ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 231 อัปเกรดเลเวล 6
ตอนที่ 231 อัปเกรดเลเวล 6
ตอนที่ 231 อัปเกรดเลเวล 6
เจียงอวี่ถ่ายทอดการสนทนาระหว่างเฉียนหลินและหม่าต้าเพ่าให้ซูเถาฟัง
ซูเถาถอนหายใจ “เธอก็ทำงานหนักเพื่อไร่เช่นกัน แต่คงต้องเป็นปีหน้า เพราะว่าปีนี้ฉันต้องการหม่าต้าเพ่าไปสร้างคอนเน็กชันให้เถาหยาง”
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ก็มีเสียงดังสนั่นมาจากบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลนี้
“คุณถอนหายใจทำไม? ผมได้ยินมาว่าช่วงนี้ชื่อเสียงของเถาหยางพุ่งกระฉูดเลย ขนาดนายจ้างใหม่ของผมยังถามผมเลย”
ซูเถามองดูเวลาแล้วถามเขาด้วยความแปลกใจ “นี่มันกี่โมงแล้ว พวกคุณยังฝึกอยู่อีกเหรอ?”
เหลยสิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “คุณลืมสิ่งที่ผมบอกคุณแล้วเหรอ ว่าเดือนนี้เรามีภารกิจ และเราจะออกเดินทางพรุ่งนี้ ผมก็เลยมาที่นี่เพื่อบอกคุณ”
ซูเถาตบหน้าผากของตัวเอง “ฉันขอโทษ ฉันลืมจริง ๆ ยกโทษให้ฉันได้ไหม ถือซะว่าเห็นแก่รอยคล้ำใต้ตาของฉันก็ได้”
ในจังหวะที่พูด เธอก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา ทำให้เห็นถุงใต้ตาของเธอชัดขึ้น
เหลยสิงเปลี่ยนจากสีหน้าอึมครึมเป็นสดใสทันที และความสดใสนั้นก็เปลี่ยนเป็นความทุกข์อีกครั้ง “คุณทำงานหนักมาก พักผ่อนเยอะ ๆ นะ”
ซูเถาพยักหน้าอย่างแรง และพยายามบอกตัวเองไม่ให้ทำการก่อสร้างแบบหามรุ่งหามค่ำ
“ว่าแต่ คุณเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตรหรือเปล่า กลุ่มเป้าถูมีโควตาสองสามสิทธิ์ทุกปี แต่ผมเหนื่อยเกินไปกับงานแบบนี้ ทุกครั้งที่ไปผมอยู่ได้ไม่ถึงวันก็หนีกลับแล้ว ปีที่แล้วผมก็ไปปะทะกับคนโง่คนหนึ่ง มีเรื่องกันนิดหน่อย โต๊ะอาหารถูกคว่ำและผู้จัดงานก็ตบหน้าผม หลังจากนั้นผมก็โกรธมาก ผมคิดว่าถ้าปีนี้ไอ้ทึ่มคนนั้นไป ผมก็ยิ่งไม่อยากไป”
ซูเถาเบิกตากว้าง “นี่คุณไปทะเลาะกับผู้เข้าร่วมการประชุมเหรอ?”
เหลยสิงพูดด้วยความโกรธ
“มันรังควานคนของผม ผมไม่ฆ่าเขาทิ้งก็บุญแค่ไหนแล้ว”
ซูเถามองเขาด้วยความชื่นชม
สำหรับการประชุมที่จริงจัง คนที่มาล้วนมีเกียรติและอำนาจ มีเพียงเหลยสิงเท่านั้นที่สามารถเทียบชั้นและเอาชนะเขาได้
เหลยสิงยัดจดหมายเชิญสองฉบับใส่มือเธอ “คุณพาคนไปเถอะ”
ซูเถารู้สึกหนักใจเล็กน้อยกับจดหมายเชิญ และดันมันกลับไปหาเขา “ไม่ดีมั้ง…มันค่อนข้างแพง”
เธอได้ยินมาว่าถ้าไม่ได้โควตาการประชุม บัตรนี้ถ้าไปขายข้างนอกราคาจะสูงเสียดฟ้า แต่ผู้คนก็ยังซื้อมันอยู่
เหลยสิงส่งเสียง ‘หึ’ “ช่างหายากอะไรอย่างนี้ แต่ผมไม่อยากไปจริง ๆ ถ้าคุณไม่อยากไป ก็ทิ้งมันไปซะ”
จากนั้นซูเถาก็ยอมรับ แต่เธอก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเอาเปรียบเขา
“จริง ๆ แล้วฉันมีอยู่แล้ว 5 ใบ ฉันเกรงใจอยู่นะ”
เหลยสิงตอบ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็พาคนไปได้อีกสองสามคน ผมได้ยินเฉียนหลินพูดว่าอยากไป คุณก็พาเธอไปด้วยสิ แล้วก็อู๋เจิ้นคนนั้น คุณพาเขาไปด้วยก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี”
เมื่อเห็นว่าเธอยังลังเลอยู่ น้ำเสียงของเหลยสิงก็เปลี่ยนทันที “เกรงใจผมเหรอ?”
ซูเถายัดจดหมายเชิญลงในกระเป๋าทันที “ขอบคุณ พี่ชาย!”
เหลยสิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็กล่าวเพิ่มเติม
“อย่าทำเหมือนผมล่ะ ผมเดินเท้าเปล่าและไม่กลัวการสวมรองเท้า ในขณะที่อยู่ในการประชุมผมก็กล้าที่จะตีคน แต่ถึงคุณจะทำอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แต่อย่าหุนหันพลันแล่นขนาดนั้น ถ้าเจอปัญหาในที่ประชุม ออกมาหาผม อย่าลุยเดี่ยว”
“ออกมาหาคุณเหรอ”
เหลยสิงพยักหน้า “นายจ้างของผมมาจากฉางจิง ครั้งนี้เขาจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตร เมื่อผมพาเขาไปที่สถานที่จัดงาน ผมจะรออยู่ข้างนอก เมื่อคุณออกมาคุณก็จะเห็นผม”
ซูเถาถามว่า “โอเค งั้นพรุ่งนี้คุณจะไปฉางจิงเหรอ”
“ใช่”
ซูเถาพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณทุกคนก็ระวังตัวด้วยนะ”
กลุ่มเป้าถูออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้น และเฉินหยางก็ยังคงร้องจะไปกับเขาเหมือนครั้งที่แล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องผิดหวัง
รถแล่นออกไปในที่สุด เขายังคงดื้อดึงยืนมองพวกเขาจากไปด้วยดวงตาแดงก่ำ
จวงหว่านอยากจะเตะเขาออกไป เพื่อให้เขารู้ว่าโลกภายนอกนั้นอันตรายแค่ไหน
ซูเถาเดินไปลูบหัวและให้เหตุผลกับเขา
“พี่ใหญ่เหลยและพวกไปฉางจิง การเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ไกลมาก และมีปัจจัยเสี่ยงมากมายเช่นกัน แม่ของนายและฉันเป็นห่วงนายมากนะ เราก็เลยไม่อยากปล่อยให้นายไป แต่ถ้าเกิดว่างานหน้ามีความท้าทายน้อยลง ฉันจะอนุญาตให้ไปสักครั้ง ตกลงไหม?”
เฉินหยางรู้สึกดีขึ้นมากและเงยหน้าขึ้นมองแม่ของเขาด้วยดวงตาแดงก่ำคู่นั้น
จวงหว่านพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากเกลี้ยกล่อมลูกชายตัวแสบออกไปแล้ว จวงหว่านก็พูดอย่างท้อใจ
“ตราบใดที่เขายังเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่สบายใจที่จะไปประชุม ไม่ใช่ว่าว่าฉันเดินทางกลับมา เขาก็หนีไปไกลแล้วนะ”
เฉียนหลินพูดทันที “ฉันจะจับตาดูเขาแทนคุณ ไม่ต้องกังวลนะ”
ในวินาทีต่อมา ซูเถาได้มอบจดหมายเชิญสองฉบับให้เธอ
“บางทีคุณอาจช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว ให้ผู้อาวุโสเหม่ยและอวิ๋นหลันคอยจับตาดูเฉินหยางแล้วกัน คุณและอู๋เจิ้นจะได้เข้าร่วมกับเรา”
เฉียนหลินไม่อยากจะเชื่อ “คุณได้มันมาจากไหน?”
ไหนบอกว่าโควตาการประชุมนั้นมีค่ามาก ทำไมเถ้าแก่ของพวกเขาถึงได้เพิ่มมาอีกสองสามใบล่ะ
ซูเถาอธิบายเหตุผลสั้น ๆ
เฉียนหลินยิ้มอย่างดีใจ “ขอบคุณเถ้าแก่และกัปตันเหลยมาก ไว้ฉันจะโทรไปขอบคุณกับเขาเป็นการส่วนตัวทีหลัง”
เฉียนหลินถอนหายใจ
“กัปตันเหลยใจดีกับพี่เถาจื่อจริง ๆ ทุกครั้งที่มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น เขามักจะนึกถึงพี่เถาจื่อก่อนเสมอ”
ผู้พูดไม่มีเจตนา แต่ผู้ฟังมีความตั้งใจ
จากนั้นทุกคนก็เงียบ พวกเขามองหน้ากันอย่างมีความสุข
ซูเถามองไปที่พวกเขาพร้อมกับหมุนสะโพกกลับไป “ฉันจะไม่เชิญคุณทานอาหารมื้อค่ำในคืนนี้ หากคุณยังคงเยาะเย้ยฉัน”
ทุกคนหัวเราะและรีบเปลี่ยนเรื่อง
หลังจากหัวเราะ เมิ่งเชียนก็มารายงานสถานการณ์การเข้าพักของผู้เช่ารายใหม่
วันนี้ห้องชุดใหม่ถูกปล่อยเช่าหมดแล้ว และผู้เช่าได้ดำเนินการเช็คอินเรียบร้อย
รวมถึงห้องเจ็ดห้องที่เป้าถูเคยอาศัยอยู่ ได้รับเงินรวมทั้งสิ้น 955,000 เหลียนปัง สำหรับค่าเช่าเดือนแรก
สิ่งนี้ทำให้สินทรัพย์รวมของซูเถา สูงถึง 7.8 ล้านเหลียนปัง
นอกจากนี้ จำนวนผู้เช่าทั้งหมดในเถาหยางและภูเขาผานหลิวก็เกิน 500 รายแล้วเช่นกัน
[ตรงตามเงื่อนไขการอัปเกรดเลเวล 6 โฮสต์ต้องการใช้เงิน 6ล้านเหลียนปังในการอัปเกรดระบบหรือไม่?]
“ใช่”
สินทรัพย์ทั้งหมด – 6,000,000 เหลียนปัง
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ ระบบเจ้าของอสังหาฯ ได้รับการอัปเกรดหนึ่งระดับ เป็นเลเวล 6 เปิดระบบการเช่าแบบรายกลุ่ม และร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์การเลี้ยงดูสัตว์ได้รับการปลดล็อก โปรดตรวจสอบและยอมรับ]
หัวใจของซูเถาปั่นป่วนเล็กน้อย
ไม่เพียงแต่มีหอพักสำหรับผู้เช่าจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังมีการเช่าร่วมกันอีกด้วย
หอพักรวมสามารถเปิดเช่าให้กับกองคาราวาน ขบวนรถ ทหารรับจ้าง ฯลฯ
รูปแบบการเช่าร่วมกันสามารถเช่าห้องชุดแบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องนั่งเล่น หรือ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น สามารถหารค่าห้องกันได้ ซึ่งจะได้ราคาดีกว่า และยังสามารถเพลิดเพลินกับพื้นที่กิจกรรมสาธารณะที่ใหญ่ขึ้น
อีกทั้งราคายังดีกว่าห้องเดี่ยว
นอกจากได้มีรูมเมทแล้ว ในด้านอื่น ๆ ก็ถือว่าดีกว่าห้องเดี่ยวและห้องคู่
ซูเถาเบนความสนใจไปที่ร้านค้าปศุสัตว์
เธอยังคงสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และกำลังจะเปิดดูอย่างตื่นเต้นเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์เลี้ยงดูสัตว์ แต่แล้วก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้ง
[เลเวล 7 ต้องการผู้เช่า 1,000 คนและใช้เงิน 12 ล้านเหลียนปัง หลังจากอัปเกรดแล้ว คุณสามารถเปิดร้านให้เช่าและปลดล็อกร้านขายยาได้]