ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 202 ฉันคนเดียวก็พอ
ตอนที่ 202 ฉันคนเดียวก็พอ
ตอนที่ 202 ฉันคนเดียวก็พอ
คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ตราบใดที่พวกเขายังเป็นผู้ที่มีพลังวิเศษ พวกเขาก็พยายามต่อไป
“ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน!”
“โธ่เอ้ย! เกิดอะไรขึ้น!”
……
เมื่อพยายามดึงพลังออกมาเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ละคนรู้สึกอ่อนแรง เป็นเหมือนทารกที่ไม่มีพลังและน่าจะถูกฆ่าได้เสมอ
ความตื่นตระหนกครั้งใหญ่และไม่ทราบสาเหตุนี้ทำให้ผู้ที่มีพลังวิเศษที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้หลายคนแทบล้มทั้งยืน
แม้ว่าชวีจิ้งอวิ๋นจะหวาดกลัว แต่เธอก็โกรธเคืองกับผู้ที่มีพลังวิเศษกลุ่มนี้ที่ตื่นตระหนก และเตรียมที่จะหลบหนีโดยการปีนหน้าต่างก่อนที่จะเห็นเงาของศัตรู
เธอต้องการดูว่าใคร!
ดังนั้นเธอจึงจ้องเขม็งและกัดฟันเดินสองสามก้าวไปที่ประตู แล้วเตะประตูให้เปิดออก คิดไม่ถึงว่าทันทีที่ประตูเปิดออก กระสุนนัดหนึ่งก็พุ่งเข้ามาที่ปืนที่เธอถืออยู่ ทำให้ปืนกระเด็นออกไปไกล
เสียงปืนทำให้ผู้คนที่กำลังหลบหนีหันกลับมามองข้างหลังอย่างหวาดกลัว และเห็นเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมเอาปืนจ่อไปที่หน้าผากของชวีจิ้งอวิ๋น
เมื่อหม่าต้าเพ่าเห็นซูเถา ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น เขาดิ้นบนพื้นอย่างตื่นเต้น และเตะขาไปมา
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง มาคนเดียวเหรอ?” ชวีจิ้งอวิ๋นขมวดคิ้วและกัดฟันถาม
เธอจำได้ว่าซูเถาไม่เคยออกจากภูเขาผานหลิว!
ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีรถเข้ามาที่สถานีเก่าเลย!
จู่ ๆ เธอจะปรากฏตัวขึ้นได้ยังไง!?
ไม่ใช่แค่เธอ แต่ทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกัน
มีคนพยายามจะหยิบปืนของชวีจิ้งอวิ๋นขึ้นมา แต่ทันทีที่เขาขยับเท้าข้างหนึ่ง กระสุนของซูเถาก็พุ่งมาที่เท้าของเขาราวกับว่ามีดวงตา
มีบางคนไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า และพยายามหยิบปืนออกมาจากเอวด้านหลัง แต่พวกเขาก็ถูกยิงสกัดก่อนที่จะได้คว้าปืนออกมา
เมื่อเป็นอย่างนี้สองหรือสามครั้ง ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าการกระทำของพวกเขาถูกคาดเดาได้อย่างแม่นยำ และพวกเขาไม่มีทางต่อต้านได้
ในขณะนี้ทุกคนก็พากันตกตะลึงและยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น ไม่กล้าขยับเขยื้อน
ซูเถากล่าวว่า “ฉันมาคนเดียวก็พอแล้ว”
ชวีจิ้งอวิ๋นรู้สึกหวาดกลัว
ในสถานการณ์นี้…ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ไม่มีใครสามารถใช้พลังความสามารถได้ พวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ตามอำเภอใจ
ซูเถาชี้ไปที่ชวีจิ้งอวิ๋นด้วยปืนและพูดว่า “ปล่อยเขา”
ชวีติ้งอวิ๋นกัดฟันและปฏิบัติตามที่ซูเถาบอกอย่างจำยอม
แต่ว่ามือของเธออีกข้างหนึ่งบาดเจ็บ และมีเลือดออกไม่หยุด เธอไม่สามารถแก้เชือกได้ด้วยมือเดียว ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทำไม่ได้
ซูเถานำมีดเล่มเล็กออกมาจากพื้นที่ของฟางจือ และโยนมันลงบนพื้น “ตัดมันออกซะ”
แต่เมื่อชวีจิ้งอวิ๋นกำลังจะหยิบมีด จู่ ๆ ภาพก็แวบเข้ามาในหัวของซูเถา
ชวีจิ้งอวิ๋นคว้ามีดและแทงเข้าที่หน้าอกของหม่าต้าเพ่าจนเลือดพุ่งกระฉูดไปทั่วพื้น!
ซูเถาหายใจติดขัด ผู้หญิงคนนี้ต้องการฆ่าหม่าต้าเพ่าเพื่อระบายความโกรธของเธอ! ซูเถาเหยียบข้อมือของชวีจิ้งอวิ๋นทันทีในขณะที่เธอกำลังจะหยิบมีด เสียงกระดูกดังลั่นดังก้องไปทั่วห้องโถงที่เงียบงัน
ชวีจิ้งอวิ๋นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและล้มลงกับพื้น
ซูเถาเตะเธอกระเด็นออกไป และชี้ไปที่เด็กสาวรูปร่างอวบคนหนึ่งเพื่อให้เธอแก้มัดหม่าต้าเพ่า
หญิงสาวเหลือบมองซูเถาด้วยความกลัว เธอรีบตัดเชือกอย่างรวดเร็ว และรีบวิ่งไปซ่อนตัวอยู่หลังกำแพง
ทันทีที่เชือกหลุดออกจากกัน หม่าต้าเพ่ารีบดิ้นรนเพื่อฉีกเทปที่ปากของเขา แล้วรีบวิ่งไปข้างหลังซูเถา และพูดด้วยความกลัวและรู้สึกผิด
“เถ้าแก่ ผมขอโทษ ผมทำพลาด”
ซูเถาดึงเขาออกมาจากด้านหลังเธอ มองไปที่รอยฟกช้ำที่แขนและขาของเขาแล้วพูดว่า
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นเพราะฉันลืมว่าไม่ควรส่งคุณมาที่นี่โดยตรง ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ถูกจับกลางทาง ออกมายืนข้างหน้า! คุณกลัวอะไรพวกเขา? คุณต้องปกครองที่นี่ ถ้าคุณกลัว คุณก็บอก ฉันจะได้หาคนอื่นมาแทน”
หม่าต้าเพ่าตัวสั่น เขากัดฟันและออกมายืนอยู่ด้านหน้า
ในใจของเขาหวาดกลัวจริง ๆ คนเหล่านี้ในสถานีเก่าล้วนเป็นผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติที่โดดเด่นและน่านับถือ ในฐานะคนธรรมดา เขาจึงมีความรู้สึกกลัวเป็นปกติ
ซูเถาผลักเขาไปข้างหน้าอีกครั้ง และมองไปที่ทุกคนที่อยู่ตรงหน้า
“ฉันมาที่นี่เพื่อแจ้งให้ทุกคนทราบว่าพื้นที่นี้จะถูกส่งมอบให้กับผู้จัดการหม่าในอนาคต และตอนนี้พวกคุณมีสองทางเลือก”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอเหลือบมองไปที่หม่าต้าเพ่า และกระตุ้นให้เขาพูดด้วยตัวเอง
หม่าต้าเพ่าอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรวบรวมแรงผลักดันของเขาและกล่าวว่า
“หนึ่ง ออกไปอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างปัญหา และสอง อยู่และทำงานกับเถ้าแก่ซู แต่ทุกคนต้องได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่ซูเถา พยายามดูจากสีหน้าของเธอว่าพอใจกับเขาหรือไม่
แต่ซูเถาก็ไม่ได้แสดงท่าทีใด
หม่าต้าเพ่าสูดหายใจเข้าลึก ๆ หยิบปืนบนพื้นขึ้นและเพิ่มประโยคที่รุนแรง
“หากมีปัญหาและเจตนาชั่วร้าย อย่าโทษว่าฉันไร้ความปรานี!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยิงชวีจิ้งอวิ๋นที่นอนอยู่บนพื้น แต่ทักษะการยินปืนของเขาไม่ดีนัก เขาพลาดจุดสำคัญและยิงทะลุท้องของชวีจิ้งอวิ๋น
ชวีจิ้งอวิ๋นส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอล้มลงบนพื้น และเลือดก็แผ่กระจายออกมาใต้ร่างของเธอ
เขาต้องเชือดไก่ให้ลิงดู
ทุกคนมองไปที่ชวีจิ้งอวิ๋นที่กำลังจะตาย ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา
เว่ยเสียงกลอกตาและกระตุ้นให้คนสี่หรือห้าคนพูดว่า
“ซูเถาผู้นี้ไม่ใช่คนมีเมตตาตั้งแต่แรกเห็น หากเราอยู่ เธอจะปฏิบัติต่อเราอย่างดีเหรอ กลัวว่าผู้ที่อยู่จะถูกลดความสำคัญลง หรือไม่เธอก็จะฆ่าพวกเราในไม่ช้า ทำไมเราไม่ไปด้วยกันดีกว่าการออกไปจากที่นี่คนเดียวล่ะ?”
ในไม่ช้าหลายคนบรรลุข้อตกลง ต่างคนต่างยืนขึ้นและพูดอย่างกล้าหาญ
“ถานเหล่าต้าไม่อยู่แล้ว และเราไม่ต้องการอยู่กับรองหัวหน้า งั้นเราไปกันเถอะ เถ้าแก่ซูจะไม่ทำให้พวกเราลำบากใช่ไหม”
ชวีจิ้งอวิ๋นตัวสั่นด้วยความโกรธเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ และพยายามที่จะพูดว่า
“ถ้าอยากออกไปก็พูดออกมาตรง ๆ! อย่าใช้พี่หย่งเป็นข้ออ้าง! ยังไงก็ตาม! ฉันจะรอพี่หย่งกลับมาอย่างแน่นอน!”
“ถานหย่งตายแล้ว”