ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 207(1) โดมป้องกัน
ตอนที่ 207(1) โดมป้องกัน
ตอนที่ 207(1) โดมป้องกัน
ทำลายกำแพงเหรอ…
กำแพงไม่สามารถหยุดยั้งสิ่งนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เขตสุ่ยฝูถูกโจมตีได้อย่างรวดเร็ว
ซูเถาตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดทันที เธอมีเงินเหลือ 4.85 ล้านเหลียนปัง แต่ขาดอีก 150,000 เหลียนปังจึงจะซื้อโดมป้องกันได้!
สีหน้าของเผยตงเปลี่ยนไป และพูดกับกวานจือหนิงว่า
“เธอพักผ่อนให้เพียงพอเถอะ เดี๋ยวฉันจะนำเรื่องนี้ไปรายงาน แล้วก็อย่าเพิ่งแพร่งพรายเรื่องนี้”
หลังจากพูดจบ ก็หมุนกายจากไปและหลังจากนั้นไม่นาน เสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้น และรถยนต์ก็ขับออกไป
ภายในคลินิกตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เฉินซีเองก็หน้าซีดเพราะภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งฉายให้เห็นเมื่อครู่
จงเกาอี้ยังคงนิ่งเงียบ เขามองกำแพงและรั้วลวดหนามไฟฟ้านอกหน้าต่าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกังวลกับเถาหยางเป็นครั้งแรก
จวงหว่าน เฉียนหลินและคนอื่น ๆ ไม่ได้พูดอะไร
“พวกคุณเชื่อในตัวฉันไหม” ซูเถาถามทันที
ทุกคนมองและพยักหน้าด้วยความเชื่อมั่น
“เถาหยางจะไม่เป็นไร ฉันขอให้ทุกคนเชื่อมั่น หรงหรง เธอรีบไปคิดค่าใช้จ่ายของพืชผลเดือนนี้กับตงหยางโดยเร็วที่สุด”
เฉียนหรงหรงวิ่งไปทันที เธอรีบคำนวณบัญชีอย่างรวดเร็วและแม่นยำ และโทรไปทวงหนี้โดยตรงโดยไม่รีรอ
ฝ่ายการเงินของตงหยางรู้สึกสับสน แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงเป็นกังวลของเธอ ทางนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นขอเบิกค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน และติดต่อกลับมาที่เถาหยางในตอนบ่าย
เงินอยู่ที่ 150,000 เหลียนปังพอดี และทันทีที่เงินเข้าบัญชี ซูเถาก็ซื้อโดมป้องกันขนาด 5,000 ตารางเมตรในร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันและสิ่งก่อสร้าง
ทันทีที่คำสั่งซื้อสำเร็จ โดมโปร่งใสเป็นรูปทรงครึ่งวงกลมก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเขตเถาหยาง และการมีอยู่ของมันแทบจะไม่สามารถสังเกตได้หากไม่ตั้งใจมองอย่างละเอียด
ถ้าถูกโจมตีหรือถูกบุกรุก จะทำลายโดมป้องกันนี้ไม่ได้ โดมนี้สามารถรักษาอุณหภูมิที่สบาย ต้านทานลม ป้องกันรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ…
วันรุ่งขึ้นจวงหว่านลงไปชั้นล่างและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอพูดกับเฉินซีอย่างสงสัย
“ทำไมวันนี้แม่ถึงคิดว่าอากาศเย็นนะ ทั้ง ๆ ที่ดวงอาทิตย์ก็ยังร้อนอยู่เหมือนเดิม มีภาพลวงตาหรือเปล่า”
เฉินซีชำเลืองมองที่ชายชรากู้ผู้ซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร และพูดขึ้น “แม่ มันไม่ใช่ภาพลวงตา”
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นแต่ผู้เช่าที่ออกจากห้องแอร์เพื่อไปทำงานและโรงเรียนก็รู้สึกเช่นกัน บางคนคิดว่าอากาศร้อนได้ผ่านไปแล้ว และพวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่พวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อถูกความร้อนลวกเมื่อพวกเขาก้าวออกจากประตูเขตเถาหยาง
จากนั้นทุกคนก็รู้ว่ามีเพียงเถาหยางเท่านั้นที่สุดยอดขนาดนี้!
แม้แต่กวานจือหนิงซึ่งนอนอยู่ในห้องพักฟื้นก็ยังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง เพราะเธอเปิดหน้าต่างแล้วพบว่าข้างนอกเย็นกว่าข้างใน
ซูเถาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน และรู้สึกว่าเงินที่ได้ใช้ไปนั้นคุ้มค่าจริง ๆ และช่วยประหยัดค่าเครื่องปรับอากาศและค่าไฟฟ้าไปได้มาก ดังนั้นเธอจึงต้องสร้างอีกสองแห่งให้เร็วที่สุด
ตัวขี้เกียจอย่างไป๋จือหม่ายังยอมที่จะออกไปเล่นนอกบ้าน
เสวี่ยเตาแลบลิ้นของมันออกมาเล็กน้อย เมื่อมันออกไปนอกห้อง
เจียงอวี่ก็ออกมาจากเงามืด และมองท้องฟ้าด้วยความงุนงง ดวงอาทิตย์ที่สดใสแต่กลับไม่รู้สึกร้อนอบอ้าว ฤดูร้อนของที่นี่สุดยอดมาก
สวรรค์จริง ๆ… คงจะดีถ้ามีน้องสาวได้มาอยู่ที่นี่
การเปลี่ยนแปลงนี้แพร่กระจายไปทั่วตงหยางในตอนเช้า และมีแต่คนที่เข้ามาสอบถามเรื่องที่ได้ยินมาว่าเถาหยางมีเสบียงเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
ผู้คนที่อยู่รอบนอกจำนวนมากมารวมตัวกันรอบ ๆ ประตูเพื่อค้นหาคำตอบ
ผู้กล้าบางคนเสนอให้ปีนข้ามกำแพงเพื่อเข้าไปข้างใน แต่ผู้เช่าที่ก็ออกมาเตือนอย่างดุเดือดว่าพวกเขาอาจถูกไฟดูดตายหากปีนข้ามกำแพง
กำแพงสูงและรั้วลวดหนามไฟฟ้าที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนจะยืนยันสิ่งที่เขาพูด และลำแสงหลายลำพุ่งเข้ามาประสานกัน ทำให้ผู้คนตกใจถอยหลังไปสองก้าว และปัดเป่าความคิดที่จะปีนข้ามกำแพงไปโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่ไม่ยอมแพ้และบินโดรนบินขึ้นไปบนกำแพง แต่ก่อนที่จะบินกลับ มันก็ชนเข้าโดมป้องกันที่มองไม่เห็นและตกลงมา
คนหลายคนเห็นฉากนี้ก็เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ ทุกคนจ้องมองขึ้นลงซ้ายขวา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าโดมที่มองไม่เห็นคืออะไร
ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ถูกจับได้ด้วยกล้องวงจรปิด และวิดีโอถูกส่งไปยังชีอวิ๋นหลันทันที
ชีอวิ๋นหลันรู้สึกตกตะลึง เมื่อนึกถึงสิ่งที่เถ้าแก่ของธอรับปากไว้เมื่อคืน หัวใจของเต้นเร็ว เธอรีบส่งภาพนี้ให้กับเพื่อนร่วมงานของเธอดู
เมื่อซูเถามาถึงสำนักงาน ทุกคนรู้ว่ามีโดมป้องกันโปร่งใสเหนือเขตเถาหยาง ทุกคนก็มองมาที่เธอด้วยดวงตาที่สดใส รอให้เธอยืนยันคำตอบ
“ฉันบอกไว้แล้วว่าเถาหยางจะไม่เป็นไร พวกที่บินอยู่บนฟ้าและพวกที่เจาะใต้ดินจะไม่สามารถรุกรานเราได้”
……
นอกจากเถาหยางที่อยู่อย่างไร้กังวลและสุขสบายแล้ว ตงหยางและสถานที่อื่น ๆ กำลังตกอยู่ในความยากลำบากเนื่องจากการขาดแคลนเสบียงและฝูงซอมบี้ที่เพิ่มมากขึ้น
เรื่องของสัตว์ประหลาดเลื้อยคลานได้ถูกระงับชั่วคราว เนื่องจากตงหยางส่งนักวิจัยหลายคนไปรวบรวมร่องรอยที่เกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุและได้เชิญเสิ่นเวิ่นเฉิงผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยเฉพาะทางมาจากฐานเหอคังมาที่ตงหยางเพื่อทำการตรวจสอบอีกด้วย
บังเอิญว่าจี้ป๋อต๋าต้องการมาที่เถาหยางเพื่อซื้อเสบียงชุดที่สอง ดังนั้นเขาจึงพาทีมของเสิ่นเวิ่นเฉิงออกเดินทางมาที่ตงหยางในวันนั้น
ก่อนจากไป เขาบอกลูกชายงี่เง่าของเขาว่า
“ต้องยอมรับว่าแกแต่งงานแล้ว ฉันไม่เคยหวังให้แกเก่งกาจอะไร แต่อย่าทำให้ฉันลำบากใจ แค่ใช้ชีวิตที่ดีกับเมิ่งเมิ่งไปก็พอ”
จี้ไฉเจ๋อพยักหน้าซ้ำ ๆ
จู่ ๆ จี้ป๋อต๋าก็นึกถึงบางอย่างและถามว่า
“ได้ยินมาว่าพ่อตาของนายอยู่ที่เถาหยาง เมิ่งเมิ่งได้บอกหรือเปล่าว่าเขาไปทำอะไรที่นั่น”
จี้ไฉเจ๋อตกใจมาก และส่ายหัวทันทีและพูดว่า “เธอไม่ได้บอกอะไร”
แต่แน่นอนว่าเธอบอก!
เป็นการไปสร้างปัญหาให้ซูเถา
แต่ซูเถาไม่ออกมานอกอาณาเขตเลย จึงไม่มีโอกาสได้เคลื่อนไหว เดิมทีเขาขอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแสร้งทำเป็นผู้เช่าเพื่อขอที่อยู่อาศัย แต่พวกเขาทั้งหมดถูกปฏิเสธเพราะพวกเขาไม่ใช่คนจากตงหยาง
แม้ว่าจี้ไฉเจ๋อกลัวว่าพ่อของเขาจะรู้ว่าเขาทำให้ซูเถาขุ่นเคืองใจ แต่ลึก ๆ ในใจของเขาเขายังคงหวังว่าพ่อตาของเขาจะประสบความสำเร็จและสอนบทเรียนให้ผู้หญิงคนนี้
อย่าคิดว่าการสร้างเถาหยางขึ้นมาได้แล้วจะสามารถเหยียบย่ำเขาได้ตามต้องการ
จี้ป๋อต๋ามองลูกชายของเขาอย่างจับผิด “เมิ่งเมิ่งไม่ได้พูดอะไรจริง ๆ เหรอ?”
จี้ไฉเจ๋อกัดฟันแล้วพูดว่า “เธอไม่ได้พูดอะไรเลยจริง ๆ ถ้าพ่ออยากรู้ ไว้ผมจะถามเธอทีหลัง”
จี้ป๋อต๋าถอนสายตาที่ยังคงสงสัย เขาหันหลังกลับและเข้าไปในรถ