่ไม่ได้แล้ว แม้ว่าฉันจะเคยทำผิดพลาดมาก่อน แต่เพื่อความสัมพันธ์ทางสายเลือด ก็ไม่มากเกินไปที่เธอจะช่วยฉันใช่ไหม”
ซูเถาหัวเราะเบา ๆ “ความสัมพันธ์ทางสายเลือด? คุณรู้นี่ว่าคุณเกี่ยวข้องกับฉันทางสายเลือด? ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงมองฉันอย่างเฉยเมยเมื่อฉันถูกผลักออกไปให้เข้าร่วมกองทัพแทนที่จะเป็นเจียงจิ่นเวยที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคุณ?”
ซูเจิ้งหลันพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เนื่องจากการปรับโครงสร้างครอบครัว พ่อรู้สึกว่าเขาและพี่ชายคนโตสูญเสียแม่ไป และเนื่องจากทั้งคู่เป็นลูกชาย ความคิดของพวกเขาจึงอยู่ที่ลูกชายทั้งสองคน
สำหรับแม่เลี้ยง เจียงจิ่นเวยเป็นลูกคนแรกของเธอ และเธอมีค่ามาก ต่อมาเธอรู้สึกว่าลูกสาวคนโตของเธอไม่ใช่คนดี และสามีของเธอก็ไม่ดี ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเป็นทุกข์มาก ก็เลยเกิดความลำเอียง
ในทางกลับกัน ซูเถามีทั้งพ่อและแม่ กลับต้องใช้ชีวิตเหมือนเด็กกำพร้า ทั้งคู่คิดว่าอีกฝ่ายจะดูแลเธอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งคู่ต่างก็ขาดความยุติธรรม
และเกิดวงจรอุบาทว์ ยิ่งพ่อสนใจพี่ชายสองคนมากเท่าไหร่ แม่เลี้ยงก็จะยิ่งปฏิบัติต่อเจียงจิ่นเวยดีมากขึ้นเท่านั้นด้วย ราวกับแข่งขันกัน
ซูเถายืนขึ้นและพูดอย่างเฉยเมย
“อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น ถ้าไปไม่รอดก็เรื่องของคุณ ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับครอบครัวคุณ”
ซูเจิ้งหลันไม่อยากจะเชื่อ
“เธอวางแผนที่จะขีดเส้นกับเราอย่างชัดเจนจริง ๆ เธอแน่ใจได้ยังไงว่าผู้ชายที่เธอกำลังคบหาจะปกป้องเธอไปตลอดชีวิต ทางเลือกที่ดีที่สุดของเธอตอนนี้คือช่วยฉัน คุยกับเจ้านายของเธอ และช่วยหางานให้ฉันทำ ถ้าในอนาคตฉันได้ดี แล้วเกิดเธอถูกผู้ชายทอดทิ้งขึ้นมา เธอจะได้มีที่ไป”
ทุกคนอึ้ง ไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร
ซูเถาถึงกับหัวเราะด้วยความโกรธ
“ฉันกลายเป็นคนแบบนั้นในสายตาคุณเหรอ ฉันคิดผิดจริง ๆ ฉันไม่ควรมาฟังเรื่องไร้สาระของคุณ เจียงอวี่กันเขาไว้ห่าง ๆ และอย่าทำให้อากาศในพื้นที่ของฉันสกปรก”
เมื่อเจียงอวี่ได้ยินคำสั่ง เขาก็ผ่านไปทันที หยิบคว้าเท้าของซูเจิ้งหลันพร้อมลากออกไปอย่างรวดเร็วแล้วโยนลงในกองขยะขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง
ซูเถายิ้มอีกครั้ง
“เชิญทุกคนไปที่อาคารเถาหลี่ของเราก่อน”
ในตอนแรกพวกเขาเต็มไปด้วยความติฉินนินทา แต่ทันทีที่พวกเขาเข้ามา พวกเขาเห็นอาคารที่อยู่อาศัยที่เป็นระเบียบและถนนที่กว้างขวางและสะอาด และความสนใจของพวกเขาก็ถูกเบี่ยงเบนไปทันที
เวลาบ่ายสองโมงเป็นช่วงเวลาที่มีเด็ก ๆ จำนวนมากกำลังเล่นรอบน้ำพุใจกลางอาคารที่พักอาศัย
ระหว่างอาคารมีโต๊ะและเก้าอี้ และแม้แต่คนชรากำลังเล่นหมากรุกและพูดคุยกันใต้ร่มเงา สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเงียบสงบ
จี้ป๋อต๋ามีภาพความทรงจำของการอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ราวกับว่าเขาได้กลับไปยังชุมชนก่อนวันสิ้นโลก
จี้ไฉเจ๋อซึ่งแต่เดิมขาดความสนใจ ก็ต้องจ้องมองไปรอบ ๆ
คู่หมั้นของจี้ไฉเจ๋อ เหอเมิ่งขุยมองอย่างอิจฉาที่ชั้นหนึ่งของบ้านหลังหนึ่งมีหญิงชราที่ดูกระชุ่มกระชวยและร่าเริงยืนอยู่บนระเบียง ฮัมเพลงและกำลังตากผ้าปูที่นอน
มองเข้าไปในหน้าต่าง การตกแต่งบ้านมีความประณีตและสวยงามเป็นพิเศษ
มองเห็นได้จากระเบียงว่าหญิงชรากำลังหยิบเสื้อผ้าออกจากเครื่องซักผ้า
สิ่งที่สำคัญที่สุดดูเหมือนว่าจะมีมากกว่า 1 ครอบครัวใช้เครื่องซักผ้า หากมองผ่าน ๆ จะเห็นว่าหลายครอบครัวมีเครื่องซักผ้าอยู่บนระเบียง
กว่าเหอเมิ่งขุยจะตอบสนอง ก็ผ่านเวลาไปสักพักและตระหนักว่าสิ่งข้างต้นอาจเป็นเครื่องอบผ้า
เธอตกใจมาก
เมื่อพวกเขาไปถึงชั้นล่างของอาหารเถาหลี่ จวงหว่านก็ออกมายิ้มอย่างต้อนรับและยื่นน้ำแร่ให้กับทุกคน
เมื่อเข้ามาในอาคาร ก็รู้สึกถึงความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เห็นแผนกต้อนรับกว้างขวาง พื้นหินอ่อนสีขาว ประตูหมุนและลิฟต์ทางด้านซ้าย
เพื่อให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการตกแต่งดังกล่าว ต้องมีทรัพยากรทางการเงินและกำลังมหาศาลเพื่อรองรับในวันสิ้นโลก มิฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นไปไม่ได้เลย
ซูเถาพากลุ่มคนเหล่านี้ไปที่ห้องประชุมขนาดใหญ่บนชั้นสอง
เมื่อมองไปยังพื้นที่ทำงานที่ว่างเปล่าบนชั้นสอง จี้ป๋อต๋าถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“วันนี้วันหยุดเหรอ ทำไมไม่มีใครมาทำงานเลย”
ด้วยบรรยากาศการทำงานที่ดีแบบนี้ ถ้าเขามาในวันหยุดก็คงจะไม่สบายใจไปกว่าการอยู่บ้าน
ซูเถายิ้มและพูดว่า “เปล่าหรอกค่ะ ตอนนี้เถาหยางมีพนักงานไม่มากนัก มีเพียงเพื่อนร่วมงานที่คุณเห็นที่ชั้นหนึ่งเท่านั้น”
จี้ป๋อต๋าตกตะลึง “แล้วพื้นที่ทำงานที่ว่างเหล่านี้ถูกทิ้งไว้แบบนี้เหรอ”
ซูเถาพยักหน้า “ฉันต้องปล่อยไว้แบบนี้ก่อน”
จี้ป๋อต๋าเอามือทาบอก มันสิ้นเปลืองเกินไป ไม่มีใครนั่งแต่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้เนี่ยนะ
หลังจากเข้าไปในห้องประชุม จวงหว่านก็ได้เตรียมของว่างซึ่งเป็นบิสกิตและขนมอบที่พ่อครัวฉินทำไว้ล่วงหน้า เช่นเดียวกับลูกอม ไอศกรีม และเครื่องดื่มจากตู้จำหน่ายอัตโนมัติ
พ่อครัวฉินยังจัดโต๊ะเตรียมไว้ หลังจากจัดตกแต่งก็ดูดีเพิ่มขึ้นมาก คนที่ไม่รู้คิดว่าเป็นบุฟเฟ่ต์น้ำชายามบ่ายของโรงแรมห้าดาวก่อนวันสิ้นโลก
นอกเหนือจากรสชาติแล้ว จี้ป๋อต๋าและคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถละสายตาจากหน้าตาอาหารได้อยู่ดี
จี้ไฉเจ๋อชอบมาก เขากินดื่มอย่างมีความสุข ดังนั้นจู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าถ้าเขาไม่ฟังคำพูดของพ่อของเขาที่ให้มาที่นี่ เขาคงต้องพลาดสิ่งนี้ไปจริง ๆ
จู่ ๆ ความคิดที่ควบคุมไม่ได้ก็ผุดขึ้นในใจของเขา เขาไม่สนใจที่จะสืบทอดการสนับสนุนจากพ่อของเขา ที่ทำงานหนักเพื่อฐานเหอคังหรืออื่น ๆ มันจะดีกว่าที่จะอยู่ในสวรรค์แห่งนี้และใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต
แต่ว่าพ่อของเขาคงไม่อนุญาตให้เขาทำอย่างนั้น
จี้ไฉเจ๋อมองไปที่ซูเถาด้วยดวงตาที่ร้อนแรง
ถ้าเขาแต่งงานกับเถ้าแก่ของเถาหยาง พ่อของเขาจะต้องตกลงให้เขาอยู่ในเถาหยางอย่างแน่นอน และยังสามารถสนับสนุนฐานเหอคังได้อีกด้วย