ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 195 เถ้าแก่ซูชอบคนแบบไหน
ตอนที่ 195 เถ้าแก่ซูชอบคนแบบไหน
ตอนที่ 195 เถ้าแก่ซูชอบคนแบบไหน
ที่ดินผืนนั้นเป็นของเป้าถู
โชคดีที่เขาเป็นหมอทำงานอยู่เบื้องหลัง เหลยสิงและพวกจึงไม่เคยเห็นเขามาก่อน และก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของกู้หมิงฉือ
จงเกาอี้แสร้งทำเป็นไม่สนใจและปล่อยให้กลุ่มเป้าถูที่บาดเจ็บหลายคนนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้
“หมอจง คุณตรวจให้พวกเราผ่าน ๆ ก็ได้แล้ว เพราะสิ่งสำคัญคือเราต้องอธิบายให้เถ้าแก่ซูฟัง” เหลยสิงโบกมือ
เพื่อนร่วมทีมพูดหยอกล้อกัน และบอกให้พวกพ้องนอนลงทีละคน
ขณะที่ทำการตรวจ จงเกาอี้ถามอย่างไม่เป็นทางการ เหมือนพูดไปพล่อย ๆ
“ดูเหมือนกัปตันเหลยจะสนใจเถ้าแก่ซู?”
ก่อนที่เหลยสิงจะพูดอะไร เพื่อนร่วมทีมของเขาก็รีบพูดแทรกขึ้นมา
“ใช่แล้ว ครั้งนี้เรากลับมาช้าเพราะเหล่าต้าสั่งให้ลัดไปเจอเถ้าแก่ซูก่อน ฮ่าฮ่าฮ่า แต่เราโชคไม่ดีเจอซอมบี้กลุ่มใหญ่เลยทำให้การเดินทางช้าลงแทน”
“และเมื่อเหล่าต้าของเราได้รับโทรศัพท์จากเถ้าแก่ซู เขาก็มีความสุขมาก ฮ่าฮ่าฮ่า”
จงเกาอี้รู้สึกเสียใจแทนใครบางคนเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น อย่างไรก็ตามเหลยสิงมักได้รับโทรศัพท์จากเถ้าแก่ซู แต่บอสกู้กลับไม่เคยได้รับสายจากเถ้าแก่ซูเลย เป็นเขาที่เป็นคนโทรหาเถ้าแก่ซูก่อนตลอด
ยิ่งการยึดครองที่ดินในครั้งนี้ เหลยสิงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เถ้าแก่ซูกระวนกระวายมากรีบให้พวกเขาได้รับการตรวจก่อน เธอถึงจะเบาใจ
บอสกู้สูญเสียไหล่ไปครึ่งหนึ่ง ก่อนที่เขาจะได้รับการรักษา เนื้อเปิดเหวอะหวะ กระดูกโผล่ออกมาข้างนอก ซึ่งน่ากลัวมาก ต้องใช้พละกำลังอย่างมากในการห้ามเลือด และแม้ว่าเขาจะสร้างแขนขาขึ้นมาใหม่ได้ แต่ก็ต้องนอนอยู่บนเตียงต่อ เพื่อหล่อเลี้ยงเลือดของเขาเป็นเวลาครึ่งเดือน
จงเกาอี้ขมวดคิ้วกับเรื่องนี้
แม้ว่าร่างกายเขาจะเหมือนเป็นอัมพาต แต่เขาก็ไม่ต้องการได้รับการดูแลจากผู้อื่น และเขาจะไม่แสดงความเปราะบางต่อหน้าผู้อื่นแม้แต่น้อย คาดกันว่าในขณะนี้ทุกคนรอบตัวอาจถูกเขาขับไล่ไปหมดแล้ว
จงเกาอี้ส่ายหัว เขาระงับอารมณ์ และค่อย ๆ ทำการตรวจ
“คนที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงให้อยู่ก่อน ส่วนคนอื่นออกไปได้”
“ในที่สุดเหล่าต้าก็หายเป็นปกติ” เพื่อนร่วมทีมทุกคนยิ้มและพูดกับเหลยสิง
“เหล่าต้าจะลงมือเมื่อไหร่ เถ้าแก่ซูยังเด็กมาก เธอเป็นคนดีและมีเงินมากมาย มีคนมากมายที่อยากได้ตัวเธอ ถ้าคุณไม่ลงมือสักที ผมจะไปเอง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมด้วย ผมด้วย”
เหลยสิงเตะพวกเขาทีละคน “พวกนายอย่าวุ่นวาย และหยุดความคิดของพวกนายซะ”
เพื่อนร่วมทีมยิ้มและหันกลับไปเพื่อหลีกเลี่ยง “เพราะว่ามีเหล่าต้าอยู่ พวกเราจะเข้าไปในสายตาของเถ้าแก่ซูได้ยังไง”
เมื่อจงเกาอี้ได้ยินสิ่งนี้ เขามองไปที่เหลยสิงอย่างสำรวจ และเปรียบเทียบกับใครบางคนในใจของเขา
เหลยสิงสังเกตเห็นการจ้องจับผิดของเขา และถามอย่างตรงไปตรงมา
“หมอจงคิดอย่างไรกับอาการของผม?
จงเกาอี้ได้ยินคำพูดนั้น เขาก็เปรียบเทียบกับกู้หมิงฉือทันทีโดยสัญชาติญาณ
จู่ ๆ เหลยสิงก็ไม่พอใจ “หมอจงมีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ”
จงเกาอี้พูดทันที “กัปตันเหลย ไม่สำคัญว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือเถ้าแก่ซูชอบหรือไม่”
เหลยสิงแสดงท่าทีครุ่นคิด จากนั้นพูดว่า “คุณพูดถูก ผมจะถามเถ้าแกซูในภายหลัง”
จงเกาอี้ขมวดคิ้วอย่างดุเดือด ตรงไปตรงมาดี!
เหลยสิงไปหาซูเถาเพื่อถามจริง ๆ
ซูเถากำลังคุยกับฟางจือเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการไปที่สถานีเก่าในเช้าวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อเขาเห็นเหลยสิงที่ประตู เธอก็คิดว่าอีกฝ่ายจะมาสั่งงานก่อนการเริ่มสงคราม
เธอฟังอย่างจริงจังและไม่คาดคิดว่าเหลยสิงจะถาม
“เถ้าแก่ซูชอบคนแบบไหน”
ซูเถาตกตะลึง จิตใจของเธอหยุดนิ่ง และไม่ตอบสนองชั่วขณะ
เหลยสิงถาม “ชอบผู้ที่แข็งแกร่ง มีความภักดี หรือหล่อเหลา?”
เขาต้องการจะยกตัวอย่างอีกสักสองสามตัวอย่าง แต่เขาใช้สมองอย่างหนักและไม่สามารถระบุข้อดีของตัวเองได้
ซูเถาสงสัยว่า “คุณดื่มมากเกินไปหรือเปล่า ทำไมจู่ ๆ ถึงถามแบบนี้? ฉันชอบคนมากมาย ฟางจือ เจียงอวี่ หวานหว่าน หรงหรงและเจิ้งซิง ตราบใดที่พวกเขายังเป็นเพื่อนของฉัน ฉันก็ชอบทุกคน ถ้าให้เจาะจงฉันบอกไม่ได้จริง ๆ”
หลินฟางจือได้ยินชื่อของเขาเป็นชื่อแรก เขาก็มีความสุข พลางแกะห่อปลาแห้งและยื่นให้เฮยจือหม่า
“ทำไมไม่ได้ยินคุณพูดชื่อของผม”
“ต้องพูดชื่อคุณด้วยเหรอ” ซูเถาตกใจและรีบแก้ไข
“พูดอีกครั้ง”
“โอเค โอเค เหลยสิง ฟางจือ เจียงอวี่ หวานหว่าน หรงหรง เจิ้งซิง รวมทั้งผู้อาวุโสเหม่ย คุณย่าเฉิน… ฉันชอบพวกเขาทั้งหมด”
เหลยสิงไม่พอใจ นี่มันมีคนมากเกินไป
หลินฟางจือเปลี่ยนจากความพึงพอใจเป็นความไม่พอใจ
ซูเถาหมดความอดทน “คุณนี่ตามใจยากจริง ๆ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วก็ไปเถอะ ฉันยังต้องเก็บของและเตรียมการบางอย่าง”
เดิมทีเหลยสิงมีคำถามอีก ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
“งั้นก็เข้านอนเร็ว ๆ อย่าลืมไปรวมกันที่ประตูตอนสิบโมง ไม่ต้องเอาของมาเยอะ อย่างมากก็น่าจะหลับภายในสองวัน”
……
หกโมงเช้าวันรุ่งขึ้น ซูเถาขอให้เหลียงเช่อมัดเหลียนซาและนำตัวเธอออกมา
“มันลำบากมาก ให้สยงไท่มัดเธอไว้ ความสามารถของเขาคือ ‘กรง’ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจับคน และเขาน่าจะทำได้ดี” แต่ชีอวิ๋นหลันกล่าวว่า
แน่นอนว่าสยงไท่กลัวมากจนใบหน้าของเขาซีดเซียวเมื่อเขาได้รับมอบหมายงาน แต่จำต้องกัดฟันและขังเหลียนซาไว้เหมือนดักแด้ อีกฝ่ายไม่สามารถแม้แต่จะอ้าปาก นับประสาอะไรกับการร้องเพลงไพเราะ
ซูเถายิ้มและพูดว่า
“คุณต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ถ้าคุณปล่อยให้เธอหนีไปได้ ด้วยนิสัยอาฆาตแค้นของเธอ เธอจะกลับมาหาคุณแน่นอน คุณคงไม่อยากสัมผัสกับความรู้สึกว่าถูกควบคุมโดยคนอื่น”
สยงไท่พยักหน้าเหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าว ระหว่างทางจากภูเขาผานหลิวไปยังชานเมืองของสถานีเก่า เขาไม่กล้ากะพริบตาเลย ประสาทของเขาตึงเครียดตลอดเวลา
เหลยสิงดูถูกความขี้ขลาดของเขา “คุณเป็นผู้ชายนะ จะกลัวผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เหรอ!”
สยงไท่กลืนน้ำลายและตอบกลับด้วยเสียงต่ำ “ผู้ชายกลัวไม่เป็นหรือไง ตรรกะแปลก ๆ…”
เหลยสิงต่อยเขาที่หัว “ไม่สมกับความเป็นชาย”
สยงไท่กุมศีรษะไม่กล้าต่อสู้
ซูเถามองไปที่เหลียนซาที่ถูกคุมขังอยู่ที่เบาะหลัง และโยนเครื่องสื่อสารให้เธอ
“อย่าลืมที่สัญญาไว้ โทรหาถานหย่งเดี๋ยวนี้และหาข้ออ้างให้เขามาที่นี่ ถ้าเธอกล้าเปลี่ยนใจในระหว่างขั้นตอนนี้ เหลียงเช่อจะยิงเธอทิ้ง เธอก็รู้ว่าเขาบกพร่องทางการได้ยิน การใช้เสียงลวงเสน่ห์ของเธอใช้ไม่ได้ผลกับเขา”
“ถ้าเข้าใจแล้วก็พยักหน้า”
เหลียนซาพยักหน้าสองครั้ง
ซูเถาใช้เครื่องสื่อสารของเธอกดหมายเลขโทรศัพท์ของถานหย่ง แล้วพูดกับสยงไท่ว่า “ปล่อยเธอ”
สยงไท่ยัดกระดาษไว้ในหูของเขาแน่นขึ้น ก่อนที่เขาจะกล้าปล่อยปากของเธอ
เมื่อเชื่อมต่อโทรศัพท์
“ซาซา? เธอเป็นอะไรไป เธอไม่เป็นไรใช่ไหม เธอทำพลาดแล้วกลัวว่าฉันจะตำหนิเธอเลยไม่รับสายของฉันเหรอ? ไม่เป็นไร ตราบใดที่เธอไม่เป็นไร เราก็มาเริ่มต้นแผนการกันใหม่ได้นะซาซา”
ซูเถามองไปที่เหลียนซาด้วยสายตาข่มขู่ ทำให้เหลียนซากัดฟันพูดว่า
“พี่หย่ง ฉันสบายดี ฉันพลาดไปเลยไม่กล้าสู้หน้าและซ่อนตัวจากพี่ชั่วคราว แต่ฉันคิดได้แล้วว่ามันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่จะหลบซ่อนตลอดไป ตราบใดที่พี่เต็มใจรับฉัน ฉันจะกลับไป แล้วเรามาเริ่มต้นวางแผนกันใหม่”
“ตกลง เอาตามที่เธอว่า ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันจะไปรับเธอทันที และอย่าซ่อนตัวจากฉันอีก”
เหลียนซาแจ้งพิกัดที่เธออยู่
และซูเถาก็วางสายทันที
ทันทีหลังจากนั้น สยงไท่ก็ปิดปากของเธออีกครั้งราวกับว่าหนีจากความตาย เขาพยายามหายใจเข้าลึก ๆ