ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 183 เหตุผลที่คุณหมอจงเริ่มงานล่าช้า
ตอนที่ 183 เหตุผลที่คุณหมอจงเริ่มงานล่าช้า
ตอนที่ 183 เหตุผลที่คุณหมอจงเริ่มงานล่าช้า
ด้วยความช่วยเหลือของเหลยสิง ซูเถารู้สึกมั่นใจมากขึ้น แต่เธอไม่สามารถลงมือคนเดียวได้ แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องให้เขาไปด้วย เพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงของกลุ่มเป้าถู ซูเถาจึงเพิ่มตารางการฝึกยิงประจำวันให้กับตัวเอง และเตรียมสนามซ้อมไว้ข้างโรงอาหารที่เพิ่งสร้างใหม่
ที่ดินที่ขยายใหม่ขนาด 900 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 400 ตารางเมตรเพื่อขยายโรงอาหารอีก 200 ตารางเมตรเพื่อขยายเรือนกระจก และอีก 200 ตารางเมตรที่เหลือถูกใช้เป็นสนามซ้อมยิงปืนของเธอ
และเพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้เช่า สนามยิงปืนทั้งหมดจึงเป็นพื้นที่ปิดเก็บเสียงได้ดี
นอกจากนี้ยังมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องน้ำและห้องสุขาแยกเป็นสัดส่วน ซึ่งสะดวกสำหรับการล้างตัวหลังการฝึก มีพื้นที่พักผ่อนทางขวามือ หลังจากเปิดประตูเข้ามา มีโซฟา โต๊ะกลาง และตู้เย็นขนาดเล็ก
ตู้เย็นขนาดเล็กเต็มไปด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ หลังจากฝึกมารอบหนึ่งเธอก็เปิดขวดน้ำอัดลมแล้วนอนลงบนโซฟาอย่างสบายใจ
นอกจากนี้ เธอยังไปขออุปกรณ์ฝึกอบรมมือสองมาจากเผยตงโดยเฉพาะเพื่อทำการฝึกซ้อม
ใช้งานได้ทุกอย่างแต่สกปรกไปหน่อย
เธอกำลังจะให้คุณป้าพนักงานความสะอาดมาทำความสะอาดเล็กน้อย แต่ถูกเฉินหยางค้นพบสนามฝึกลับแห่งนี้เสียก่อน ความอิจฉาริษยาในดวงตาของเด็กน้อยพลุ่งพล่านราวกับน้ำท่วม
“พี่เถาจื่อ! พี่สาวที่แสนดีของผม! ได้โปรดอนุญาตผมด้วย!”
เขากระวนกระวาย
จวงหว่านไม่เห็นด้วย “ไม่ ลูกเข้าไปก็เกะกะขวางทางเปล่า ๆ”
เฉินหยางกำลังจะหลั่งน้ำตา มองซูเถาเหมือนไป๋จือหม่าที่ไม่ได้กินมาสามวัน
ซูเถาหัวเราะ “ตกลง พี่จะให้บัตรเข้าออกกับเราในภายหลัง”
เฉินหยางตื่นเต้นมากตอนที่เขากอดซูเถา “พี่เถาจื่อ พี่ปฏิบัติต่อผมดีกว่าแม่อีก”
สิ่งที่ตอบกลับมาคือฝ่ามืออรหันต์ของจวงหว่าน
“ไปเรียน!”
เฉินหยางได้รับคำมั่นสัญญาเขาจึงไม่ต่อต้านการเรียนอีกต่อไป และไปที่ชั้นเรียนเล็ก ๆ ของอาจารย์เซิ่งอย่างมีความสุข
จวงหว่านมองไปที่ด้านหลังของเขาและพูดว่า “มีลูกชายเหมือนมีเวรมีกรรม”
ซูเถายิ้มและพูดว่า “ดีนะคะ ดีที่แกชอบเรื่องการยิงปีน อย่างน้อยเขาก็สามารถช่วยชีวิตคุณได้ ดีกว่าหมกมุ่นกับกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ ในวันสิ้นโลก”
จวงหว่านรู้สึกสบายใจ แต่เธอก็ยังค่อนข้างเกรงใจ
“ถ้าเขาก่อความวุ่นวายให้คุณ ไล่เขาออกจากสนามยิงปืนได้เลย”
ซูเถาพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอกค่ะ ว่าแต่นี่ก็วันที่สิบแล้ว ทำไมหมอจงยังไม่มาหรอคะ หัวหน้าซ่งยังรออยู่ ส่วนเชียนเชียนขาหักและยังไม่ได้รับการรักษา”
จวงหว่านถอนหายใจและพูดว่า “ฉันจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี เขาอาจจะมาในวันที่ 15 หรือ 16”
“เขาได้บอกเหตุผลไหมคะ?”
จวงหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“ดูเหมือนว่าเป็นเพราะกู้หมิงฉือไปใช้ที่ดินด้านนอกเพื่อรองรับกลุ่มคนที่ถูกพรากมาจากสถานีเก่า ดูเหมือนว่าที่ดินนั้นจะมีเจ้าของก็เลยมีความโกลาหลเกิดขึ้น มีผู้เสียชีวิต หมอจงเลยยังมาไม่ได้”
ซูเถาขมวดคิ้ว “กู้หมิงฉือกำลังทำอะไรอยู่ นี่มันคือการยึดครองนี่คะ”
จวงหว่านก็พูดไม่ออกเช่นกัน
“ก็ยึดครองแหละ ฉันได้ยินจากคุณหมอจงว่าที่ดินไม่ใหญ่และไม่มีผู้อยู่อาศัยถาวร ดังนั้นกู้หมิงฉือจึงคิดจะรุกล้ำเข้าไป แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อวานเจ้าของที่ดินกลับมา ทั้งสองฝ่ายจึงเกิดการต่อสู้กัน”
ซูเถา “…คนแซ่กู้แย่จริง ๆ ช่างมันเถอะค่ะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา อย่าลืมคุยกับหัวหน้าซ่งและคนอื่น ๆ ให้พวกเขาอดทนรออีกสองสามวัน ส่วนเชียนเชียน พยายามให้เธอทำงานที่บ้าน อย่าให้ย้ายไปไหน”
จวงหว่านตอบและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า
“ฉันจะคุยเรื่องห้องใหม่ของเธอ เธอเป็นคนขี้เกรงใจ เธอคงไม่กล้าพูดกับคุณ”
ซูเถา “ได้ค่ะ เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะจัดการให้”
เธอใจจดใจจ่อในการเคลื่อนย้ายก้อนอิฐในชั่วข้ามคืน
วันรุ่งขึ้นซูเถาไปที่ห้องของเธอเพื่อพบเมิ่งเชียนด้วยตัวเอง
ตอนนี้พ่อและลูกสาวอาศัยอยู่ในอาคารหมายเลข 4 ซึ่งเป็นห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน
เมื่อทั้งสองถูกพาตัวมาลงทะเบียนเข้าพัก พ่อและลูกสาวแทบไม่เชื่อสายตา
หลังจากพูดคุยกันสักพัก ซูเถาก็ให้ข้อมูลห้องพักที่ว่างแก่เมิ่งเชียน
เมิ่งชียนมองดูและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “มากขนาดนี้เลยเหรอ”
นับได้สามสิบห้อง
เธอเคยอ่านบันทึกของจวงหว่านก่อนหน้านี้ เถ้าแก่เป็นคนมัธยัสถ์ เธอมักจะก่อสร้างทีละนิดละหน่อย ครั้งละไม่กี่ห้อง หรือสิบกว่าห้อง
ซูเถาผู้อดหลับอดนอนทั้งคืน เธอหาวพร้อมกับพูดว่า
“นี่เป็นของทั้งเดือนสิงหาค่ะ ดันนั้นครึ่งเดือนหลังไม่ต้องให้จวงหว่านมากดดันฉันแล้วนะ”
เมิ่งเชียนหัวเราะ “ได้เลย เถ้าแก่”
หลังจากซูเถาจากไป เมิ่งเชียนก็เริ่มตรวจสอบใบสมัครเข้าพักในกล่องจดหมายโดยไม่รอช้า
หลังจากเลือกแบบฟอร์มใบสมัครที่เหมาะสมและเตรียมพร้อมสำหรับการคัดกรองครั้งที่สอง หลินฟางจือและเมิ่งเสี่ยวป๋อก็มาหาเธอพร้อมกัน
เมิ่งเชียนมองไปที่คนสองคนข้างหน้าเธอด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
หลินฟางจือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังพูดถึงอะไร “ผมต้องการแนะนำใครบางคน”
เมิ่งเสี่ยวป๋อไม่รู้ว่าเท้าของเขามาที่นี่ได้อย่างไร มือเท้าของเขาไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นเขาจึงแสดงแบบฟอร์มใบสมัครของเหลียนซาให้เมิ่งเชียน
“ผมอยากแนะนำคนนี้”
เมิ่งเชียนตอบ “โอ้ แนะนำถึงสองคน”
“เป็นคนในแนะนำ เดี๋ยวฉันดูก่อนนะ เหลียนม่านเหรอ เธอสวยจัง เธอเป็นใครกัน”
ทำไมดูคุ้น ๆ
ทั้งสองดูงุนงง แต่พวกเขาก็ยังพูดพร้อมกันว่า “เพื่อน”
เมิ่งเชียนพยักหน้า “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ”
หลังจากที่ทั้งสองจากไป เมิ่งเชียนก็หยิบใบสมัครขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ประวัติค่อนข้างดี ทำงานในฝ่ายพลาธิการของตงหยาง ยังโสด เคยเรียนหนังสือ ถือว่ามีประสบการณ์ด้านการศึกษา
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน เนื่องจากความรับผิดชอบในการทำงาน เธอวางแผนที่จะขอให้พ่อของเธอไปที่ฝ่ายพลาธิการเพื่อสอบถามเรื่องของเหลียม่าน
เมื่อเมิ่งจวินเจี๋ยกลับมาจากเลิกงานและได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เห็นด้วยทันที
“ตกลง พรุ่งนี้พ่อจะช่วยสืบเรื่องนี้ให้หลังเลิกงาน พ่อขอดูข้อมูลก่อน”
เมิ่งเชียนยื่นมันให้เขา
เมื่อเมิ่งจวินเจี๋ยเห็นบุคคลในภาพ รูม่านตาของเขาหดตัว
“เหลียนซา?”
เมิ่งเชียนยังไม่ตอบสนอง “มีอะไรเหรอพ่อ”
เมิ่งจวินเจี๋ยถ่มน้ำลาย
“ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงของถานหย่ง พ่อคิดว่าเธอน่าจะอยากแฝงตัวเข้ามาในเถาหย่ง! ลูกไม่เคยเห็นเธอมาก่อน ลูกเลยไม่รู้ว่าเธอมีพลังมากแค่ไหน เธอหลอกลวงผู้คนได้ดีมาก”
เมื่อพูดเช่นนั้น เมิ่งเชียนก็นึกถึงเรื่องนี้และรู้สึกประหลาดใจมาก
“เธอเองเหรอ ไม่สิ ฟางจือกับเสี่ยวป๋อรู้จักเธอได้ยังไง แล้วพวกเขายังแนะนำเธอให้เข้าพักที่นี่อีกด้วย”
เมิ่งจวินเจี๋ยตบต้นขาของเขา
“เธอต้องใช้พลังแน่ ๆ อย่าเพิ่งทำให้ไก่ตื่น พ่อจะไปหาเถ้าแก่ซูเดี๋ยวนี้”
ในตอนดึก เมื่อซูเถาเปิดประตูเธอก็พบกับมี๋อู้ที่มีท่าทีร้อนใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“เถ้าแก่ซู สะดวกไหม ผมขอคุยกับคุณตามลำพัง”
เมื่อเห็นว่าเขาจริงจังมาก ซูเถาพยักหน้าและพาเขาไปที่ห้องประชุมเล็กในอาคารเถาหลี่
มี๋อู้ยื่นใบสมัครให้ซูเถาแล้วพูดว่า
“เชียนเชียนเอาใบสมัครมาให้ผม เธอขอให้ผมไปที่ฝ่ายพลาธิการในวันพรุ่งนี้เพื่อดูว่าคนชื่อเหลียนม่านคนนี้เป็นยังไง ผมดูแล้วเธอคือเหลียนซาผู้หญิงของถานหย่ง เธอใช้ชื่อปลอมเพื่อที่จะได้เข้ามาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอคิดจะเข้ามาทำอะไร ผมก็เลยรีบมาบอกคุณก่อน”
ซูเถาเบิกตากว้าง “มี๋อินเหรอ?”
“ใช่ คือเธอ”
“เธอเป็นผู้สมัครจากข้างนอก หรือว่าเป็นคนภายในแนะนำคะ?” ซูเถาขมวดคิ้ว