ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 225(1) รับช่วงต่อศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็ก
ตอนที่ 225(1) รับช่วงต่อศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็ก
ตอนที่ 225(1) รับช่วงต่อศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็ก
“นับจริง ๆ… ก็ราว ๆ 12,000 ตารางเมตร” สมองของซูเถาเบลอไปชั่วขณะเมื่อได้ยินตัวเลขนี้
12,000 ตารางเมตร… ต้องใช้ผลึกนิวเคลียส 120 อัน
มันใหญ่มาก…
เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินว่าศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กที่อยู่ติดกับโรงพยาบาลตงหยาง มีอุปกรณ์ครบครันและกว้างขวาง แต่เธอยังไม่เคยไปเหยียบที่นั้น
เมื่อได้ยินตัวเลขจำนวนมากในตอนนี้ ก็ถึงได้รู้ว่าอดีตผู้นำกองทัพให้ความสำคัญกับสตรีและเด็กมาก และเขายินดีที่จะส่งต่อพื้นที่ขนาดใหญ่นี้
ต้องรู้ก่อนว่าที่ตงหยาง ไม่ว่าจะเป็นย่านที่อยู่อาศัย ย่านการค้า หรือแม้แต่เขตพื้นที่การทำงาน เช่น กองทัพรัฐบาล ก็ครอบครองพื้นที่ขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“เขตหรือพื้นที่ที่สำคัญที่สุดของศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กคือตรงไหนคะ และมีพื้นที่เท่าไร” เธอเกาหัวแล้วถาม
อดีตผู้นำกองทัพขอให้ผู้ช่วยของเขานำแผนที่ศูนย์แม่และเด็กมาให้เธอดู
“ตรงนี้เป็นพื้นที่ศูนย์สุขภาพแม่และเด็ก พื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร เป็นสถานที่ที่มีหญิงตั้งครรภ์และเด็กแรกเกิดมากที่สุด”
“มีสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่นี่ ครอบคลุมพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร มีเด็กอายุ 3-12 ปี จำนวน 400 คน”
“นี่คือศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีพื้นที่ครอบคลุม 2,000 ตารางเมตร มีเด็กก่อนวัยเรียน 200 คน”
“ซึ่งตรงข้ามเป็นโรงเรียนประถม มีเนื้อที่กว่า 2,000 กว่าตารางเมตร…”
……
อดีตผู้นำกองทัพพูดช้า ๆ อย่างระมัดระวัง และเมื่อเขาได้อธิบายถึงบริเวณโดยรอบแล้ว ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหวังและความกังวล
ซูเถาสัมผัสได้ถึงความคาดหวังของเขา เขาต้องการให้เธอดูแลผู้คน และสถานที่ข้างต้นทั้งหมด
หญิงสาวเม้มปากแล้วพูดว่า “ฉันนับผลึกนิวเคลียสเหล่านี้อย่างคร่าว ๆ มันมีประมาณ 30 อัน ถ้าฉันต้องช่วยชีวิตแม่และเด็กในอนาคตอันใกล้นี้ ก็ยังจำเป็นต้องหาผลึกนิวเคลียสเพิ่มอีก”
แม้ว่าอดีตผู้นำกองทัพจะคาดการณ์ไว้นานแล้ว แต่เขาก็ยังถอนหายใจและพูดว่า
“ได้ ฉันจะหามาให้เธอ ฉันจะให้คนส่งผลึกนิวเคลียสไปให้เธออย่างสม่ำเสมอ บอกตามตรงว่าผลึกนิวเคลียสที่อยู่ในกล่องคือผลึกนิวเคลียสทั้งหมดในตงหยาง ฉันไม่ได้เก็บเอาไว้เพื่อให้คนหนุ่มสาวไว้เพิ่มวิวัฒนาการด้วยซ้ำ เพราะฉันกลัวว่าจะไม่พอ”
“แต่แล้วมันก็ไม่พอจริง ๆ…”
ในขณะที่เขาพูด เขาก็ไอสองครั้ง สิงซูอวี่รีบไปข้างหน้าเพื่อลูบหลังเขา
ซูเถารู้สึกได้ทันทีว่ากล่องที่บรรจุผลึกนิวเคลียสนั้นหนักเท่ากับทองคำหนึ่งพันก้อน หนักมากจนเธอไม่สามารถถือมันได้
อดีตผู้นำกองทัพรออยู่ครู่หนึ่งและกวักมือเรียกหญิงวัยกลางคนที่ดูพูดจาฉะฉานเข้ามา และแนะนำให้ซูเถาได้รู้จัก
“นี่คือผู้อำนวยการกัว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอเป็นผู้ดูแลศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กของตงหยาง สามารถขอให้เธอช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้”
แบบนี้เท่ากับการส่งมอบผอ.กัวให้กับซูเถาบริหารโดยตรง
ผู้อำนวยการกัวขยับแว่นตา รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นเธออายุยังน้อย แต่ก็ยังพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงการทักทาย
ซูเถารู้สึกได้ถึงความแปลกแยกและความไม่ไว้วางใจบางอย่างจากเธอ
ช่างมันเถอะ คงเป็นเพราะเธอยังเด็กมากจึงดูไม่น่าไว้วางใจนัก แต่ความจริงยังมีเวลาอีกนาน ค่อย ๆ ทำความคุ้นเคยกันไป
หลังจากนั้น ผอ.กัวก็เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ของศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กให้ตนฟัง
นอกจากนี้เธอยังระบุด้วยว่าตราบใดที่ยังรวมอยู่ในอาณาเขตของเถาหยาง รายได้ที่เกิดจากศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กจะเป็นของเถาหยางด้วย
ตัวอย่างเช่น การรักษาพยาบาล การตรวจครรภ์สำหรับสตรีมีครรภ์ การทำคลอด ฯลฯ จะไม่ฟรี แต่ถ้ามาจากตงหยางและมีบัตรประจำตัวประชาชน ก็สามารถลดค่าธรรมเนียมลงครึ่งหนึ่งได้
ค่าเล่าเรียนของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก็ไม่ถูก ผู้ที่สามารถส่งลูกไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตงหยางได้ ก็เป็นครอบครัวที่มีรายได้ที่ดี
นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนประถมแห่งเดียวในตงหยาง ค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่น้อย ๆ
ศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีเพียงแห่งเดียวในศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กก็รับเด็กที่แข็งแรงปราศจากโรค และดูเหมือนจะเฉลียวฉลาด
เด็กกำพร้าจำนวนมากค่อย ๆ เสียชีวิตลงในมุมที่ไม่มีใครเห็นพวกเขา
ซูเถาถอนหายใจหลังจากได้ยินสถานการณ์ทั่วไปของศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็ก
ปกติแล้วศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กของตงหยางเป็นแบบที่เน้นชั้นเรียนมาก หากมีเงินและคะแนนสมทบก็สามารถใช้บริการตรวจครรภ์ที่ดีได้ การคลอดที่สะดวก และไปโรงเรียนอย่างปกติเพื่อรับการศึกษา
แม้แต่เด็กกำพร้าก็ต้องฉลาดและสุขภาพดี ส่วนที่นอกเหนือจากนี้ ก็จะไม่ถูกเลือก
ถึงมันจะฟังดูโหดร้าย แต่มันก็ต้องใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระดับหนึ่ง
มีผู้ที่มีความสามารถมากมายที่ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลตงหยางและกองทัพที่ถูกเลี้ยงดูมาในศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนั้น
เมื่อเห็นเธอขมวดคิ้ว ผอ.กัวคิดว่าเธอไม่เห็นด้วย จึงเตือนว่า
“เถ้าแก่ซู ก่อนที่วันสิ้นโลกจะสิ้นสุดลง นี่เป็นรูปแบบการดำเนินงานที่ดีที่สุด เราไม่ใช่นักบุญและพระเจ้า และเราไม่สามารถทำให้สังคมสงบสุขได้ก่อนวันสิ้นโลก แต่ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันและยุติธรรม”
ซูเถาพยักหน้า “ฉันเข้าใจ”
ผอ.กัวถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เถ้าแก่สาวคนนี้ไม่เอาแต่ใจและรับฟังสิ่งที่เธอพูด
เธอรู้สึกโล่งใจมากและถามว่า
“เถ้าแก่ซู อยากจะไปดูศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กไหม ฉันจะขอให้เจ้าหน้าที่การเงินชำระรายได้ครึ่งเดือนแรกให้คุณ เนื่องจากอดีตผู้นำกองทัพตัดสินใจมอบศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กให้คุณดูแล บัญชีนี้ก็ไม่ต้องถูกแบ่งอีกต่อไป”
ซูเถาผงะไปครู่หนึ่งและรู้สึกประหลาดใจ
เธอกังวลว่าถ้าใช้ผลึกนิวเคลียสจนหมด เธอจะได้รับมอบหมายในการจัดการพื้นที่ศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็ก หลังจากนั้นเธอจะไม่มีเงินในคลังมากเพียงพอที่จะซื้อโดมป้องกัน
แต่เธอก็ขอบคุณอดีตผู้นำกองทัพที่คิดถึงเธอ
ดังนั้นเธอจึงตามผอ.กัวเพื่อขับรถไปที่โรงพยาบาลแม่และเด็กเพื่อเยี่ยมชมโดยรอบ
หลังจากเธอไปดูแล้ว ก็เข้าใจได้ว่าทำไมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการทหารของตงหยาง จึงล้าหลังกว่าฐานอู๋ไถมาก
อดีตผู้นำกองทัพใช้เงินและสิ่งของทั้งหมดไปกับการรักษาพยาบาล แม่และเด็ก
ศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กมีอุปกรณ์ครบครัน บางแห่งก็ยังดูใหม่ และมีอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมาย
สภาพโดยรวมดีมาก มีแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ดูแลเด็กจำนวนมาก ไม่น่าแปลกใจที่ประชากรของตงหยางจะมีเสถียรภาพและยังคงเพิ่มขึ้นในทุกปี
เพราะมีศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็ก ดังนั้นครอบครัวที่มีความพร้อมในตงหยางจึงยินดีที่จะมีลูก
ผู้อำนวยการกัวสวมสายรัดข้อมือประจำตัวให้ทารกแรกเกิดที่ร้องไห้และพูดกับซูเถา
“สิ่งที่มีค่าที่สุดในวันสิ้นโลกแบบนี้ไม่ใช่เสบียงหรือผลึกนิวเคลียส แต่คือประชากร เราต้องมีประชากรเท่านั้นถึงจะมีคนซื้อเสบียง และต้องมีประชากรถึงจะมีคนไปแย่งชิงผลึกนิวเคลียสมา”
ซูเถามองกลับมาที่เธออย่างจริงจัง
“ให้เวลาฉันหนึ่งปี ฉันจะเพิ่มจำนวนประชากรของตงหยางให้ได้สองเท่า คุณเชื่อไหม”
ผอ.กัวตกตะลึงไปสองวินาที จากนั้นเธอก็ยิ้มและไม่พูดอะไร
เธอคงไม่เชื่อ
อดีตผู้นำกองทัพใช้เวลา 20 ปีในการเพิ่มจำนวนประชากรของตงหยางจาก 20,000 เป็น 50,000 คน
แต่สองเท่าในหนึ่งปี?
เธอจะทำได้ใช่ไหม เพราะจริง ๆ แล้วเธอก็เป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง
เธอเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า “นักบัญชีได้คำนวณเสร็จแล้ว จะให้โอนเงินให้คุณได้ทางไหนคะ?”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่เชื่อ ซูเถาก็เลยไม่ได้พูดอะไรมาก และบอกหมายเลขบัญชีกลางที่จัดการโดยเฉียนหรงหรง
จากนั้นทั้งสองก็คุยกันถึงสถานการณ์ในศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็ก และกว่าจะรู้ตัวก็เกือบมืดแล้ว
ทันทีที่กลับมาที่เถาหยาง ซูเถาเห็นเฉียนหรงหรงรีบวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้นและถามว่า
“พี่เถาจื่อ คุณรวยขึ้นแล้วเหรอ มีเงินเข้าบัญชีกลางถึงหกล้านเหลียนปัง และคะแนนสมทบมากกว่าหนึ่งล้านคะแนนในบัญชีของเรา!”
คนในสำนักงานหันมามองอย่างพร้อมเพรียงกัน
จวงหว่านจ้องมองและถามว่า “อดีตผู้นำกองทัพเป็นคนให้เงินคุณเหรอ”
ซูเถามองไปที่เธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ฟ้าก็มืดลงแล้วยังฝันกลางวันอยู่อีกเหรอคะ ฉันได้รับเงินมาเพราะฉันต้องทำอะไรบางอย่าง เอาล่ะเอาล่ะ นี่ก็ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว ทำไมยังไม่เลิกงานกันอีก?”