ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 199 โส่วอันติดต่อขอซื้อเสบียง
ตอนที่ 199 โส่วอันติดต่อขอซื้อเสบียง
ตอนที่ 199 โส่วอันติดต่อขอซื้อเสบียง
อู๋เจิ้นอยากจะหัวเราะออกมา และอดไม่ได้ที่จะถามว่า
“คุณนายเจียง ผมเองก็มีคำถาม ตอนนั้นครอบครัวของเราตกที่นั่งลำบากและโทรหาคุณตั้งหลายครั้ง ทำไมถึงติดต่อพวกคุณไม่ได้ล่ะ”
เจียงชิงเซียงอึกอักและพูดว่า
“ในตอนนั้น ครอบครัวเจียงก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นกัน…เสี่ยวเจิ้น ในวันสิ้นโลกแบบนี้มันไม่ง่ายเลย เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปได้ไหม ครอบครัวเจียงรักและดูแลนายมาหลายปี นายช่วยฉันหน่อยเถอะนะ ช่วยสืบให้หน่อยว่าเถาหยางมีเสบียงจริงเหรอ”
“นายวางใจได้นะ ถ้านายทำเรื่องนี้ให้ได้ นายจะเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัวเจียง ไม่ว่าจะเงินหรืออาวุธพวกเราจะตอบแทนนายอย่างงาม”
อู๋เจิ้นกล่าวว่า “ผมไม่สนใจเรื่องเงินและอาวุธมากนัก เรื่องนี้คุณนายเจียงจัดการเองแล้วกัน”
หลังจากพูดจบเขาก็วางสายทันที
เจียงชิงเซียงจ้องมองที่เครื่องสื่อสารที่ถูกตัดสายไปอย่างเดือนจัด เก๋อไห่ปินผู้เป็นสามีถามอย่างกระวนกระวายว่า
“เขาว่ายังไงบ้าง”
เจียงชิงเซียงถอนหายใจ
“เขาไม่ได้พูดอะไรเลย! ฉันเคยปฏิบัติต่อครอบครัวเขาอย่างดีมาก่อน แต่ตอนนี้ครอบครัวเจียงไร้ประโยชน์ เขาจึงกล้าที่จะปีกกล้าขาแข็งกับฉัน!”
“เขาพยายามปกปิดเหรอ? ตอนนี้ไม่ว่าจะที่ไหนมันก็วุ่นวายทุกที่ ใครมีเสบียงก็ต้องเก็บเอาไว้เอง ใครจะเอามันไปขาย ช่างมันเถอะ ไปคิดวิธีอื่นดีกว่า” เก๋อไห่ปินขมวดคิ้ว
ดวงตาของเจียงชิงเซียงเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อได้ยินเสียงนั้น
“มันไม่มีทางอื่นแล้ว ไม่เกินสองเดือนเราก็คงไม่มีอะไรจะประทังท้องอันหิวโหยแล้ว ปลาสวยงามในสวนหลังบ้านถูกกินหมดแล้ว! เรามีปืนมากมายในโกดัง ฉันถือไม่ไหวหรอกนะ และไม่มีแรงแม้แต่จะวิ่งแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ!”
ในขณะที่เธอพูดก็เริ่มทุบตีเก๋อไห่ปิน
“เพราะผู้ชายอย่างพวกคุณมันไม่ได้เรื่อง! รักตัวกลัวตาย!”
เก๋อไห่ปินยังคงปล่อยให้เธอทุบตีและดุด่าเขาเพื่อระบายความโกรธ
เจียงชิงเซียง เหนื่อยจากการถูกตี เธอเช็ดน้ำตาและโทรหาทุกคนที่นึกออก และในที่สุดก็ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากเหอหยางหัว ผู้ประกอบการยาสูบรายใหญ่ที่เคยพบกันครั้งหนึ่ง
“เถาหยาง? หึ ก็พอจะมีกำลังอยู่บ้าง มีผู้หญิงนิสัยไม่ดีเป็นผู้ดูแลที่นั่น และเธอก็คบหากับผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว บางทีเถาหยางนี้อาจถูกสร้างขึ้นด้วยการสนับสนุนของบรรดาผู้ชายที่มาติดพันเธอ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เหอหยางหัวก็นึกถึงลูกสาวที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตา สิ่งนั้นทำให้ เขาเป็นทุกข์และโกรธเคือง
เขามีลูกสาวคนเดียว และที่ผ่านมาเขาก็ไม่พอใจที่เห็นจี้ไฉเจ๋อทำตัวงี่เง่า
แต่ลูกสาวของเขาเลือกแล้ว เขาช่วยไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องปล่อยผ่าน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เดิมทีเมื่อไม่นานมานี้ ลูกสาวของเขาไปที่ตงหยาง และจู่ ๆ ก็โทรหาเขาโดยบอกว่าเธอกำลังจะเลิกกับจี้ไฉเจ๋อ
เขามีความสุขมากเมื่อคิดว่าลูกสาวของเขาคิดได้แล้ว จึงขับรถไปรับเธอในคืนวันหนึ่ง แต่เมื่อเขาไปถึงที่นั่นก็คิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวของเขาจะเปลี่ยนใจอีกครั้ง โดยบอกว่ามีคนจงใจหาเรื่องจี้ไฉเจ๋อ และต้องการทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ลูกสาวของเขาร้องไห้อย่างน่าเวทนาและขอร้องให้เขาสอนบทเรียนแก่ซูเถา ไม่เช่นนั้นซูเถาคนนั้นจะแย่งผู้ชายของเธอไป
หัวใจของเหอหยางหัวอ่อนยวบเพราะใบหน้าลูกสาวเปื้อนน้ำตา และนอกเหนือจากพฤติกรรมที่ดีของจี้ไฉเจ๋อแล้ว เขารู้สึกว่าลูกเขยในอนาคตของเขาน่าจะขี้อาย และไม่กล้านอกใจเธอเป็นแน่ เลยปล่อยไป
ดังนั้นเขาจึงตกลงที่จะหาโอกาสจัดการซูเถาและหาคนมาข่มขู่เธอ
แต่ทว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมออกไปไหนเลย และคนของเขาก็เข้าไปไม่ได้ เขาจึงต้องซุ่มอยู่แถว ๆ เถาหยาง และจะจับตัวเธอทันทีที่เธอออกมา
เจียงชิงเซียงไม่สนใจเรื่องราวซุบซิบ เธอสนใจแต่ชีวิตและความเป็นความตายเท่านั้น
แต่เธอก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากประโยคนี้ นั่นก็คือที่เถาหยางอาจจะมีเสบียงจริง ๆ
เหอหยางหัวเองไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดา เขาเกือบจะผูกขาดธุรกิจยาสูบในภาคใต้ และขายของให้กับฐานใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งสามารถทำเงินได้มากมาย
ในวันสิ้นโลกแบบนี้ยาสูบถือว่าเป็นของฟุ่มเฟือย และเขายังได้รู้จักมันสมองมากมายในฐานเพราะเหตุนี้ ถือว่าเขามีเครือข่ายผู้ติดต่อกว้างขวาง
จากข้อเท็จจริงที่ว่าฐานและองค์กรต่าง ๆ กำลังกักตุนเสบียง แต่เหอหยางหัวไม่มีสักอย่าง จะเห็นได้ว่าเขาไม่ขาดแคลนอาหารและเสบียง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและมั่นคงของเขา
เจียงชิงเซียงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย หลังจากวางสายแล้ว ก็ขอให้เก๋อไห่ปินติดต่อซื้อเสบียงจากเถาหยาง
เก๋อไห่ปินไม่เต็มใจ “มันเชื่อถือได้จริงเหรอ? แล้วถ้าเป็นกลโกงล่ะ? เกิดเราจ่ายเงินไปแล้ว แต่พวกเขาไม่ส่งเสบียงให้เราและหนีไปจะทำยังไง”
เจียงชิงเซียงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เราจะตายกันอยู่แล้ว มัวแต่สนใจเรื่องเงินอยู่อีก! ถ้าคุณหาวิธีอื่นได้ ฉันจะไม่พูดอะไรเลย แต่ถ้าคุณไม่มีวิธีอื่นก็หุบปากแล้วฟังฉัน!”
เก๋อไห่ปินทำได้แค่หาคนไปติดต่อเถาหยาง
……
ซูเถารู้สึกประหลาดใจมากเมื่อจวงหว่านบอกว่าโส่วอันติดต่อขอซื้อเสบียง ถ้าเธอจำไม่ผิด คนจากฐานโส่วอันเป็นพวกอนุรักษ์นิยมและรักสันโดษ จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะกลืนน้ำลายตัวเอง
“พวกเขาอาจจะไม่มีหนทางอื่นแล้ว” จวงหว่านกล่าว
ซูเถาปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่สนใจ ตอนที่อู๋เจิ้นหมดหวัง ครอบครัวเจียงก็ไม่เคยยื่นมือออกมาช่วยเหลือ ถ้าพวกเขาโทรกลับมาถามข่าวคราวบ้าง ลูกและภรรยาของอู๋เจิ้นก็คงไม่ต้องจากไปแบบนี้”
เมื่อจวงหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอก็รู้สึกโกรธแทนอู๋เจิ้น
“ใช่ งั้นฉันจะปฏิเสธพวกเขาเดี๋ยวนี้”
เก๋อไห่ปินไม่อยากจะเชื่อว่าเขาได้รับการปฏิเสธ มันจะเป็นไปได้ยังไง ล้อเล่นหรือเปล่า ยังไม่ได้พูดกันถึงเรื่องข้อตกลงหรือเรื่องเงินด้วยซ้ำ แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างเย็นชา
เก๋อไห่ปินรู้สึกได้ทันทีว่าบางทีเธออาจไม่ใช่คนหลอกลวง และบางทีเถาหยางอาจมีเสบียงจริง ๆ
“ทำไมเธอถึงปฏิเสธ? ตอนนี้ไม่น่าจะมีใครติดต่อซื้อเสบียงจากเธอ พวกเราน่าจะเป็นกลุ่มแรกที่ติดต่อซื้อขายกับเธอซะอีก” เจียงชิงเซียงก็ตกตะลึงเช่นกัน
เก๋อไห่ปินเงียบไปครู่หนึ่งและคาดเดา “คุณไปทำอะไรให้พวกเขาขุ่นเคืองหรือเปล่า? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตัดสินใจไว้แบบนี้ตั้งแต่ต้น”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง พวกเราโส่วอันไม่เคยได้ยินชื่อเถาหยางมาก่อนด้วยซ้ำ จะไปทำให้ฝั่งนั้นขุ่นเคืองได้ยังไงกัน”
เก๋อไห่ปินเปลี่ยนความคิดของเขาและพูดว่า
“คุณลองโทรหาอู๋เจิ้นอีกครั้งและถามเขาอีกที เผื่อเขามีท่าทีที่ดีขึ้น”
เจียงชิงเซียงกลอกตา
“จะให้ฉันถามอะไรเขา เขาไม่อยากจะรับโทรศัพท์เราด้วยซ้ำ! และอีกอย่างเขาก็เหมือนจะไม่แยแสกับคำพูดของฉันเลยแม้แต่น้อย!”
“ถามเขาว่าเขาเข้าไปที่เถาหยางได้ยังไง เขาทำอะไรอยู่ที่เถาหยาง ภรรยาและลูกของเขาเป็นยังไงบ้าง เขาสามารถช่วยคุยกับเถ้าแก่ได้หรือเปล่า ผมรู้สึกว่าบางทีปัญหาทั้งหมดอาจอยู่ที่ตัวเขา”
เจียงชิงเซียงสงบจิตสงบใจของเธอสักพัก จากนั้นจึงโทรหาอู๋เจิ้นอีกครั้ง
แต่เขากดตัดสาย
เมื่อกดโทรออกอีกครั้ง ก็ต้องพบว่าเขาบล็อกเธอไปแล้ว!
เจียงชิงเซียงเลือดขึ้นหน้าและสาปแช่งเขาอย่างบ้าคลั่ง
“เขากล้าทำกับฉันถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ตอนแรกเขาเป็นคนทำสวนในสวนหลังบ้านของฉัน ฉันเลี้ยงดูเขาด้วยอาหารและเครื่องดื่มชั้นดี พร้อมให้เงินเขามากมาย ตอนนั้นเขาและภรรยาก็ค่อนข้างพอใจ แต่ตอนนี้ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”
เมื่อเห็นท่าทีของอู๋เจิ้น เก๋อไห่ปินส่ายหัวแล้วพูดว่า
“ปัญหาอยู่ที่อู๋เจิ้น เขาคงไม่พอใจเราที่เพิกเฉยต่อครอบครัวของพวกเขา”
เจียงชิงเซียงโกรธยิ่งขึ้นไปอีก “ไร้สาระ เขาก็แค่ชาวสวนตัวเล็ก ๆ จะคาดหวังให้เราไปช่วยครอบครัวของพวกเขาทั้งสามคนน่ะเรอะ!?”
เก๋อไห่ปินรู้สึกแบบเดียวกันในตอนแรก สถานที่อื่นที่ไม่ใช่ใจกลางเมืองเต็มไปด้วยซอมบี้ ต้องใช้กำลังคนและอาวุธจำนวนมากเพื่อช่วยชีวิตใครสักคน และมันไม่คุ้มเลยจริง ๆ ที่จะเสี่ยงแบบนั้น
พวกเขาไม่ต้องการเสี่ยง
เก๋อไห่ปินหันกลับมาเพื่อถามอีกครั้ง
“คุณเพิ่งบอกว่าเหอหยางหัวมีความขัดแย้งกับเถ้าแก่ของเถาหยางและต้องการแก้แค้นเธอเหรอ?”
เจียงชิงเซียงพยักหน้า “ใช่ ทำไมเหรอ ฉันไม่สนใจเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอกนะ”
เก๋อไห่ปินแสดงความคิดออกมา
“ผมมีแผน ผมจะติดต่อผู้จัดการจวงคนนั้นไปอีกครั้ง”