ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 220 ไม่คิดเข้าหา
ตอนที่ 220 ไม่คิดเข้าหา
ตอนที่ 220 ไม่คิดเข้าหา
เมื่อซูเถาเห็นเขา หัวใจที่เป็นกังวลของเธอก็สงบลง
เมื่อเฮยจือหม่าเห็นซูเถา มันก็ลดความเคร่งขรึมลงพร้อมกับส่งเสียงร้อง และรีบกระโดดลงจากไหล่ชายหนุ่ม แล้วปีนขึ้นขากางเกงของซูเถา เพียงไม่กี่ก้าวมันก็อยู่ในอ้อมแขนของเธอ และส่งเสียงร้องออดอ้อน
หัวใจของซูเถาอ่อนลงเมื่อถูกมันอ้อน เธอคิดถึงมันมากหลังจากห่างกันไปนาน พลางลูบขนของมันด้วยความรักใคร่
เธอรู้สึกว่าเนื้อบนตัวของมันกระชับขึ้นมาก ไม่เหมือนตัวของไป๋จือหม่าที่มีแต่เนื้อหยุ่ น ๆ
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศโดยรอบไม่ปกติ สือจื่อจิ้นจึงมองไปที่ซูเถา กวาดสายตาสำรวจอีกผ่านอย่างละเอียด “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เฉินเทียนเจียวได้ยินดังนั้นแล้วก็คันปาก เวลาแบบนี้มันไม่ควรถามว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วหรือเปล่า?
ซูเถาส่ายหัว เหลยสิงจึงก้าวเข้ามาและอธิบายเรื่องนี้เพียงไม่กี่ประโยค
สือจื่อจิ้นจ้องตรงมาที่เขาเป็นเวลาสองวินาที เขาไม่พูดอะไรและมองไปรอบ ๆ ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะสามารถมองทะลุความว่างเปล่าและภาพลวงตาทั้งหมดได้
จากนั้นเขาก็เดินไปที่กำแพงที่อยู่ไม่ไกลนัก พร้อมกับยื่นมืออันเรียวยาวออกไปแล้วแตะกลางอากาศ
อากาศโดยรอบแตกเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับกระจก และเผยให้เห็นรถตู้ที่ซ่อนอยู่ หลายคนในรถตู้ตกตะลึง และจวงหว่านซึ่งถูกมัดไว้ที่เบาะหลังก็กำลังดิ้นรน
จงเกาอี้กำลังจะรีบลุกขึ้นทันที แต่เหลยสิงคว้าตัวเขาไว้ ในวินาทีถัดมา สือจื่อจิ้นก็ยิงพวกมันสามนัดโดยไม่กะพริบตา
เหลือเพียงชายร่างเตี้ยคนเดียว
เมื่อเห็นว่าสหายของเขาจากไปแล้ว ชายผู้นั้นก็กลัวจนปากสั่นระริก เขายกมือขึ้นในอากาศเพื่อคลำห้วงมิติ และกำลังจะหายตัวไปในพริบตา ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเขาคือผู้ที่มีพลังวิเศษ
สือจื่อจิ้นยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย เพียงแค่เขาแตะอากาศเบา ๆ ชายร่างเตี้ยก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้างุนงง
“แก แก…”
สือจื่อจิ้นพูดกับเฉินเทียนเจียว โดยไม่หันกลับไปมอง “มัดเขาไว้”
เฉินเทียนเจียว รีบวิ่งไปพร้อมกับคนของเขาอย่างกระตือรือร้น และมัดเขาเอาไว้พร้อมกับโยนเข้าไปในรถ
จงเกาอี้รีบอุ้มจงหว่านออกมาแล้วแก้มัดเธอ เขากอดภรรยาที่กำลังร้องไห้เอาไว้แน่น และปลอบใจเธอเป็นเวลานาน
เฉินซี เฉินหยางก็หวาดกลัวเช่นกัน และครอบครัวทั้งสี่คนก็กอดกันไม่ปล่อย
เมื่อเห็นรอยขีดข่วนบนร่างกายของจวงหว่าน ซูเถาก็คิดตำหนิตัวเองอย่างมาก
เมื่อสือจื่อจิ้นสังเกตเห็น จึงยื่นมือออกไปลูบหัวของหญิงสาว
“ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง คุณกลับไปก่อนเถอะ”
เหลยสิงหรี่ตาข้างหนึ่ง
ห้านาทีต่อมา เฉินเทียนเจียวพาเขาไปที่ห้องของสือจื่อจิ้นโดยตรง และการสอบสวนก็เริ่มขึ้นทันทีที่ประตูปิด
“ชื่ออะไร” สือจื้อจินถามเบา ๆ แต่เขารู้สึกถึงการกดขี่อย่างอธิบายไม่ถูก
ชายร่างเตี้ยปิดปากไม่พูดอะไร
เฉินเทียนเจียวมัดมือข้างหนึ่งของเขาไว้กับเก้าอี้โดยให้ฝ่ามือหงายขึ้น
“ทำอะไรอะ…อ๊า”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ สือจื้อจินก็ปักมีดด้ามสั้นเข้าไปบนฝ่ามือของเขาแล้วยึดมือนี้เข้ากับเก้าอี้
“พวกเรามาเล่นเกมกัน ฉันถามคำถาม ถ้าแกตอบมั่วหรือไม่ตอบ ฉันจะขยับด้ามมีด”
ชายร่างเตี้ยเหงื่อแตกพลั่ก เขาอดทนต่อความเจ็บปวดและพูดว่า “ฉัน ฉันชื่อหลูเซิ่ง…”
“วันนี้แกมาจับใคร”
หลูเซิ่งส่ายหัวและไม่พูดอะไร
สือจื่อจิ้นเปลี่ยนองศามีดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
หลูเซิ่งกรีดร้องออกมา และร่างกายของเขาก็สั่นอย่างห้ามไม่ได้
“ถามอีกครั้ง วันนี้แกมาจับใคร”
“ซะ ซูเถา… แต่…แต่ เราไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอมีความสามารถบางอย่าง และเธอก็มาพร้อมกับผู้หญิงที่เข้าใจยาก ดังนั้นเราจึงต้องมัดผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ โดยคิดว่าเราจะใช้ผู้หญิงคนนั้น เพื่อหลอกล่อเธอ…”
สือจื่อจิ้นอดทนต่อความคิดที่จะทำลายมือของเขาให้สิ้นซาก และถามอีกครั้ง
“แกมาจับเธอทำไม”
หลูเซิ่งน้ำหูน้ำตาไหล “เบื้อง…เบื้องบนบอกว่าพวกเขาต้องการจะสอนบทเรียนให้เธอ ยกโทษให้ฉันด้วย ฉันแค่ทำตามคำสั่ง”
“บอกมาว่าเบื้องบนที่แกว่าเป็นใคร และบทเรียนที่ว่านั้นคืออะไร”
หลูเซิ่งรู้สึกได้ถึงใบมีดที่ถูกับข้อนิ้วของเขา ความเจ็บปวดนั้นเจ็บปวดมากจนเขาแทบจะเสียสติ เขาเล่าเรื่องที่ซูเถาให้ท่าจี้ไฉเจ๋อแต่ไม่สำเร็จ และทำให้เหอหยางหัวพ่อตาของจี้ไฉเจ๋อโกรธ
เฉินเทียนเจียวเกือบสำรอกอาหารเช้าของเขาออกมา
“เถ้าแก่ซูน่ะเหรอล่อลวงไอ้งี่เง่านั่น! พวกแกตาบอดหรือมีรูในสมองกันแน่?”
ใบหน้าของสือจื่อจิ้นเปลี่ยนไปและเพิ่มแรงในมือของเขา เขาหมุนมีดอย่างรวดเร็วและพูดอย่างเย็นชา
“แกไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด ถ้าเหอหยางหัวแค่ต้องการแก้แค้นให้กับลูกสาวของเขา คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้แกเสียเวลาและพลังงานอย่างมากมาจับเป็นคนทั้งคนและให้พาตัวไปทางเหนือ!”
เฉินเทียนเจียวตะคอก “แกไม่ซื่อสัตย์!”
หลังจากพูดจบ เขาก็นำแอลกอฮอล์ครึ่งขวดเทลงไปตามฝ่ามือของหลูเซิ่ง
หลูเซิ่งเจ็บปวด และสมองของเขาว่างเปล่าไปชั่วขณะ และหลังจากที่เขาตระหนักได้ เขาก็ยอมเปิดปากและพูดทั้งน้ำตาว่า
“เหอเหล่าต้าได้ยินว่าเธอมีความสามารถในการสร้างตึกสูงและมีเสบียงมากมาย ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะพาเธอไปทางเหนือเพื่อเลี้ยงดูเธอ เพื่อสร้างสวรรค์ให้กับเขา และรับใช้เขาตลอดช่วงเวลาที่เหลือของเขา…”
เฉินเทียนเจียวตะหวาดด้วยความโกรธเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น “เหล่าต้า ผมคิดว่าผู้ชายที่ชื่อซิ่งเหอคนนี้คงไม่อยากเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับทางใต้อีกต่อไป!”
“ฆ่าเขาซะ แล้วเอาผลึกนิวเคลียสมาให้ฉัน แล้วก็เก็บเลือดไว้หลอดหนึ่ง”
หลูเซิ่งตะโกนด้วยความกลัว “ทำไมต้องฆ่าฉันด้วย ฉันพูดทุกอย่างไปหมดแล้ว!!”
สือจื่อจิ้นมองไปที่เขา “ฆ่าแกไม่ต้องมีเหตุผล”
เฉินเทียนเจียวคุ้นเคยกับเลือดที่แดงฉานกับชีวิตมนุษย์ เขาสังหารผู้คนอย่างรวดเร็ว และส่งผลึกนิวเคลียสที่สะอาดให้เหล่าต้าภายในเวลาอันรวดเร็ว
หลังจากที่สือจื่อจิ้นเก็บมันไปแล้ว เขาก็ไปที่อาคารหมายเลข 3 และเคาะประตูห้องของซูเถา
ซูเถาเปิดประตูออก เมื่อเธอเห็นเขา หัวใจของเธอก็สั่นสะท้าน และความฝันเมื่อคืนก็ปรากฏขึ้นในใจของเธออีกครั้ง
โชคดีที่…มันเป็นความฝัน
ต่อหน้าเธอคือร่างกายของเขา ไม่มีอันตราย ไม่มีเลือดออก เป็นเขาจริง ๆ
เธอแค่มองเขาแบบนี้โดยไม่ขยับเขยื้อน
หางตาของสือจื่อจิ้นเหลือบไปเห็นเหลยสิงที่เพิ่งขึ้นไปชั้นบน และทันใดนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้า พร้อมผลักเธอเข้าไปในห้องและปิดประตูตามหลัง
“…” เหลยสิง
ซูเถาชนเข้าที่แขนของเขาและรู้สึกงุนงง
สือจื่อจิ้นประคองเธอเอาไว้ เว้นระยะห่างเล็กน้อย และทำลายความสับสนมึนงงของเธอลง
เขาหยิบผลึกนิวเคลียสของหลูเซิ่งออกมา “นี่ให้คุณ”
ก่อนที่ซูเถาจะทันได้ตอบสนอง เขายัดมันลงในมือของเธอ ในเวลาเดียวกัน คู่มือดูเหมือนจะปรากฏขึ้นในหัวของเธอ
[ชื่อ : หลบซ่อน]
[เลเวล : 1]
[ภาพรวมความสามารถ : สามารถซ่อนผู้คนหรือสิ่งของรอบตัวในระยะ 10 เมตร ผสานเข้ากับสภาพแวดล้อม และถูกตรวจจับไม่ได้]
[เวลาพลังงานที่เหลืออยู่ : 3 วัน]
เธออ้าปากกว้าง “นี่คือผลึกนิวเคลียสของคนคนนั้นเหรอ”
สือจื่อจิ้นพยักหน้า “ใช่ มันเป็นความสามารถที่ใช้งานได้จริง คุณสามารถใช้มันได้หากคุณเผชิญกับอันตรายและปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ข้างนอก”
ซูเถายืนขึ้นด้วยความกลัว และคืนผลึกนิวเคลียวให้เขา “คุณต้องการมันมากกว่าฉัน”
สือจื่อจิ้นหัวเราะ “คุณลืมแล้วเหรอ?”
ซูเถาตกตะลึง และทันใดนั้นก็จำได้ว่าความสามารถของเขาไม่ต้องใช้ผลึกนิวเคลียส เขาต้องการเพียงเลือดเพื่อสืบทอดความสามารถของคู่ต่อสู้…
จากนั้นเธอก็ไม่เกรงใจและรับไว้ด้วยความสบายใจ จากนั้นก็ถามว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงต้องการจับตัวเธอ
สือจื่อจิ้นเล่ารายละเอียดให้เธอฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการสอบสวน
ซูเถาตกตะลึงและพูดด้วยความตกใจ “ฉันเนี่ยนะไปให้ท่าคนงี่เง่าแซ่จี้?”
สือจื่อจิ้นมองเธออย่างเงียบ ๆ
ซูเถาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอทันที
“ฟ้าดินเป็นพยาน เขาก่อกวนฉันก่อนและฉันก็ทุบตีเขาไป ฉันตาบอดหรือไง คุณอยู่ต่อหน้าฉันแบบนี้ฉันยังไม่เข้าหาคุณเลย แล้วฉันจะไปให้ท่าคนประเภทนี้เนี่ยนะ?”
เดิมทีสือจื่อจิ้นต้องการแกล้งเธอ แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ถามทันทีว่า “ไม่มีเลยเหรอ?”
“ไม่มีอะไร?”
“ที่ว่าไม่คิดจะเข้าหาผม”